ไทโด (躰道): ศิลปะการต่อสู้ชนิดใหม่ในญี่ปุ่นที่มาแรง
ญี่ปุ่นเป็นชาติที่มีศิลปะการต่อสู้มากมายหลายชนิด โดยผู้เขียนเคยกล่าวถึงวิชาคาราเต้แบบต่าง ๆ ไปแล้วใน
https://www.marumura.com/karate-in-tokyo-olympics-2020/ และ
https://www.marumura.com/the-karate-kid-cobra-kai/
แต่เนื่องจากญี่ปุ่นเป็นชนชาติที่นิยมการทำ “อี้โทะโกะโดะริ” (เคยเขียนถึงเช่นกันใน https://www.marumura.com/iitoko-dori/) คือเอาสิ่งที่ดีของชาติอื่นหรือของตัวเองที่ดีอยู่แล้วมาพัฒนาต่ออย่างไม่หยุด ในที่สุดจึงเกิดเป็นวิชาใหม่ ๆ อยู่เรื่อย ๆ นั่นเอง
วิชาใหม่ที่จะกล่าวถึงในวันนี้เรียกว่า “ไทโด (躰道)” แปลตรงตัวว่า “วิถีแห่งกายา” ซึ่งคิดค้นและประกาศตัวอย่างเป็นทางการในปี ค. ศ. 1965 จึงถือว่าใหม่มากเมื่อเทียบกับอีกหลายวิชาที่มีประวัตินับร้อยปีหรือหลายร้อยปี โดยวิชานี้จริง ๆ แล้วพัฒนามาจากคาราเต้สายชุริ-เทะ (首里手) นั่นเอง โดยวิชาคาราเต้ต้นฉบับที่ Okinawa แบ่งออกเป็น 3 สายหลัก การแบ่งนี้แต่ดั้งเดิมคือไม่ได้แบ่งไว้ แต่พอตอนหลังเมื่อคาราเต้เริ่มมีความหลากหลายสูงมาก ผู้เชี่ยวชาญจึงตกลงแบ่งถิ่นกำเนิดดั้งเดิมคร่าว ๆ ตามบริเวณที่มีความนิยมฝึกกระบวนท่านั้น ๆ คือ
1) ชุริ-เทะ (首里手): เป็นวิชาของกลุ่มคนที่อาศัยอยู่ในบริเวณปราสาทชุริ (首里城) ซึ่งอยู่บนเนินเขา จัดเป็นคาราเต้ของชนชั้นปกครอง มีการปะปนกับวิทยายุทธของจีนอยู่น้อย มี Dynamic ในการเคลื่อนไหวสูง (เคลื่อนไหวเป็นวงกว้างและรวดเร็วรุนแรง) มีท่าจู่โจมระยะไกลที่รุนแรงมีประสิทธิภาพ
2) นะฮะ-เทะ (那覇手): ในอดีตเมืองนะฮะเป็นเมีองท่าเรือที่เป็นศูนย์กลางการค้าขาย เพลงมวยชนิดนี้แพร่หลายในบริเวณเมืองนะฮะในปัจจุบัน จัดเป็นคาราเต้ของชนชั้นพ่อค้าและชาวบ้าน มี Dynamic ในการเคลื่อนไหวน้อยกว่าชุริ-เทะ ไม่เน้นท่าจู่โจมระยะไกล เพราะฝึกกันบริเวณท่าเรือ ก้าวเท้าไกล ๆ แบบชุริ-เทะแล้วอาจลื่นล้มพลาดท่าเสียเอง หรือบางครั้งต้องสู้กันบนเรือ จึงไม่นิยมฝึกชุริ-เทะกันแถวท่าเรือ แต่นิยมฝึกนะฮะ-เทะกันมากกว่าเพราะเหมาะกับภูมิประเทศบริเวณท่าเรือ และเน้นประสาทสัมผัส การระเบิดพลังในระยะสั้น รวมทั้งการฝึกเส้นเอ็นและกล้ามเนื้อมากเป็นพิเศษ เน้นการต่อสู้ประชิดตัวมาก ๆ มีลักษณะของวิทยายุทธจากจีนชัดมาก โดยเฉพาะการรับอิทธิพลของเพลงมวยกระเรียนขาว (白鶴拳) ของจีน
