ร้านเน็ทฉันก็นอนมาแล้ว และห้องนอนแบบ Dorm ใช่ว่าเป็นของใหม่ซะเมื่อไหร่ มีคนไปอยู่มาแล้วมากมายและเห็นรีวิวมานักต่อนัก เหตุนี้ผมจึงลองตัดสินใจจองโรงแรมแห่งนี้ดู และผลที่ได้รับก็คือความสุขแบบเกินกว่าที่คิดเอาไว้มากเลยล่ะครับ

อย่างที่เคยเกริ่นเอาไว้เมื่อนานมาแล้วว่าผมเดินทางไปญี่ปุ่นครั้งที่ผ่านมานี้ ไม่ได้ไปนอนที่พักที่ทางบริษัทจัดไว้ให้อย่างเคย (เพราะครั้งนี้ไปส่วนตัว) นั่นทำให้งบประมาณในการใช้สอยน้อยลงมากๆ ตามไปด้วยครับ
ดังนั้นผมเลยตระเวนหาโรงแรมที่อยู่ใกล้บริเวณที่ต้องการไป (ในที่นี้คือผมต้องทำงานแถวๆ Ochanomizu) เลยลองหาที่พักในสถานีใกล้ๆ ดู ซึ่งก็ไปได้ที่พักที่น่าสนใจใน Akihabara ครับ แต่ที่พักนี้เป็นแบบ Dorm หรือเรียกง่ายๆว่านอนรวมนั่นแหละ และด้วยความที่เราเองไม่เคยมาก่อน และไม่รู้ด้วยว่าจะต้องไปนอนรวมกับใครบ้าง ก็เกิดความกังวลอย่างมากเลยล่ะครับ อย่างไรก็ตามผมก็ลองมาคิดดูว่า ร้านเน็ทฉันก็นอนมาแล้ว และห้องนอนแบบ Dorm ใช่ว่าเป็นของใหม่ซะเมื่อไหร่ มีคนไปอยู่มาแล้วมากมายและเห็นรีวิวมานักต่อนัก เหตุนี้ผมจึงลองตัดสินใจจองโรงแรมแห่งนี้ดู และผลที่ได้รับก็คือความสุขแบบเกินกว่าที่คิดเอาไว้มากเลยล่ะครับ
ดังนั้นผมจะรวมเอาคำถามที่เกิดขึ้นในช่วงก่อนที่ผมจะเข้าพักและคำตอบที่ได้จากประสบการณ์ในการเข้าพัก มาไว้เผื่อจะช่วยให้คนที่กำลังตัดสินใจอยู่มีข้อมูลมากขึ้นนะครับ

1. ห้องนอนแบบนี้อันตรายไหม?
ตอบ : จะบอกว่าปลอดภัย 100% ก็ไม่ได้หรอกครับ เพราะยังไงซะเราก็นอนรวมกับคนอื่นอยู่ดี อย่างไรก็ตามโรงแรมที่ผมไป (และโดยส่วนใหญ่แล้ว) จะมีกล้องอยู่ตรงทางเข้าห้องอย่างชัดเจนเพื่อสอดส่องครับ และแต่ละเตียงนั้นก็จะมีผ้าม่านปิดเป็นส่วนตัว (ลองนึกภาพรถไฟนอนบ้านเราน่ะครับ) กระเป๋านั้นบางโรงแรมก็จะมีที่ให้เก็บ แต่บางคนก็เอาวางมันไว้ข้างๆเตียงนั่นแหละ โดยเอาแม่กุญแจล็อคเอาไว้ วิธีนี้ก็ช่วยดูแลความปลอดภัยได้ดีครับ โดยส่วนตัวผมว่ามันปลอดภัยนะ ไม่ได้เลวร้ายอะไร (ปลอดภัยกว่าห้องรวมตามยุโรปเยอะเลยครับ จากที่เคยไปนะ)
อย่างไรก็ตามมันจะมีพวกแขกขาจร คือพวกที่อาจจะเมาหรือติดธุระอะไรแถวนั้นจนดึก รถไฟหมด แท็กซี่แพง พวกนี้จะเลือกมานอนโรงแรมแทนและออกไปในตอนเช้า บางทีเราไม่รู้ว่าคนที่มาเร็วไปเร็วแบบนี้จะมีคนไม่ดีแอบแฝงมารึเปล่า ดังนั้นเราต้องระมัดระวังสิ่งของ เก็บให้มิดชิดไว้ตลอด ก็ไม่มีอะไรต้องกังวลละครับ

2. คุ้มค่าไหม?
