Mario ~ AI no Yukue: เมื่อ AI กลายเป็นมนุษย์ แม้จะเป็นประเด็นที่ละเอียดอ่อน แต่ละครญี่ปุ่นเรื่องหนึ่งได้นำคอนเซ็ปต์เรื่องราวนี้มาสร้างเป็นละคร ที่ทำให้เราเข้าใจถึงความเป็นมนุษย์มากขึ้นผ่าน AI
ลองจินตนาการดูสิว่า หาก AI สามารถกลายเป็นมนุษย์ได้จริงๆ จะเกิดอะไรขึ้น?
แม้จะเป็นประเด็นที่ละเอียดอ่อน แต่ละครญี่ปุ่นเรื่องหนึ่งได้นำคอนเซ็ปต์เรื่องราวนี้มาสร้างเป็นละคร ที่ทำให้เราเข้าใจถึงความเป็นมนุษย์มากขึ้นผ่าน AI วันนี้เลยจะมาเล่าถึงละครญี่ปุ่นที่น่าสนใจเรื่อง Mario ~ AI no Yukue เรื่องราวจะเป็นอย่างไรนั้น ตามมาอ่านกันได้เลยค่ะ
Mario: AI ในร่างมนุษย์
เรื่องราวของละครเรื่องนี้เริ่มต้นขึ้นเมื่อตำรวจนายหนึ่ง (รับบทโดย นิชิจิมะ ฮิเดโทชิ) ประสบอุบัติเหตุร้ายแรงจนอาการสาหัส ไม่รู้สึกตัว แต่หัวใจยังเต้น และมีลมหายใจ ถ้าพูดง่ายๆ ก็คือ มีสภาพไม่ต่างจาก “ผัก” นั่นเอง
ด้วยเหตุนี้ ดร.โทคิ เอดะ (รับบทโดย ทานากะ เท็ตสิชิ) จึงตัดสินใจปลูกถ่ายปัญญาประดิษฐ์ชื่อ “มาริโอ้” ลงในสมองของเขา ทำให้เขากลับมามีชีวิตได้อีกครั้ง
ในฐานะ AI มาริโอ้ พอเขาได้ย้ายมาอยู่ในร่างมนุษย์ ก็เกิดความรู้สึกไม่คุ้นชินมากมาย ไม่ได้มีความรู้สึดอะไรอย่างเช่นมนุษย์ แต่เขาก็ได้รับคำสั่งสุดท้ายคือ “จงเป็นอิสระและอยู่รอด” พร้อมกับค้นหาความหมายของการเป็นมนุษย์และมีชีวิต
AI กับเรื่องต้องห้าม
แน่นอนว่า การพัฒนา AI ให้กลายเป็นมนุษย์แบบดร.โทคิทำนั้นเป็นสิ่งต้องห้าม แต่ดร.ก็พยายามที่จะทดลองเพื่อค้นหาอะไรบางอย่างต่อไป เมื่อเขาปลูกถ่าย AI ไปยังมนุษย์ที่มีสภาพเหมือนผักคนนั้นได้ไม่นาน เรื่องก็ได้เข้าถึงหูตำรวจ และดร.โทคิกับผู้ช่วยสาวก็ถูกจับกุม ตำรวจไม่สามารถอนุญาตให้ AI ในร่างมนุษย์มีชีวิตอยู่ต่อไปได้
แต่… AI มาริโอ้ได้หนีไป ด้วยคำสั่งสุดท้ายจากดร.โทคิ ว่า “จงเป็นอิสระและอยู่รอด” ให้หนีไปจากที่นี่ และให้ไปขอความช่วยเหลือจาก “อิตารุ” (รับบทโดย ฟุคุซากิ นายูตะ) ซึ่งก็คือลูกชายที่ไม่ได้ติดต่อกันมานานมากแล้ว
เมื่อ AI ต้องเรียนรู้การเป็นมนุษย์
แม้ AI จะเป็นสิ่งประดิษฐ์ที่ยอดเยี่ยม และเต็มไปด้วยความสามารถ จนถึงขนาดอาจมาแทนที่บางอาชีพของมนุษย์ได้ ทำให้โลกของเรากำลังจะเป็นกังวลว่า ถ้าวันนี้ AI ทำได้มากกว่านี้ล่ะ มนุษย์ของเราจะเป็นอย่างไร?
