การฝึกคิดเชิงตรรกะ (Logical Thinking) และสื่อสารอย่างมีประสิทธิภาพด้วย “ฟ้า-ฝน-ร่ม (โซระ-อะเมะ-คะซะ)”
ชาวญี่ปุ่นนั้นมีลักษณะที่เขียนอีเมลหรือเขียนจดหมายได้ยาวมาก อีกทั้งการนำเสนอในวาระต่าง ๆ ก็มีแนวโน้มจะยาวนานกว่าชาติอื่นเนื่องจากลักษณะภาษาและวัฒนธรรมการสื่อสารที่นิยมถ่ายทอดข้อมูลให้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้ ผู้เขียนเคยได้กล่าวถึงเทคนิคการทำงานกับคนญี่ปุ่นไว้หลายประเด็นในอดีตคือ
1) การวางแผนงานโดยใช้ PDCA แบบใหม่ที่เรียกว่า O-PDCA และ R-PDCA
2) การบริหารงานและวิเคราะห์ปัญหาโดยตระหนักถึง “มนได” และ “คะได”
3) วิธีลดปริมาณงานที่ไม่สร้างคุณค่าโดยการวิเคราะห์ “ซะเงียว” และ “ชิโงะโตะ”
4) การสื่อสารอย่างมีประสิทธิภาพโดยใช้ “โฮเร็นโซ” แบบใหม่สำหรับยุคดิจิทัล
วันนี้จะกล่าวถึงอีกแนวคิดที่องค์กรในประเทศญี่ปุ่นหลายแห่งนิยมใช้ในการฝึกพนักงานให้คิดอย่างเป็นระบบเชิงตรรกะ คือเทคนิคที่เรียกว่า “ฟ้า-ฝน-ร่ม (โซระ-อะเมะ-คะซะ)” ที่ภาษาญี่ปุ่นเขียนว่า 空雨傘 ตรงตัว
ความหมายของ “ฟ้า-ฝน-ร่ม” ในระบบองค์กรญี่ปุ่น
เทคนิคที่หลายองค์กรในญี่ปุ่นใช้ฝึกพนักงานให้คิดอย่างเป็นระบบเชิงตรรกะมีดังนี้
1. ฟ้า (โซระ: 空) หมายถึง:
a. สภาพท้องฟ้าในขณะนั้น
b. ในแบบฝึกหัด “ฟ้า-ฝน-ร่ม” จะหมายถึง “ข้อเท็จจริง” หรือ Facts ของสถานการณ์นั้น ๆ
c. ข้อเท็จจริงในส่วนของโซระ จะต้องเป็น Facts ล้วน ๆ ที่ไม่มีความคิดเห็นเจือปน เช่นตัวเลข หรือ ข้อมูลดิบ
2. ฝน (อะเมะ: 雨) หมายถึง:
a. ฝนน่าจะตก
b. ในแบบฝึกหัด “ฟ้า-ฝน-ร่ม” จะหมายถึง “การตีความ” สถานการณ์นั้น ๆ โดยใส่ความคิดเห็นส่วนตัวเข้าไป
c. ความคิดเห็นส่วนตัวในส่วนของอะเมะ จะเกิดขึ้นเมื่อพิจารณา Facts ในส่วนของโซระ แล้วใช้วิจารณญาณตัวเองตัดสิน
3. ร่ม (คะซะ: 傘) หมายถึง:
a. ควรพกร่มไปด้วย
b. ในแบบฝึกหัด “ฟ้า-ฝน-ร่ม” จะหมายถึง “การตัดสินใจลงมือทำ”
c. การตัดสินใจลงมือทำในส่วนของคะซะ จะเกิดขึ้นเมื่อพิจารณา Facts ในส่วนของโซระ และพิจารณาความคิดเห็นที่กลั่นกรองแล้วในส่วนของอะเมะ แล้วจึงตัดสินใจลงมือทำ
ตัวอย่างการนำ “ฟ้า-ฝน-ร่ม” มาใช้จริงแบบง่าย ๆ
เพื่อหลีกเลี่ยงการหลงทางในเชิงการคิด และหลีกเลี่ยงการถ่ายทอดข้อมูลที่ทำให้ผู้รับสารเข้าใจผิดได้ จึงนิยมนำเทคนิคฟ้า-ฝน-ร่มมาใช้
ตัวอย่างการใช้ 1 – แบบอธิบายท้องฟ้าตรง ๆ
1. 【空】 (โซระ): ท้องฟ้า ณ ขณะนั้นเป็นอย่างไร บรรยายตามข้อเท็จจริง (มีเมฆหรือไม่มีเมฆ? เมฆสีอะไร?)