ตอบ : คุ้มครับ ถ้าคุณไม่ได้เป็นคนซีเรียสกับเรื่องของการนอนรวมกับผู้อื่น หรือห้องน้ำรวม จริงๆ แล้วสิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือเรื่องโรงแรมของญี่ปุ่นที่คิดเป็นหัว ไม่ค่อยจะคิดเป็นห้องๆ แบบประเทศอื่น ดังนั้นการประหยัดค่าโรงแรมจึงเป็นสิ่งสำคัญต่อการวางแผนการท่องเที่ยวครับ สิ่งที่เกิดขึ้นของผมก็คือ โรงแรมที่ไปนั้น ในหนึ่งห้องจะมีเตียงสองชั้นอยู่ 4 ชุด เท่ากับ 8 เตียง มีคนของเราไปซะ 7 เหลืออีกหนึ่งคนเป็นคนเกาหลี ซึ่งอาจจะด้วยความอึดอัดหรืออะไรก็ไม่ทราบ ผ่านไปวันรุ่งขึ้น เกาหลีคนนั้นก็ออกไป (โถ น่าสงสาร ฮือออ) เท่ากับว่าห้องนั้น กลายเป็นห้องที่มีแต่พวกเราอย่างเดียว ดังนั้นเราก็สบายใจเรื่องความปลอดภัยได้ในอีกระดับหนึ่ง แต่!!! สมมติกรณีกลับกัน เราไปคนเดียวแล้วไปอยู่ในสภาพของคนเกาหลีนั้น ก็อาจจะขำไม่ออกเหมือนกัน (ห้องแยกชายหญิงนะครับ ไม่มีปัญหาเรื่องนี้) อาจจะมีความอึดอัดบ้าง แต่โดยรวมกับราคาและกฎหมายรุนแรงของญี่ปุ่นแล้ว ผมยังคิดว่าคุ้มค่านะครับ
อ้อ! โรงแรมที่ผมไปอยู่ชื่อ Akihabara Hotel 3000 ครับ เป็นโรงแรมเปิดใหม่ เดินจากสถานีประมาณห้านาทีเท่านั้นเอง ตอนที่ไปห้องมันราคาสามพันเยน (รวมภาษี) แต่ช่วงนั้นมีโปรโมชั่น ลดราคาลงมาเหลือเพียงสองพันกว่าเยน (เท่ากับประมาณคืนละหกร้อยกว่าบาท) ห้องใหม่มาก ประทับใจครับ (ตอนนี้เห็นว่าราคาขึ้นแล้วครับ แต่สำหรับคนที่ทำงานแถวๆนั้นหรืออย่างตื่นมา ก้าวออกจากโรงแรมนิดเดียวแล้วเจอของเล่นเลย ก็น่าลองอยู่)
3. มีอาหารเช้าไหม ?
ตอบ : โดยปกติแล้วไม่มีครับ เพราะแก่นของมันคือที่พักราคาประหยัด แต่สิ่งที่เขาจะมีก็คือสวัสดิการพื้นฐาน เช่นไมโครเวฟ เตา ซึ่งเราสามารถทำอาหารกินเองได้ (ประหยัดได้เยอะเลยนะ) บางที่ก็ดีหน่อยคือมีตู้กดกาแฟฟรี แอนวานซ์ขึ้นมาหน่อยก็คือตู้กดน้ำเลย (น้ำเป็นแก้วๆ เหมือนตามร้านอินเตอร์เน็ทคาเฟ่อ่ะครับ ไม่ใช่เป็นตู้กดปกตินะ) ซึ่งมันช่วยประหยัดได้มากๆ เลยครับ ผมเองอาศัยซื้อขนมปังตอนดึก (แย่งกับเหล่าป้าผู้เป็นนักสู้แห่งของลดราคาในคอมบินิยามค่ำคืน) อย่างเช่น เมล่อนปัง (ของโปรด 80 เยน) มากินกะกาแฟฟรีตอนเช้าก็ไม่ได้แย่อะไร อิ่มกำลังดีเลยล่ะครับ อนึ่ง ด้วยมารยาทเราไม่ควรเอาของกินไปนั่งกินในห้องนอนนะครับ ส่วนหนึ่งคือเสียงดังและอาจเป็นกลิ่นที่ไม่พึงประสงค์ได้ครับ

4. ข้าวของเครื่องใช้ สาธารณูปโภคโอเคไหม?
