“ชิสุโอกะ” ซึ่งแม้ว่าคนไทยหลายคนคุ้นชื่อกันดี และอยู่ห่างจากโตเกียวไปประมาณ 1 ชั่วโมงเท่านั้น เมื่อเดินทางด้วยชินกันเซน แต่เวลาไปเที่ยวญี่ปุ่นกัน หลายคนกลับมักจะมองข้ามไป …
เรียบเรียงโดย : ทีมงาน www.marumura.com
ราคาตั๋วเครื่องบินไปญี่ปุ่นทุกวันนี้ ราคาถูกจนเรียกได้ว่าใครๆ ก็บินไปญี่ปุ่นได้ จึงไม่น่าแปลกใจว่าตอนนี้ไปเมืองไหนๆ ก็จะได้ยินเสียงภาษาไทยเต็มไปหมด ไม่ว่าจะเป็นโตเกียว เกียวโต นาโกย่า หรือแม้แต่ฮอกไกโดก็ตาม แต่มีอยู่เมืองหนึ่งที่มีชื่อเสียง แต่คนไทยหลายคนมักมองข้ามไป นั่นก็คือ “ชิสุโอกะ” ซึ่งแม้ว่าคนไทยหลายคนคุ้นชื่อกันดี และอยู่ห่างจากโตเกียวไปประมาณ 1 ชั่วโมงเท่านั้น เมื่อเดินทางด้วยชินกันเซน แต่เวลาไปเที่ยวญี่ปุ่นกัน หลายคนกลับมักจะมองข้ามเมืองนี้ไป
ใครที่กำลังมองหาที่เที่ยวระหว่างทาง ระหว่างโตเกียวกับโอซาก้า marumura ขอเวลาครึ่งวันพาทัวร์สิ่งที่น่าสนใจในชิสุโอกะกัน
ถ้ามาถึงเช้าหน่อย เราแนะนำให้ไปที่หาด Miho-no-Matsubara ก่อน หากตั้งต้นจากสถานีรถไฟชินกันเซน (สถานีชิสุโอกะ) นั้น ให้นั่งรถไฟ JR Tokaido Line ย้อนกลับมาที่สถานี Shimizu จากนั้นออกมารอรถบัสสาย Miho Yamanote Line ที่ป้ายรถบัสหน้าสถานีรถไฟ โดยใช้เวลาเดินทางประมาณ 20 – 25 นาที ก่อนที่รถจะจอดที่ป้าย Miho-no-Matsubara
สำหรับจุดจอดรถบัสนั้น ก็ไม่ต้องแปลกใจที่จะดูเหมือนเป็นบ้านคน เพราะเราจะต้องเดินต่อไปอีกนิดนึง ใช้เวลาไม่เกิน 10 นาที ระหว่างทางจะมีป้ายบอกทางไปยังหาดแห่งนี้
เมื่อแรกเห็นจะพบว่าชายหาดแห่งนี้มีความแปลกไปกว่าหาดอื่นๆ ก็เพราะพื้นทรายที่มีสีดำ ตัดกับทะเลสีคราม มีต้นสนเรียงรายอยู่ริมหาด และที่งดงามที่สุดก็คือฉากหลังที่เป็นภูเขาไฟฟูจิ ซึ่งเป็นวิวที่ปรากฎอยู่ในภาพวาดเก่าแก่ของญี่ปุ่น นามว่า Hiroshige Utagawa หลายคนที่เป็นแฟนคลับประเทศญี่ปุ่นอาจจะเคยเห็นภาพนี้ผ่านตากันมาบ้าง
นอกจากนี้ ความงดงามและความมีชื่อเสียงของสถานที่แห่งนี้ยังถูกพรรณนาลงบทกลอนมาตั้งแต่อดีต โดยส่วนใหญ่กล่าวชื่นชมความสวยงามของมหาสมุทรสีน้ำเงิน ป่าสนสีเขียว เกลียวคลื่นสีขาว และหาดทรายสีดำ ซึ่งเป็นความแตกต่างที่เข้ากันได้อย่างลงตัวของสถานที่แห่งนี้