3) โทะมะริ-เทะ (泊手): หมู่บ้านโทะมะริก็เป็นเมืองท่าเรืออีกแห่งหนึ่งที่เป็นศูนย์กลางการค้าขายในริวกิวโบราณ (จังหวัด Okinawa ในปัจจุบัน) แม้แต่ทุกวันนี้ในบริเวณหมู่บ้านโทะมะริก็ยังมีท่าเรือโทะมะริให้บริการสัญจรทางน้ำและเป็นส่วนหนึ่งของเมืองหลวงนะฮะ ชาวหมู่บ้านโทะมะริสมัยก่อนได้แลกเปลี่ยนวิทยายุทธกับชุริ-เทะและนะฮะ-เทะ รวมทั้งแลกเปลี่ยนกับพ่อค้าชาวจีนและพ่อค้านานาชาติ โทะมะริ-เทะจึงมีลักษณะผสมระหว่างชุริ-เทะ และ นะฮะ-เทะ แต่โทะมะริ-เทะมีจุดเด่นที่สามารถจู่โจมศัตรูได้จากท่าทางที่ดูเหมือนเสียหลักการทรงตัว เช่น การฝึกเพลงมวยไนฮันจิ (ナイハンチ) เพื่อสร้างสมดุลย์การยืนขาเดียวให้เคยชิน อาจเพราะเป็นท่าเรือ (เดาว่า) คงลื่นล้มระหว่างฝึกซ้อมเป็นประจำ จนถึงขั้นต้องคิดค้นวิชาทรงตัวจากท่าลื่นเกือบล้มได้กระมัง โดยโทะมะริ-เทะจะมีลักษณะการก้าวเท้ายาวแบบชุริ-เทะ แต่ท่าก้าวเท้ามีลักษณะบิดเท้าทั้งสองข้างเข้าด้านในตามแบบฉบับเพลงมวยกระเรียนขาวเหมือนของนะฮะ-เทะเพื่อสร้างสมดุลย์ไม่ให้ลื่นเวลาก้าวเท้ายาว ๆ
วิชา “ไทโด (躰道)” ที่พูดถึงในวันนี้นั้น พัฒนาจากคาราเต้สายชุริ-เทะที่เด่นเรื่องพุ่งตัวได้ไกล จู่โจมระยะไกลได้รุนแรงมีประสิทธิภาพ โดยชุริ-เทะได้วิวัฒนาการเป็นคาราเต้สำนัก “เก็นเซริว (玄制流)” ซึ่งก่อตั้งสำนักในปี ค. ศ. 1950 โดยมีจุดเด่นเรื่อง “จู่โจมจากมุมที่คู่ต่อสู้คาดไม่ถึง” เป็นเคล็ดวิชาของคาราเต้สายเก็นเซริว แต่ไม่กี่ปีหลังจากนั้น ผู้ก่อตั้งสำนักเก็นเซริวที่ชื่อ ชุกุมิเนะ เซเค็น (祝嶺正献) ก็ตระหนักถึงขีดจำกัดภายในวิชาคาราเต้ว่า หากจะจู่โจมจากมุมที่คู่ต่อสู้คาดไม่ถึงจริง ๆ แล้ว การต่อสู้ด้วยสไตล์คาราเต้ที่จัดเป็นการต่อสู้ในแนวยืนสู้ ย่อมมีขีดจำกัดในการจู่โจมจากมุมที่คาดไม่ถึง จึงตัดสินใจลาออกจากสำนักเก็นเซริวที่ตัวเองก่อตั้งขึ้น แล้วมาก่อตั้งวิชาไทโดขึ้นในปี ค. ศ. 1965 โดยยังมีสัมพันธภาพอันไม่แย่นักกับสำนักเดิมที่ลูกศิษย์ลูกหาหลายคนยังคงฝึกวิชาเก็นเซริวกันต่อมาจนปัจจุบัน ส่วนสำนักไทโดก็เริ่มเติบโตขึ้นในญี่ปุ่นทีละนิด
ไทโด แหวกขนบการต่อสู้ของคาราเต้ทั้งหมด เพราะต้องการ “จู่โจมจากมุมที่คู่ต่อสู้คาดไม่ถึง” จึงเพิ่มมิติการสู้จากการยืนสู้ เพิ่มเป็นท่านั่งสู้, นอนสู้, กระโดดสู้, ตีลังกาสู้ เข้าไปด้วย ทำให้พัฒนาจากคาราเต้แบบเก็นเซริวที่ยืนสู้ กลายเป็นแนวสู้ 360 องศา (บอกได้ว่าวิชาไทโดนี่โหดมาก!) วิชาไทโดจึงพูดแบบเข้าใจง่ายๆ ว่าเหมือน คาราเต้ ผสมกับ คาโปเอร่า เพียงแต่จุดต่างคือ คาโปเอร่าพัฒนาจากการฝึกศิลปะการต่อสู้ที่เนียน ๆ เลียนแบบท่าเต้น เพราะทาสชาวแอฟริกาสมัยก่อนถูกสั่งห้ามฝึกศิลปะป้องกันตัว จึงต้องพัฒนาศิลปะป้องกันตัวที่ดูเหมือนกับแค่ร้องรำทำเพลงเต้นรำ เพื่อหลอกนายทาสให้ตายใจ แต่จริง ๆ คือแอบฝึกศิลปะการต่อสู้อยู่ แต่ในทางตรงข้าม การตีลังกาของไทโดจะไม่ได้เป็นท่าเต้น แต่เป็นการตีลังกาจาก “คะตะ (型)” ของคาราเต้ คือมีการตั้งท่าสู้แบบคาราเต้ ไม่ได้ตีลังกาแบบกระโดดโลดเต้นเหมือนคาโอเอร่า นั่นเอง