เมื่อดร.โทคิถูกตำรวจจับกุมแล้ว ในฐานะของ AI ก็ย่อมทำตามทุกอย่างที่เจ้าของสั่ง มาริโอ้เลยหลบหนีการจับกุมของตำรวจ และเดินทางไปหา “อิตารุ” ลูกชายของดร.โทคินั่นเอง
การพบเจอกันครั้งแรกระหว่างมาริโอ้และอิตารุนั้นไม่ค่อยดีเท่าไหร่นัก เพราะมาริโอ้ไปเจอในจังหวะที่อิตารุกำลังจะกระโดตึกฆ่าตัวตาย เนื่องจากปัญหาถูกเพื่อนในชั้นกลั่นแกล้ง แต่ AI มาริโอ้ก็ไม่เข้าใจหรอกว่า นี่คือการกระทำที่อันตรายและผิดบาปแค่ไหน
แต่จากการตั้งคำถามของมาริโอ้ ก็ทำให้อิตารุฉุกคิดอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ และกลับมามีชีวิตต่อไป โดยได้ AI มาริโอ้คนนี้ช่วยไว้ และได้กลายเป็นเพื่อนสนิทที่มีความผูกพันกันต่อมา
“นายอยากตาย แต่ก็กลัวความตาย เป็นอะไรที่ขัดแย้งกันนะ”
และนี่ก็คือจุดเริ่มต้นของมาริโอ้ในการเรียนรู้การมีชีวิต และการเป็นมนุษย์ จากการใช้ชีวิตกับอิตารุ ทำให้มาริโอ้เรียนรู้อะไรหลายอย่าง ได้เข้าใจว่า ความหิวเป็นอย่างไร เสียงหัวเราะคืออะไร ทำไมคนเราถึงยิ้ม และร้องไห้ และนานวันเข้า มาริโอ้ก็ค่อยๆ เริ่มเข้าใจสิ่งเหล่านี้ และสัมผัสได้ว่า “บางทีความโลภ มันก็วิเศษเหมือนกัน” ก็เป็นเรื่องที่น่าแปลกอยู่เหมือนกัน… ในขณะที่มนุษย์กำลังยับยั้งความโลภ แต่ยังมี AI ที่ต้องการเรียนรู้ให้ได้ว่า “ความโลภ” คืออะไร และอยากให้เกิดความรู้สึกนี้ขึ้นในใจ
คุณค่าการเป็นมนุษย์ที่เล่าผ่านสิ่งที่ไม่ใช่มนุษย์
เรื่องนี้มันเจ๋งตรงที่มันเล่าความเป็นมนุษย์ผ่าน AI เนี่ยแหละค่ะ สิ่งที่ AI อย่างมาริโอ้ไม่มีก็คือ กิเลส โทสะ โมหะ ดูยอดเยี่ยมไปเลยใช่ไหมล่ะคะ แต่ดร.โทคิ เคยบอกกับเขาว่า
“มันก็ดีนะ มันเท่ากับว่านายหลุดพ้นจากตราบาปทั้งปวง แต่การไม่มีกิเลส มันทำให้นายน่าเบื่อ”
พอได้ยินแบบนี้ ก็อาจมีแย้งมาบ้างใช่ไหมคะว่า อะไรกัน ไม่มีความโลภ ไม่มีกิเลสนั่นมันดีอยู่แล้ว มันจะไปน่าเบื่ออะไรกัน แต่พอได้เห็นมาริโอ้ในร่างมนุษย์ที่ไร้กิเลส มันเป็นอะไรที่น่าเบื่อจริงๆ ค่ะ คือเขาจะไม่มีความต้องการอะไร ไม่มีความรู้สึกอะไรทั้งนั้น โกรธ ดีใจ เสียใจ เราสัมผัสไม่ได้เลย ส่วนมาริโอ้เองก็คงจะเหวอๆ ว่า เราจะใช้ชีวิตในร่างมนุษย์ต่อไปยังไงนะ เพราะเราไม่มีความปรารถนาอะไรเลยในชีวิตนี้ แม้แต่ความตายก็ไม่กลัว เพราะไม่เข้าใจว่าความตายน่ากลัวอย่างไร
แต่เพราะ AI ไม่มีความรู้สึกแบบมนุษย์ เลยทำให้มนุษย์หลายคนกลัว เพราะเขาอาจจะตัดสินใจทำอะไรได้ทันที โดยไม่มีความรู้สึกและศีลธรรมมาเป็นปัจจัย ในอีกแง่มนุษย์อาจมีความรู้สึกเป็นปมด้อย แต่ AI ไม่มีสิ่งนั้น
