วิชายุทธ วิถีเซน by Lordofwar Nick
ประวัติศาสตร์ของ “ยูยิตสู” ฉบับ Renzo Gracie [เชิงอรรถ 4] ยูยิตสูสำนักคิโตริว
สวัสดีครับท่านผู้อ่าน เอาล่ะครับวันนี้ก็ได้โอกาสมาเล่าเรื่อง “สำนักคิโตริว” (起倒流) ที่ว่ากันว่าเด่นในทาง “ท่าทุ่ม” และเป็นรากเหง้าเค้ามูลของกระบวนท่าทุ่มของ “ยูโดโคโดคัง” จนถึงทุกวันนี้ เรื่องราวจะเป็นอย่างไรขอเชิญอ่านกันได้เลยครับ
ที่กล่าวได้ว่าเป็นรากเหง้าเค้ามูลนั้น เพราะอย่างที่เล่าไปแล้วว่าหลังจากที่ท่านคาโน่เรียนกับสำนักเทนจินชินโยริวไปได้พักใหญ่ อาจารย์ผู้สอนก็ด่วนตายไปเสียก่อน ก็เลยต้องย้ายไปเรียนกับสำนักคิโตริวจนได้ไปประกาศฯ ออกมาตั้งสำนักเองได้ และท่วงท่า (คาตะ) โบราณของสำนักคิโตริวสายทาเคนากะ (起倒流竹中派) ก็ยังได้รับการอนุรักษ์ไว้เป็นคาตะโบราณอยู่
คาตะ “โกะดาโอเระ” (虚倒) ของสำนักคิโตริว (ที่มา wikipedia)
แต่พอพูดถึงประวัติว่าใครตั้ง เอาล่ะซิ เป็นปัญหาละ บ้างก็ว่า ฟุคุโนะ ชิจิโรเอมอน มาซาคัตสึ (福野七郎右衛門正勝) ที่ว่าเรียนวิชาจาก “จินเก็มปิน” และตั้งสำนักเรียวอิชินโตริว นี่แหละ มีส่วนในการตั้งสำนักนี้ ร่วมกับ อิบารากิ มาตะซาเอมอน โทชิฟูสะ ซึ่งทั้งสองคน เคยเรียนวิชาดาบกับสำนักยางิวชินคาเงะริว บ้างก็ว่า เทราดะ ฮาจิซาเอมอน (寺田八左衛門) ที่เป็นลูกศิษย์ของฟุคุโนะนั้น พอเอาวิชาไปสอนเทราดะ มิตสึฮิเดะ หลานตัวเอง หลานพอได้วิชาจากอา ก็เอามาเรียกชื่อเสียใหม่ว่า “คิโตริวคุมิอุจิ” (起倒流組討)
ว่ากันว่า อิบารากิ มาตะซาเอมอน โทชิฟูสะ เป็นคนเอาวิชาไปเผยแพร่ที่แถบคิวชูและชิโกกุ และได้รับความนิยมมากในแคว้นซางะ
ทีนี้จะขอย้ายมากล่าวถึงสำนักคิโตริว “สายทาเคนากะ” ที่ท่านคาโน่ได้ไปเรียนบ้างนะครับ ว่ากันว่าสายทาเคนากะก่อตั้งโดย ทาเคนากะ โมโตะโนะชิน (竹中元之進) ซึ่งสืบทอดสำนักต่อโดย ทาเคนากะ เท็ตสึโนะสุเกะ (竹中鉄之助) ซึ่งศิษย์คนหนึ่งของทาเคนากะ เท็ตสึโนะสุเกะ คือ อีคุโบะ สึเนโตชิ (飯久保恒年) และท่านคาโน่ จิโกโร่นั้น เรียนวิชาสำนักคิโตริวจนได้ใบประกาศก็กับอาจารย์อีคุโบะ นี่แหละครับ
เหตุผลที่มาที่ว่าทำไมท่านคาโน่ ถึงได้มาเรียนจนได้ใบประกาศกับสำนักคิโตริว เรื่องราวมีดังนี้
เดิมทีท่านคาโน่สมัยนั้นเรียนวิชากับสำนักเทนจินชินโยริว แต่เนื่องจากอาจารย์ อิโซะ มาตะเอมอน เจ้าสำนักรุ่นสามซึ่งเป็นผู้สอนถึงแก่กรรมในปี พ.ศ. 2424 พอดีว่ารุ่นพี่ที่มหาลัยคือ โมโตยามะ มาซาฮิสะ (本山正久 บัณฑิตนิติศาสตร์ ม. โตเกียวรุ่นแรก) ซึ่งบิดาคือ โมโตยามะ มาซาโอะ เป็นครูสอนยูยิตสูสำนักคิโตริว แต่ว่าอาจารย์โมโตยามะ มาซาโอะ ท่านว่าท่านไม่เก่งในทางรันโดริ ก็เลยแนะนำให้ไปเรียนกับอาจารย์อีคุโบะแทน ตั้งแต่นั้นมาท่านคาโน่ก็สนใจศึกษาร่ำเรียนพวกท่าทุ่มต่างๆ อย่างจริงจัง ในเดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ. 2425 ท่านคาโน่ไปอาศัยเช่าห้องที่วัดเอโชจิ (永昌寺) และนั่นได้กลายเป็นสถานที่ฝึกที่แรกของสำนักโคโดคัน ในเดือนพฤษภาคม พ.