การ “จู่โจมจากมุมที่คู่ต่อสู้คาดไม่ถึง” มีจุดเด่นคือ ท่าเตะที่แปลกประหลาด เช่น
ท่าเตะกุ้ง (海老蹴り)
1) ท่าเตะกุ้ง (海老蹴り): ยืนสู้กันอยู่ดี ๆ ก็พลิกตัวเอาหัวและมือลงพื้น ลักษณะคล้ายรูปร่างของกุ้ง แล้วเตะเสยขึ้นจากด้านล่าง ป้องกันยากมาก ถ้าฝึกได้คล่อง คู่ต่อสู้จะรู้สึกเหมือนเจอบาทาไร้เงา คือเป้าหมายหายไปจากตรงหน้า แล้วรู้ตัวอีกทีก็มีเท้าพุ่งขึ้นมาจากพื้น
ท่าเตะทะแยงมุม (斜状蹴り)
2) ท่าเตะทะแยงมุม (斜状蹴り): ยืนสู้กันอยู่ดี ๆ ก็ล้มโครมลงพื้น พอคู่ต่อสู้พุ่งเข้ามาจะซ้ำ ก็พบว่าจริง ๆ แล้วแกล้งล้ม แล้วคู่ต่อสู้ก็จะโดนเตะเสยขึ้นจากด้านล่าง ป้องกันยากมากเช่นกัน
3) ท่าเตะกงจักร หรือ ท่าเตะสวัสดิกะ (卍蹴り): คำว่าสวัสดิกะในอักษรคันจินั้นมีความหมายในทางดีงาม ต่างจากสวัสดิกะที่ใช้กันในโลกตะวันตกที่หมายถึงสงครามและการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ โดยท่าเตะนี้จะมีลักษณะคล้ายท่าเตะทะแยงมุม เพียงแต่จะมีการตีลังกาทั้งแนวตั้ง แนวนอน แนวทะแยงมุม ก่อนจะเตะทะแยงมุมอีกทีหลังจากตีลังกาหลายตลบจนคู่ต่อสู้สับสน
ปัจจุบันผู้ที่เผยแพร่วิชาไทโดอย่างเป็นกิจลักษณะที่สุดคือ นะกะโนะ เท็ตสึจิ (中野哲爾) ซึ่งสาธิตวิชาไทโดออกสื่อบ่อยมาก จนสังคมญี่ปุ่นเริ่มรู้จักวิชานี้เป็นวงกว้างขึ้น หลังจากที่วิชานี้อยู่นอกกระแสมาหลายทศวรรษ ผู้สนใจสามารถหาดู YouTube ได้ มีคลิปเป็นจำนวนมากให้ได้ชมกัน เสิร์ชด้วยคำว่า Nakano Tetsuji ได้เลย จัดว่าเป็นศิลปะการต่อสู้ที่ผ่านการ Modernized มาอย่างชัดเจน และไม่อนุรักษ์นิยมแบบยึดติดกับขนบธรรมเนียมคาราเต้เดิมแต่อย่างใด ทำให้กลายเป็นศิลปะการต่อสู้ชนิดใหม่ที่น่าจับตามองมาก
ติดตามผลงานเขียนทั้งหมดของวีรยุทธได้ที่ >> https://www.facebook.com/Weerayuths-Ideas
เรื่องแนะนำ :
– หลักการบริหารงานแบบตระหนักถึง “มนได (問題)” และ “คะได (課題)” สไตล์ญี่ปุ่น
– ปรากฏการณ์ “เทอิน-วะเระ (定員割れ)” ของระบบการศึกษาญี่ปุ่น
– การเรียนการสอนวิชา “มังงะ เกมส์ อนิเมะญี่ปุ่น” ที่คณะมนุษยศาสตร์ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย
– ทำไมญี่ปุ่นจึงพัฒนาวงการกีฬาของตัวเองไปได้ไกลระดับต้น ๆ ของเอเชีย
– อาหารญี่ปุ่น 3 ระดับ: วะโชะคุ, ชูกะเรียวริ, และโยโชะคุ
ขอบคุณรูปภาพจาก
https://www.tsukubataido.com/world-taido/
http://tmdutaido.jp/
#ไทโด (躰道): ศิลปะการต่อสู้ชนิดใหม่ในญี่ปุ่นที่มาแรง