“อุระชิมะ ทาโร่ x พาวเวอร์แพท: การปรับตัวกับความเปลี่ยนแปลง”
อุระชิมะ ทาโร่ (浦島太郎) เป็นนิทานที่มีชื่อเสียงมากของญี่ปุ่น เนื้อเรื่องมีอยู่ว่ากาลครั้งหนึ่งมีชาวประมงหนุ่มชื่อ “อุระชิมะ ทาโร่” ทำงานออกหาปลาเพื่อนำเงินมาเลี้ยงดูแม่ เขาเป็นคนที่จิตใจดีและกตัญญูจนเป็นที่รู้จักและชื่นชมของคนทั้งหมู่บ้าน
วันหนึ่งระหว่างเดินทางกลับบ้านเขาเห็นเต่าน้อยถูกกลุ่มเด็กเกเรรังแก ทาโร่รีบเข้าไปห้ามและเสนอว่าจะขอซื้อเต่าตัวนี้ แล้วนำเต่าปล่อยกลับลงทะเล
วันต่อมาในขณะที่เขากำลังอยู่ในเรือเพื่อรอดักจับปลา มีเต่าตัวใหญ่ว่ายน้ำเข้ามาใกล้ ๆ แล้วพูดแสดงความขอบคุณที่เขาได้ช่วยเจ้าเต่าน้อย และขอตอบแทนบุญคุณด้วยการพาเขาไปเที่ยววังใต้ทะเลลึก
ทาโร่ขี่หลังเต่าดำน้ำลงไปจนถึงวังมังกรรีวงูโจ (竜宮城) วังนี้มีความสวยงามมากสร้างด้วยเพชรและทองคำสาดส่องประกายวูบวาบไม่เหมือนที่ใดในโลกที่เขาเคยเห็นมา เจ้าหญิงโอโตฮิเมะ ธิดาพระองค์เดียวของเทพเจ้ามังกรริวจินเปิดโอกาสให้เขาได้เข้าเฝ้า
ทาโร่ใช้เวลาอย่างมีความสุขในอาณาจักรใต้บาดาล เมื่ออยู่ไปได้นาน 3 ปีเขาเริ่มคิดถึงบ้าน ทาโร่จึงขอลาเจ้าหญิงเพื่อเดินทาง ก่อนเดินทางเจ้าหญิงโอโตฮิเมะได้ให้กล่องประดับด้วยอัญมณีเป็นของขวัญ เธอบอกไม่ให้เขาเปิดกล่องแต่ไม่ได้บอกเหตุผล
เมื่อทาโร่เดินทางกลับถึงบ้าน ทุกอย่างเปลี่ยนแปลงไปหมด ไม่เหลือสิ่งที่เคยอยู่ในความทรงจำของเขาเลย เพราะเวลาบนโลกนั้นได้ผ่านไปกว่า 300 ปีแล้ว ทาโร่รู้สึกเหงา โดดเดี่ยว และขมขื่นเสมือนที่อยู่เดิมไม่ใช่ที่ของเขา
ทาโร่กลับไปยังชายหาด และเปิดกล่องซึ่งได้รับเป็นของขวัญเปิดออกดู ทันใดนั้นมีควันขาวพวยพุ่งออกมา ตัวเขาชราลงอย่างรวดเร็วและเสียชีวิตไปในที่สุด ซึ่งกล่องนั้นในความเป็นจริงก็คือที่ใช้กักเก็บอายุของเขานั่นเอง
ปี 2543 นักร้องหนุ่ม แพท – พาวเวอร์แพท (POWER PAT) มีชื่อเสียงโด่งดังมากจากการที่มีหน้าตาดีและมีความสามารถหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นเพลงที่ติดหูทุกคนร้องได้ เช่น อย่าเขย่า, หลุดปากใช่ไหม และยังมีฝีมือในการแสดง ละครที่เขาแสดงดังเป็นพลุแตก เช่น รัน! รักอันตราย, Girl Club รับเอาคืน, เฮี้ยวนักรักซะเลย แฟนเพลงยุค 90 ตามเป็นติ่งแพทจำนวนมาก