แต่…มันจะดีจริงๆ เหรอคะ ที่มนุษย์จะต้องมีชีวิตในโลกนี้โดยไม่มีความปรารถนา บางทีมนุษย์เราตอนที่ถูกสร้างใหม่ๆ อาจจะไม่มีกิเลสอะไรก็ได้ แต่พอได้ลิ้มรสแอปเปิ้ลต้องห้ามในสวรรค์ ก็เลยกลายทำให้เราเป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์แบบก็ได้ AI ตัวนี้ เลยพยายามเรียนรู้ว่ากิเลสคืออะไร ด้วยการออกผจญภัยใช้ชีวิตตามคำสั่งของด็อกเตอร์ที่สร้างมา
แต่ถึงอย่างนั้น ละครเรื่องนี้ก็ได้สอดแทรกข้อคิดไว้ค่ะว่า การจะเป็นมนุษย์ให้มากขึ้นด้วยการมีกิเลส โทสะ โมหะ นั้นก็ไม่ได้หมายความว่าเราจะต้องทำตามใจอยากเสมอไป เพราะไม่เช่นนั้นเราก็ไม่ต่างอะไรกับสัตว์ แต่ถ้าเราใช้ความรู้สึก ความโลภให้เป็น มันก็อาจจะทำให้ชีวิตเรามีความสุข มีสีสันมากขึ้น อย่างเช่น การที่มาริโอ้ได้ใช้ชีวิตกับอิตารุ เป็นสิ่งที่ทำให้มาริโอ้เกิดความรู้สึกต่างๆ ขึ้นมาในใจ จนคนดูอย่างเราก็อดที่จะเอ็นดูไปกับ AI ตัวนี้ไปไม่ได้ พร้อมกับเกิดความเข้าใจในคุณค่าของการเป็นมนุษย์
มันก็อาจเป็นเรื่องโชคดีอย่างหนึ่ง ที่เรามีความรู้สึก ความผูกพันกับคนพิเศษในชีวิตนี้
มันทำให้รู้ว่าดีแค่ไหนแล้ว ที่เราเกิดมาแล้วมีความรู้สึกต่อสิ่งต่างๆ และความปรารถนาที่แรงกล้านั่นแหละที่จะทำให้เรามีเป้าหมายในชีวิต และอยากจะใช้ทุกลมหายใจให้มีค่าที่สุด ทั้งเพื่อตัวเราเอง และเพื่อคนที่เรารัก…
AI อย่างมาริโอ้จะมีชีวิตอยู่ต่อไปบนโลกใบนี้ได้จริงๆ เหรอ แม้เขาจะเป็น AI ที่ถูกสอนมาดี ไม่ได้มีเจตนาร้ายกับใคร แต่วันนี้เขากลับเรียนรู้สิ่งต่างๆ ได้เกือบจะเหมือนมนุษย์ 100% แล้วจะเกิดอะไรขึ้นต่อจากนี้…
แต่ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น อย่างน้อยความรู้สึกที่เกิดขึ้นก็กลายเป็นความทรงจำหนึ่งที่ AI ตัวนี้ได้เรียนรู้ และจดจำไปตลอดกาล
สามารถติดตามเรื่องราวเกี่ยวกับละครญี่ปุ่น และพูดคุยกับ ChaMaNow ได้ทาง FB: Sakura Dramas
เรื่องที่เกี่ยวข้อง >>
– 5 ซีรีส์ญี่ปุ่นที่กำลังฮอตฮิตในช่วงซัมเมอร์นี้
– 5 ฉากสะใจสไตล์ละครญี่ปุ่น
– ละครญี่ปุ่น 3 Nen A gumi: Cyberbully การกลั่นแกล้ง ที่พรากอนาคต
– 5 ซีรีส์ญี่ปุ่น ที่ปลุกไฟในตัวคุณ ให้อยากลุกขึ้นมาทำงานทุกวัน
– เรื่องรักลึกลับของดาราญี่ปุ่นที่ขุดไม่ได้ง่ายๆ
ขอบคุณข้อมูลและรูปภาพจาก
– ละครญี่ปุ่นภาพพิเศษเรื่อง Mario ~ AI no Yukue:
– matome.naver.jp
– m.pandora.tv/
#Mario ~ AI no Yukue