และอีกประการหนึ่งที่น่าสนใจก็คือ ป่าสนของที่นี่ ที่เป็นต้นกำเนิดของตำนานฮาโงโรโมะ (Hagoromo) เทพนิยายพื้นบ้านของญี่ปุ่นเรื่องหนึ่ง โดยเล่ากันต่อๆ มาว่า ขณะที่สาวละอ่อนนางหนึ่งกำลังอาบน้ำ ได้แขวนเสื้อคลุมของนางไว้ที่ต้นสน จากนั้นก็มีชาวประมงคนหนึ่งได้มาหยิบเอาเสื้อคลุมของเธอไป ก่อนจะขอให้เธอเต้นรำ ถ้าเต้นแล้วจะคืนเสื้อคลุมให้ เรื่องราวนี้ต่อมาได้ถูกเล่าขานกลายนิทานพื้นบ้าน แล้วนิยมนำมาเล่นในละครโน (Noh) อีกด้วย
หาด Miho-no-Matsubara เป็นส่วนหนึ่งของภูเขาไฟฟูจิที่ปัจจุบันได้รับเลือกให้เป็นมรดกโลกจาก UNESCO ดังนั้นหากใครได้มีโอกาสไปญี่ปุ่น ก็ไม่ควรพลาดที่จะไปชื่นชมความงามของสถานที่แห่งนี้ด้วยตัวเอง
ถ้าครอบครัวไหนเดินทางพร้อมเด็กๆ โดยเฉพาะลูกสาว เราขอแนะนำให้ขากลับนั่งรถบัส นั่งเลยสถานี Shimizu ไปนิดนึง โดยไปลง S-Pulse Dream Plaza ซึ่งเป็นที่ตั้งของ Chibi Maruko-chan Land
สถานที่แห่งนี้จะเรียกว่าเป็นสวนสนุกก็ไม่เชิง แต่เป็นสถานที่จำลองบรรยากาศหลายๆ อย่างจากฉากในการ์ตูนยอดฮิตอย่าง “จิบิมารุโกะจัง” เอาไว้ ทั้งห้องนอน ห้องนั่งเล่น โรงเรียน หรือแม้แต่สนามเด็กเล่น ทำให้เราสามารถสวมบทบาทเป็นเสมือนตัวการ์ตูนในเรื่องได้เลย ถ้าใครชอบจริงๆ จังๆ ที่นี่เขาก็มีบริการให้เช่าชุด ซึ่งเป็นเครื่องแต่งกายจากตัวการ์ตูนเรื่องนี้ คือเสื้อสีขาวและกระโปรงเอี๊ยมสีแดง ให้โอกาสเราได้แปลงร่างเป็นตัวการ์ตูนสุดโปรดคือ “มารุโกะจัง” ด้วย
ส่วนโซนด้านนอกก็มีตู้เกม เกมกด และร้านขายสินค้าที่ระลึกที่เกี่ยวข้องกับตัวละครในเรื่อง ดังนั้นแฟนคลับมารุโกะไม่ควรพลาดที่แห่งนี้เลย
ทั้งสองที่นี้ใช้เวลาเที่ยวรวมกันประมาณครึ่งวัน หรือหากใช้เวลาแบบเต็มที่หนึ่งวันเต็มก็คุ้มค่าไม่น้อย ก่อนเดินทางต่อด้วยรถไฟชินกันเซนในช่วงเย็นเพื่อไปยังเมืองอื่นที่คุณต้องการก็ทำได้ ดังนั้นหากใครกำลังหาจุดหมายสำหรับการเที่ยวระหว่างทางที่นั่งชินกันเซนในเส้นทาง Tokaido (ซึ่งวิ่งระหว่างโตเกียวและโอซาก้า) การแวะมาสองที่นี้อาจทำให้คุณได้ไปเที่ยวในที่ที่ไม่ซ้ำใครบนเฟซบุ๊คเลยก็เป็นได้
ส่วนใครที่กำลังด้อมๆ มองๆ หาส่วนลดตั๋วเครื่องบิน หรือที่พักสามารถลองเช็คได้ที่นี่เผื่อช่วยให้ประหยัดเงินสำหรับทริปเที่ยวญี่ปุ่นครั้งนี้มากขึ้นก็ได้นะคะ
คราวหน้า เราจะแนะนำจุดท่องเที่ยวแห่งไหนในญี่ปุ่นกันอีก …รอติดตามกันนะคะ (^^)/
เรียบเรียงโดย : ทีมงาน www.marumura.com