ลักษณะเฉพาะของมังงะญี่ปุ่น
รูปประกอบโดย WALK on CLOUD
บทความนี้ ไม่ได้ให้คำตอบต่อคำถามว่า ทำไม การ์ตูนมังงะ ของญี่ปุ่นถึงมีความพิเศษลักษณะเฉพาะของตนเอง
แต่เรามาลองไตร่ตรองกันดู…
เมื่อลองค้นหาสิ่งที่คนอื่นคิดวิเคราะห์ไว้แล้ว อ้างอิงจาก artsandculture.google.com เขาบอกไว้ว่า สาเหตุที่ทำให้การ์ตูนญี่ปุ่นไม่ซ้ำใคร มีเอกลักษณ์ของมันก็เพราะสาเหตุต่างๆอย่างเช่น
+++
ขนาดของตลาดที่ใหญ่
การ์ตูนเป็นที่ยอมรับอ่านได้ทุกวัยถึงขั้นผู้ใหญ่อ่านได้ในรถไฟไม่มีเคอะเขิน
การ์ตูนตีพิมพ์ในสีขาวดำที่ทำให้ต้นทุนต่ำ
การ์ตูนที่ตีพิมพ์ยาวนานถึงระดับขนาดหลายสิบปีเพราะความนิยม การ์ตูนบางเรื่องตีพิมพ์ถึงสี่สิบปีเช่นเรื่อง “คุณตำรวจป้อมยาม”
ลายเส้นที่ไม่เน้นให้เหมือนจริงแต่เป็นสัญลักษณ์ (ยกตัวอย่างเช่น ผู้หญิงตาโตเมื่อเทียบขนาดใบหน้า)
ตัวละครในการ์ตูนที่แสดงออกเกินจริง เช่นตะโกนพูดคุย แม้ในโลกแห่งความเป็นจริงไม่จำเป็นต้องตะโกนขนาดนั้นก็ได้
ความสัมพันธ์ระหว่าง บรรณาธิการ กับ นักวาดการ์ตูน อย่างเช่นการ์ตูนอาราเล่ ที่ บ.ก. อย่าง โทะริชิมะ มักถูกหยิบมาล้อเลียนบ่อยๆ
ผู้ช่วยนักวาดที่ทำให้การ์ตูนออกมาทันในรายสัปดาห์
ภาพวาดความรุนแรง หรือ เกี่ยวกับเรื่องทางเพศ เพราะว่าการ์ตูนไม่ได้มีแต่การ์ตูนสำหรับเด็ก การ์ตูนเพื่อผู้ใหญ่อ่านก็มี
แก่นของเรื่องที่หลากหลาย นอกจากการ์ตูนผจญภัย แล้ว มีการ์ตูนหาอาหารกิน การ์ตูน LGBTQ+ ที่ผู้ชายที่ทำอาหารให้คนรักกิน
+++
เมื่อลองอ่านมาถึงตรงนี้ ผมก็ลองกลับมาถามตัวเองว่า อะไรคือเสน่ห์ของการ์ตูนญี่ปุ่น
แก่นเรื่องที่หลากหลายเป็นเสน่ห์มากที่สุดสำหรับผม อาทิเช่น
โลกของผู้ใช้แสตนด์ในโจโจ้ล่าข้ามศตวรรษ
โลกที่มนุษย์ต่อกรกับยักษ์ไททันในเรื่อง Attack on Titan
โลกชีวิตประจำวันกับของวิเศษที่ทำให้เป็นวันพิเศษของโดราเอมอน
โลกของอสูรกับนักล่าอสูรในญี่ปุ่นยุคไทโชของเรื่องดาบพิฆาตอสูร
แน่นอนว่าลายเส้นการแสดงออกที่มีเอกลักษณ์อย่าง Jojo pose ต่างๆในเรื่องโจโจ้ล่าข้ามศตวรรษ ฉากต่อสู้สุดโอเวอร์ในเรื่อง One punch man ก็เป็นอีกหนึ่งเสน่ห์ของมังงะ