เมื่อชีวิตขึ้นสูงสุดทั้งชื่อเสียงและเงินทอง แต่กลับตกลงต่ำสุดเพียงชั่วข้ามคืน เนื่องจากวันที่ 6 พฤษภาคม 2547 แพทถูกจับเนื่องจากมียาเสพติดไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายและเสพ (ยาอี) ศาลตัดสินจำคุก 50 ปี ปรับ 1 ล้านบาท เขาต้องไปใช้ชีวิตในคุก แต่เขาพยายามทำตัวเป็นนักโทษชั้นดี จนได้รับการลดโทษลงเรื่อยๆ เหลือ 16 ปี 8 เดือน
วันที่ 4 มกราคม 2564 คือวันที่เขาได้รับอิสรภาพออกมาใช้ชีวิตภายนอกอีกครั้ง “แพท พาวเวอร์แพท” ให้สัมภาษณ์ความรู้สึกหลังจากที่ได้กลับออกมาใช้ชีวิตอยู่ข้างนอก ประสบการณ์ที่เขาเล่าไม่ต่างอะไรกับอุระชิมะ ทาโร่ แพทต้องปรับตัวกับชีวิตที่เทคโนโลยีก้าวกระโดด, วัฒนธรรมความเป็นอยู่และภาษา ของนอกกายแทบจะไม่มีอะไรที่เหมือนเดิม แต่สิ่งที่ยังคงเดิมเฉกเช่นเมื่อ 17 ปีที่ผ่านมา คือ ความรักที่ญาติๆ มีให้และความเอ็นดูที่แฟนๆ พร้อมที่จะให้โอกาสและการสนับสนุนการเริ่มต้นชีวิตใหม่ของเขา
แพทพยายามปรับตัวกับการใช้สิ่งใหม่ที่เขาไม่คุ้นเคย เช่น หัดใช้สมาร์ทโฟน, FACEBOOK/ IG จนยอดติดตามเพิ่มขึ้นเป็นแสนภายในระยะเวลาไม่กี่วัน
ถึงแม้อุระชิมะ ทาโร่กับแพทต่างต้องเดินทางข้ามเวลาไปยังอนาคตทั้งคู่ แต่ผลลัพธ์แตกต่างกัน ทาโร่ไม่สามารถทำใจกับสิ่งที่เปลี่ยนไปได้ จนเป็นฝ่ายที่ต้องสูญสลายหายไป ในขณะที่แพทเรียนรู้และปรับตัว ทาโร่กับแพทมีวิธีการคิด (Mindset) ไม่เหมือนกัน
>> วิธีการคิด (Mindset) คืออะไร
อ้างอิงจากทฤษฎีของ “Carol Dweck” ซึ่งแบ่งวิธีการคิด (Mindset) ออกเป็น 2 แบบ
. วิธีการคิดแบบยึดติด (Fixed mindset): มองว่าทุกสิ่งทุกอย่างจะต้องคงสภาพไว้แบบเดิม ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ ต้องใช้ชีวิตแบบที่เคยทำมา ไม่คิดถามหาเหตุผล ไม่ชอบการเปลี่ยนแปลง มีความเชื่อว่าสิ่งที่ติดตัวมา เช่น ความฉลาด, พรสวรรค์, สถานะชนชั้นไม่สามารถปรับเปลี่ยนได้ สิ่งที่เป็นต้นทุนเดิมที่ติดตัวมาแต่เกิดจะนำพาไปสู่ความสำเร็จ ไม่เชื่อผลของความพยายามว่าจะเปลี่ยนแปลงอะไรได้
. วิธีการคิดแบบยืดหยุ่น (Growth mindset): คิดว่าคนเราแม้จะมีสิ่งที่ติดตัวมา เช่น ความรู้, ความสามารถ, ความฉลาด แต่สามารถปรับเปลี่ยนได้หากได้รับโอกาส การฝึกฝน และมีประสบการณ์มากพอ เชื่อในผลของความพยายามว่าจะสามารถเปลี่ยนแปลงชีวิตความเป็นอยู่ได้ ดังนั้นจะมีความคิดใหม่ๆและสร้างสรรค์พัฒนาสิ่งต่างๆ ให้ดีกว่าเดิม