ตอบ : โอเคครับ ส่วนใหญ่แล้วที่พักเหล่านี้จะมีไวไฟให้ ซึ่งตามมาตรฐานของญี่ปุ่นก็คือเร็วมากกกก นอกจากนี้สิ่งที่ต้องใส่ใจเป็นพิเศษก็คือเรื่องของ “ปลั๊กไฟ” คนอยู่ข้างล่างจะไม่ลำบากเท่าไหร่เพราะเอาปลั๊กมาต่อกับพื้นนั่นแหละ แต่คนที่นอนเตียงบน มันจะมีปลั๊กติดตั้งอยู่ปลายเตียง แย่หน่อยก็เอาสายมาพันรอบๆขอบเตียง ซึ่งข้อเสียของมันคือหากเราเอาสามตามาต่อพ่วง หรืออะไรเทือกนั้น ตัวปลั๊กมันจะอยู่ระนาบเดียวกับเตียงพอดีครับ (คือถ้านอนเตียงล่าง เราเอามันวางบนพื้น คนละระนาบกับเตียงได้ไง) ดังนั้นไอ้การอยู่ระนาบเดียวกันเนี่ย มันจะมีความเหวออยู่ว่าเห้ยย นิ้วเท้าเราจะไปแหย่ไหมนะ ผมเราจะเข้าไปปฏิสนธิกับพลังงานในปลั๊กรึเปล่า เราจะเป็นสาเหตุของอัคคีภัย เราจะต้องไปพบแพทย์แบล็คแจ็คหรือไม่ ฯลฯ ยังไงลองระมัดระวังตรงส่วนนี้ดูนะครับ
ต่อมาคือเรื่องของห้องน้ำ อันนี้ปัญหาใหญ่เลย ก่อนอื่นอยากให้ทุกคนดูดีๆ นะครับว่าห้องอาบน้ำของเขาเป็น “ห้องอาบน้ำรวม Shower” หรือ “โรงอาบน้ำรวม” บางทีโรงแรมมันเป็นโรงอาบน้ำแล้วเราเข้าใจผิด ทีนี้ล่ะงานหยาบเลยนะครับ Grand Opening กันเลยทีเดียว ตอนจองผ่านเว็บนี่ดูให้ชัดเจนนะครับ ภาพประกอบ ฯลฯ ทีนี้ว่าด้วยเรื่องห้องอาบน้ำบ้าง จริงๆ ผมว่ามันคือตู้อาบน้ำแบบเดียวกับที่ติดตั้งตามร้านอินเตอร์เน็ทนะครับ แบบเดียวกันเลย มีแยกส่วนเปียก แห้ง ชัดเจน และมีสบู่ ยาสระผมฟรีครับ (บางโรงแรมนี่มีแปรงอะไรให้เลยนะ หยิบได้ตรงเคาน์เตอร์ รวมถึงที่อุดหู ที่ปิดตาด้วย เรียกว่าเตรียมให้เราเสร็จสรรพเลยสำหรับคนที่จะมานอนรวมกันเนี่ย) ทีนี้บางโรงแรมมันจะให้หยอดเหรียญ น้ำถึงจะไหล โดยมีเวลารวมให้สิบห้านาที เรียกว่าอาบไป กดปุ่มไป บันเทิงดีเหมือนกัน ซึ่งเวลาพวกนี้มันเหลือๆครับ แต่โรงแรมที่เราไปนี่งานสบาย ห้องใช้ได้ตามอัธยาศัย อาบน้ำได้อย่างมีความสุข ไม่ต้องแข่งกับเวลา (แต่นานเกินก็ไม่ดีฮะ อาจมีคนรอ) เรื่องห้องน้ำสำหรับเพื่อนในกลุ่มที่รักความสะอาด ให้สอบผ่านครับ (แต่เราก็ลอง รร. นี้ รร. เดียวอะสิ ใครมีความเห็นถึงห้องอาบน้ำรวมของ รร.อื่นๆ พูดคุยกันได้นะครับ – ผมใช้ห้องอาบน้ำรวมในคาเฟ่เน็ทมาแล้วหลายๆ แห่ง และในโรงแรม ยังไม่เจอปัญหาอะไรเลย จึงคิดว่าส่วนใหญ่ไม่น่ามีปัญหาอะไรครับ)

5. ควรจองอย่างไร ?