ศ. 2425 ตอนนั้นอาจารย์อีคุโบะก็ยังมาสอนคาตะและรันโดริของสำนักคิโตริวด้วย แน่นอนว่าศิษย์โคโดคันรุ่นแรกอย่าง โทมิตะ ทสึเนะจิโร่ กับ ไซโก ชิโร่ ก็ได้ร่ำเรียนด้วย ท่านคาโน่ ได้ใบประกาศจากอาจารย์อีคุโบะ ในปี พ.ศ. 2426 และได้รับช่วงหนังสือที่ตกทอดในสำนักคิโตริวที่อาจารย์อีคุโบะถืออยู่ทั้งหมด จนถึงปี พ.ศ. 2428-2439 อาจารย์อีคุโบะก็ยังมาถ่ายทอดวิชาความรู้ต่างๆ ให้แก่สำนักโคโดคันอยู่
อาจารย์อีคุโบะ สึเนโตชิ ถึงแก่กรรมเมื่อวันที่ 5 เมษายน พ.ศ. 2431 สิริอายุได้ 55 ปี
ภาพใบประกาศที่อาจารย์อีคุโบะมอบให้ คาโน่ จิโกโร่ (ที่มา Wikipedia)
โครงสร้างของหลักสูตรวิชานั้น แรกเริ่มเป็นท่าทุ่มที่ใช้กับการประกบตีใส่เกราะ (โยโรอิคุมิอุจิ) ซึ่งปรากฎใน “คัมภีร์มนุษย์” (ฮิโตะมากิ 人巻) ว่ามีกระบวนท่า “หน้า” (โอโมเตะ) 14 ท่า “หลัง” (อุระ) 7 ท่า ซึ่งเท่าที่ดูคาตะแล้ว ดูเหมือนจะหนักไปทางสาย “ทิ้งตัว” (สุเตมิ) เสียเยอะ
ไหนๆ ก็ไหนๆ แล้ว มาดูวิชากันดีกว่าครับ
กระบวนท่าใน “คัมภีร์มนุษย์” มีดังนี้
หน้า (โอโมเตะ 表) 14 ท่า
体 (ไท “กาย”)
夢中 (ยูเมะโนะอุจิ “ในฝัน”)
力避 (เรียวคุฮิ “หนีพลัง”)
水車 (มิซุกุรุมะ “กังหันน้ำ”)
水流 (มิซุนางาเระ “น้ำไหล”)
曳落 (ฮิคิโอโตชิ “ดึงลง”)
虚倒 (โคะดาโอเระ “ล้มเปล่า”)
打砕 (อุจิคุดากิ “ตีแหลก”)
谷落 (ทานิโอโตชิ “สอยหุบผา”)
車倒 (คุรุมะดาโอเระ “ล้อล้ม”)
錣取 (ชิโกโรโดริ “จับแผงปิดคอ”)
錣返 (ชิโกโรกาเอชิ “คืนแผงปิดคอ”)
夕立 (ยูดาจิ “ฝนหน้าร้อน”)
滝落 (ทากิโอโตชิ “สอยน้ำตก”)
เอารูปมาให้ดูจะได้นึกออกว่า “ชิโกโร” คืออะไร มันคือแผงเกราะปิดข้างคอของหมวกเกราะ ครับ
ภาพ “ชิโกโร” (錣) ที่มา touken-world
หลัง (อุระ 裏) 7 ท่า
身砕 (มิคุดาคิ “ตีกายแหลก”)
車返 (คุรุมะกาเอชิ “คืนกงล้อ”)
水入 (มิซุอิริ “ใส่น้ำ”)
柳雪 (ริวเซ็ตสึ “หิมะหลิว”)
坂落 (ซากาโอโตชิ “สอยเนิน”)
雪折 (ยูกิโอเระ “หักหิมะ”)
岩波 (อิวานามิ “คลื่นซัดหิน”)
สิ่งที่ผมอยากจะบอกก็คือ คาตะ (形) เหล่านี้ ยังถูกอนุรักษ์ไว้โดยโคโดคันยูโด ในชื่อว่า “โคะชิกิ โนะ คาตะ” (“คาตะอย่างโบราณ” 古式の形) โดยที่ชื่อของกระบวนท่าต่างๆ และมูฟเมนต์นั้นก็คืออย่างเดิมโบราณของยูยิตสูสำนักคิโตริวเลยครับ
เอา “โคะชิกิ โนะ คาตะ” ของ โคโดคันยูโด มาให้ชมครับ
วันนี้ก็ขอจบแต่เพียงเท่านี้ก่อน พบกันใหม่สัปดาห์หน้านะครับสวัสดีครับ
เรื่องแนะนำ :
– ประวัติศาสตร์ของ “ยูยิตสู” ฉบับ Renzo Gracie [เชิงอรรถ 3] เรื่องของ “จินเก็มปิน”
– ประวัติศาสตร์ของ “ยูยิตสู” ฉบับ Renzo Gracie [เชิงอรรถ 2] สำนักทาเคโนะอุจิ
– ประวัติศาสตร์ของ “ยูยิตสู” ฉบับ Renzo Gracie [เชิงอรรถ 1] เกะฮายะ ปะทะ สุคุเนะ
– ว่าด้วยคำว่า “อดทน” ในภาษาญี่ปุ่น กามัน (我慢) กับ นินไต (忍耐)
– ประวัติศาสตร์ของ “ยูยิตสู” ฉบับ Renzo Gracie (8) การฟื้นคืนชีพของวิชาสายคว้าจับ (grappling) ในสายตาของสังคม
#ประวัติศาสตร์ของ “ยูยิตสู” ฉบับ Renzo Gracie [เชิงอรรถ 4] ยูยิตสูสำนักคิโตริว