>> ความสำคัญของวิธีการคิด (mindset)
คนที่มีวิธีการคิดแบบยึดติด (Fixed mindset) จะไม่มีการพัฒนาตนเองไปในทางที่ดีขึ้น เพราะเชื่อว่าทุกอย่างได้ถูกกำหนดมาไว้แล้ว เปลี่ยนแปลงไม่ได้ ส่วนคนที่มีวิธีการคิดแบบยืดหยุ่น (Growth mindset) เชื่อว่าทุกสิ่งไม่จีรัง สามารถเปลี่ยนแปลงและพัฒนาได้ มีความหวังในการที่จะพยายามปรับตัวเองหรือสิ่งต่างๆให้ดีขึ้น
>> ทำอย่างไรให้มีวิธีการคิดแบบยืดหยุ่น (growth mindset)
@ ยอมรับจุดอ่อนของตัวเอง
การที่เรารู้และยอมรับจุดอ่อนของตัวเองจะทำให้เราคิดที่วิธีแก้ไขจุดอ่อนนั้น ในความเป็นจริงที่เป็นเรื่องยาก คือ การยอมรับว่าเรามีข้อเสียอะไร เราต้องยอมรับข้อเท็จจริงก่อนว่าทุกคนไม่มีใครที่สมบูรณ์แบบ แต่เราสามารถที่จะพัฒนาได้ถ้าเรายอมรับและฝึกปรับ
@ มองปัญหาและอุปสรรคเป็นโอกาส
เวลาที่ต้องเจอกับสิ่งใหม่ๆหรือต้องตัดสินเปลี่ยนแปลงอะไรสักอย่าง ให้มองว่าเป็นโอกาสพัฒนาตัวเอง เพราะเราจะได้ทำสิ่งใหม่ๆที่ไม่เคยทำ หลายๆคนพลาดโอกาสในชีวิตเพราะไม่กล้าออกนอก Comfort zone กลัวการล้มเหลว ข้อเท็จจริง คือ ไม่ว่าจะทำอะไรต้องมีทั้งที่เราสมหวังและผิดหวัง สิ่งสำคัญไม่ใช่ผลลัพธ์ (Ends) แต่คือประสบการณ์การเรียนรู้ (Means) ที่ได้ระหว่างทางมากกว่า
@ เลือกวิธีการเรียนรู้ที่เหมาะกับตัวเอง
แต่ละคนถนัดในการใช้วิธีการเรียนที่ไม่เหมือนกัน เช่น บางคนต้องอ่านหนังสือเองถึงจะเข้าใจ แต่บางคนเรียนรู้จากการลงปฏิบัติ ซึ่งแต่ละวิธีไม่มีผิดไม่มีถูก ใครถนัดวิธีไหนก็ใช้วิธีนั้น คนที่มีวิธีการคิดแบบยืดหยุ่น (Growth mindset) จะปรับตัวทดลองใช้วิธีการเรียนรู้ได้หลายรูปแบบ ไม่ยึดติด
@ สมองของเราสามารถเปลี่ยนแปลงได้ตลอดชีวิต
แต่ละครั้งที่เรียนรู้สิ่งใหม่ๆ ตัวเซลล์สมองจะมีการแตกกิ่งก้านสาขาเพิ่ม เปรียบเสมือนเซลล์สมองเป็นเสา พอเรียนรู้ใหม่จะมีเชือกงอกออกมาเป็นสะพานเชื่อมโยงแต่ละเสาไว้ ทำให้เรามีสะพานการเดิน (วิธีการคิดแบบใหม่) เพิ่มขึ้น
@ ให้ความสำคัญว่าเราได้เรียนรู้อะไรมากกว่าการที่จะสนใจว่าคนอื่นมองเราอย่างไร
หากเราไปใส่ใจว่าคนอื่นจะคิดอย่างไรกับเรา อาจทำให้เราไม่กล้าคิดหรือทำอะไรที่แตกต่างไปจากขนบเดิม แต่ถ้าเราเปลี่ยนจุดโฟกัสไปที่ว่าเราจะได้อะไรจากการที่ทำสิ่งใหม่ๆจะทำให้เรามีการพัฒนาตนเอง
@ มีเป้าหมายว่าทำไปเพื่ออะไร