ตอบ : สิ่งหนึ่งที่ดีสำหรับห้องพักแบบนี้คือเจ้าของที่พักจะเข้าใจว่าเรามาด้วยงบประมาณไม่มาก ดังนั้นสิ่งจำเป็นในการดำรงชีวิตต่างๆ เขามักจะให้เราฟรี และพร้อมให้คำปรึกษาตลอดจนสนองความต้องการพื้นฐานของเราได้อย่างดี เขาจะเต็มใจให้ความช่วยเหลือเราครับ สิ่งนี้เองตอบโจทย์การจองโรงแรมของนักเดินทางงบน้อยได้เป็นอย่างดี กล่าวคือโรงแรมแบบ Dorm นั้น หลายๆ แห่งจะไม่ใช้บัตรเครดิตในการ confirm booking ครับ แน่นอนว่าบางทีเขาจะเอารหัสบัตรเราไปเป็นข้อมูลไว้ แต่จะไม่มีการหักเงินในระบบ หรือล็อควงเงินไว้เพื่อการันตีแบบที่โรงแรมทั่วไปชอบทำ (อารมณ์ว่าล็อคเงินไม่ได้ ฉันไม่คอนเฟิร์มนะ) ดังนั้นคนที่ไม่มีบัตรเครดิต หรือคนที่จะแอบพ่อแม่ไปเที่ยวและลังเลว่าจะไปขอบัตรนางมายังไงดีก็จะสบายใจไปนะครับ ทีนี้บางโรงแรม ยิ่งจองหลายวัน ยิ่งได้ราคาถูกลงไปอีก ลองศึกษาการจองดีๆ นะครับ บางทีจองใน agoda หรือ booking จะได้ราคาปกติแหละ แต่ให้เช็คเว็บของโรงแรมเองด้วย บางทีมันเป็นเรตพิเศษ จะได้ผลประโยชน์กับเราสูงสุดครับ
ในภาพรวมแล้ว ผมถือว่าการนอนแบบ Dorm นั้น ไม่ใช่สิ่งที่อันตราย ส่วนหนึ่งอาจเพราะเราอยู่ในประเทศญี่ปุ่นที่มีการดูแลเรื่องนี้อย่างจริงจังและมีที่พักแบบ Dorm เกิดขึ้นแพร่หลายในสังคม มาตรการรักษาความปลอดภัยของสถานที่เหล่านี้เข้มงวดมากครับ นอกจากนี้โดยส่วนตัวการนอนในห้องรวมทำให้เราได้เพื่อนใหม่ๆ แน่นอนว่าได้เจอกับญี่ปุ่นในมุมที่เราไม่เคยเห็น ความเป็นมิตรของเจ้าของโรงแรมเล็กๆ ย่อมมีมากกว่ารีเซ็พชั่นของโรงแรมใหญ่โต ผมได้ไปร้านเล็กๆ ที่เขาแนะนำ ได้ไปยืนต่อคิวกินราเม็งคุณลุงที่มีแต่คนวัยทำงานมากินกัน
นี่คือมุมมองใหม่ๆของโตเกียวที่ผมเพิ่งได้สัมผัส ดังนั้นหากมีโอกาส อยากให้ลองดู หรือเข้ามาพูดคุยสอบถามกันได้ทางทวิตเตอร์ @pumiiiiiiiiii ยินดีพูดคุยกับทุกคนเลยครับ ^^