2. 【雨】 (อะเมะ): พิจารณาโซระแล้วว่ามีเมฆ และเป็นเมฆสีดำ จึงตีความได้ว่าอะเมะ (ฝน) น่าจะตก
3. 【傘】 (คะซะ): พิจารณาโซระแล้วว่ามีเมฆ ตีความแล้วว่าอะเมะจะตก จึงตัดสินใจลงมือทำว่าจะพกคะซะ (ร่ม) ไปด้วย
ตัวอย่างการใช้ 2 – แบบใช้ในองค์กรธุรกิจ
1. 【空】 (โซระ): ข้อเท็จจริง คือ ยอดลูกค้าน้อยลงกว่าเป้าที่วางไว้ ใช้ตัวเลขบอก Facts ได้
2. 【雨】 (อะเมะ): ความคิดเห็นส่วนตัว คือ น่าจะเป็นเพราะ 1, 2, 3, 4 ตามที่ทีมวิเคราะห์ เช่น มีคู่แข่งรายใหม่เกิดขึ้น, คู่แข่งออกโปรฯ กระหน่ำทำให้ดึงลูกค้าไปหมด, พนักงานฝ่ายบริการลูกค้ามีพฤติกรรมที่แย่ ฯลฯ
3. 【傘】 (คะซะ): ตัดสินใจลงมือดำเนินมาตรการดังต่อไปนี้ 1, 2, 3, 4 ตามที่พิจารณาโซระ และ อะเมะ ไป
มองเผิน ๆ ดูเหมือนว่าจะเป็นเรื่องธรรมดาสามัญ แต่เวลาทำงานจริง ๆ พอมีงานหลายงานประดังกันเข้ามา ต้องติดต่อสื่อสารทั้งทางอีเมล ทางไลน์ ทางโทรศัพท์ ทั้งประชุมเจอตัว ประชุมต่าง ๆ นานา ฯลฯ ตามสไตล์ญี่ปุ่น สามารถทำให้พนักงานทุกระดับสติหลุดเอาง่าย ๆ และทำให้วิจารณญาณรวมทั้งความสามารถในการคิดเชิงเหตุและผลลดลงอย่างไม่น่าเชื่อ การใช้เทคนิค “ฟ้า-ฝน-ร่ม (โซระ-อะเมะ-คะซะ)” มากำกับให้วิเคราะห์สถานการณ์อย่างเป็นลำดับขั้น และนำเสนอถ่ายทอดให้ผู้รับสารรับทราบอย่างเป็นลำดับขั้น จะช่วยลดความเข้าใจผิดและช่วยให้วิเคราะห์สถานการณ์ได้ตรงเป้ามากขึ้น และประหยัดเวลามากขึ้น
ผู้อ่านท่านใดสนใจ สามารถลองนำเทคนิค “ฟ้า-ฝน-ร่ม (โซระ-อะเมะ-คะซะ)” ไปใช้ในการนำเสนอของบริษัทตัวเองได้เช่นกัน แล้วจะพบว่าทำงานง่ายขึ้นพอสมควรเลย
ติดตามผลงานเขียนทั้งหมดของวีรยุทธได้ที่ >> https://www.facebook.com/Weerayuths-Ideas
เรื่องแนะนำ :
– รีวิว “มหาวิทยาลัยนานาชาติ” ของญี่ปุ่นเทียบกับของไทย
– โฮ-เร็น-โซในยุคดิจิทัล: ตัวอย่างการประยุกต์ใช้จริงแบบง่าย ๆ
– เกิดเป็นเอเลี่ยนในญี่ปุ่นนั้นอยู่ยาก: เจ้าของอสังหาริมทรัพย์ในญี่ปุ่นจำนวนไม่น้อยยังคงปฏิเสธไม่ให้ชาวต่างชาติเช่าที่พักn>
– CEFR คืออะไร แล้วทำไม JLPT ต้องใช้ CEFR ตั้งแต่ปี ค. ศ. 2025?
– Soft Power และกรุงโรม ไม่ได้สร้างเสร็จในวันเดียว: มาพิจารณาการพัฒนา Soft Power ของญี่ปุ่นกัน
ขอบคุณรูปภาพจาก
https://www.ft.com/content/602d49fa-b486-323b-b320-28d7bbbf631d
#การฝึกคิดเชิงตรรกะ (Logical Thinking) และสื่อสารอย่างมีประสิทธิภาพด้วย “ฟ้า-ฝน-ร่ม (โซระ-อะเมะ-คะซะ)”