มีคำถามก่อนที่จะทำสิ่งต่างๆว่าทำไปเพื่ออะไร ไม่ใช่ทำเพราะคนอื่นบอกให้ทำ หรือทำเพราะเคยทำแบบนี้มา มีการทบทวนดูว่าสิ่งที่ทำอยู่มันมีประสิทธิภาพหรือได้ผลลัพธ์ที่เราตั้งเป้าไว้มั้ย ถ้าไม่ใช่ให้เปลี่ยนวิธีดู
@ ยอมรับความคิดเห็นของคนอื่น (Constructive criticism)
การที่คนอื่นช่วยวิจารณ์อย่างสร้างสรรค์เรื่องข้อดีข้อเสียในสิ่งที่เราทำ หรือให้ข้อเสนอแนะถือว่าเป็นสิ่งที่ดี บางคนมีความเชื่อผิดๆว่าคนที่พูดจงใจทำให้เสียหน้า พยายามอย่ามองว่าสิ่งที่เค้าวิจารณ์เป็นเรื่องส่วนตัว (Take it personally) แต่เค้าพูดเพื่อให้เรามีการพัฒนาไปในทางที่ดีขึ้น
@ เรียนรู้จากข้อผิดพลาดของตัวเองและคนอื่น
การทำผิดพลาดเป็นเรื่องปกติ ไม่ใช่เรื่องเสียหาย สำคัญที่ว่าเราได้บทเรียนอะไรจากความผิดพลาดนั้น เรียนรู้และหาทางแก้ปัญหา เพื่อไม่ให้ผิดพลาดซ้ำแบบเดิมอีก
@ ดื่มด่ำเรียนรู้และตั้งเป้าหมายใหม่ไปเรื่อยๆ
การที่เราดื่มด่ำ มีความสนใจกับสิ่งที่ทำ จะทำให้เรามีการพัฒนามากขึ้น เพราะเราจะใจเต้น กระตือรือร้น อยากที่ทำต่อไปเรื่อยๆ
@ อย่าใจร้อนทุกอย่างต้องใช้เวลา
ในการฝึกฝนทำสิ่งใหม่ๆ ต้องใช้เวลา หากใช้วิธีหนึ่งแล้วไม่ได้ผล ให้ลองปรับไปใช้วิธีอื่นดูเพื่อที่ผลจะได้ต่างจากเดิม
สังคมในปัจจุบันมีการเปลี่ยนแปลงไปเร็วมาก กระแสธารแห่งกาลเวลาที่ไหลบ่าเข้ามาไม่มีใครที่จะต้านทานได้ หากเราเลือกที่จะปรับตัว แม้อาจจะยากลำบากในช่วงแรกแต่สุดท้ายเราจะผ่านมันไปได้ แต่หากเราเลือกที่จะต้านซึ่งเป็นการฝืนธรรมชาติตัวเราเองจะเป็นทุกข์และล้มลงบาดเจ็บ จนสุดท้ายอาจกลายเป็นเหมือนอุระชิมะ ทาโร่
ทักทายพูดคุยกับหมอแมวน้ำเล่าเรื่องได้ที่ www.facebook.com/sealpsychiatrist
เรื่องแนะนำ :
– คินดะอิจิ กับคดีฆาตกรรมปริศนา: การเรียนเก่งไม่สำคัญเท่ากับการที่เอาตัวรอดและมีความสุขให้เป็น
– COVID-19 กับการฆ่าตัวตายของคนญี่ปุ่น: วิธีการช่วยเหลือ
– จางจอมโหดกระทะเหล็ก : ต้องเฆี่ยนตีเด็กถึงจะดีหรือไม่?
– วิกฤติการณ์ COVID-19 ที่ญี่ปุ่น: เมื่อเราต้องเจอกับความเครียด
– ตุ๊กตาดารุมะ: ล้มแล้วลุกได้ตราบใดที่เรายังมีหวัง
คลินิก JOY OF MINDS
ทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านการดูแลรักษาปัญหาด้านสุขภาพจิตโดยเฉพาะ
https://www.facebook.com/Joyofminds/
Tel: 090-959-9304
#อุระชิมะ ทาโร่ x พาวเวอร์แพท: การปรับตัวกับความเปลี่ยนแปลง