ตรงนี้แม้นไม่มีคำตอบแน่ชัดว่าสาเหตุที่ทำให้การ์ตูนญี่ปุ่นมีเอกลักษณ์แบบนั้น ลักษณะนิสัยของคนญี่ปุ่น สภาพสังคมญี่ปุ่น มีส่วนอย่างไรทำให้ญี่ปุ่นเป็นแบบนั้นหรือเปล่า? ซึ่งการจะอธิบายหาเหตุผลก็เป็นเพียงแค่ “ความคิดหรือการพิจารณาภายหลัง” หรือที่ในภาษาอังกฤษเรียกว่า Afterthought หรือ ภาษาญี่ปุ่นเรียกว่า
結果論
けっかろん
[เขกคะรน]
ซึ่งแปลว่า ทฤษฎีที่ถูกนำเสนอขึ้นจากการเอาผลลัพธ์มาตั้งต้น แล้วถกเถียงเพื่อหาสาเหตุว่าอะไรถึงทำให้เกิดแบบนั้น
結果論[เขกคะรน] นั้นแลดูอาจเป็นการถกเถียงที่แลดูไร้ความหมาย เพราะเราอาจจะอ้างเอาเรื่องต่างๆมาอธิบายเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไปแล้ว
ทำไมมังงะถึงมีเอกลักษณ์แบบนี้ เป็นเรื่องของผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นแล้ว
แล้วพวกเราติดใจกับมังงะตรงไหนกัน ขอยกตัวอย่างจากตัวผม
เราในวัยเด็กเริ่มต้นอ่านดราก้อนบอลจาก Talent เห็นหงอคงที่เส้นเป็นหยักๆเพราะต้นฉบับถูกส่ง fax มา
พอเข้ามายุคการ์ตูนลิขสิทธิ์อย่าง Boom, C-Kids โลกก็เปิดกว้างขึ้นให้เห็นการ์ตูนเรื่องอื่นอย่าง Lucky man
พวกเราเติบโตมากับการ์ตูน เราเล่น Role play กับเพื่อนใช้ท่าแสตน์สตาร์แพลททินั่ม หรือ คิลเลอร์ควีน
นักกีฬาฟุตบอลอาชีพหลายคนได้แรงบันดาลใจจากการ์ตูนซึบาสะ บางคนชอบดราก้อนบอลหรือ attack on Titan ถึงขั้นโพสต์ลง social media ก็มี
เราที่ใช้ชีวิตประจำวัน อาจจะต้องการเรื่องราวที่มีพระเอกกับผู้ร้ายในการ์ตูนให้ติดตาม ให้รู้สึกว่าชีวิตมีอะไร
เมื่อดราก้อนบอลจบลง ก็มีนารุโตะกับ One piece
และในอนาคตหาก One piece จบลงสักวัน ก็จะต้องมีการ์ตูนเรื่องอื่นมาสืบต่อหน้าที่นี้
ผมเองหลังๆไม่ได้อ่านการ์ตูนเลย มี one punch man 2 เล่มล่าสุดวางในกองดอง เพราะอะไร? อาจจะด้วยเวลาทึ่จำกัด และการเลือกใช้เวลาว่างในการพักผ่อนไปทำอย่างอื่นแทน นี่เป็นสัญญาณที่น่าเป็นห่วงไหม? แม้นสำนักพิมพ์จะขายหนังสือการ์ตูนได้ แต่เมื่อการ์ตูนไม่ถูกเสพ ก็จะไม่มีการถูกพูดถึง ก็จะไม่มีอุปสงค์ใหม่เกิดขึ้น ในระยะยาวสำหรับหนังสือการ์ตูนไม่ดีแน่ถ้าคนเลิกอ่านหนังสือการ์ตูน
ผมคิดว่าผมคงจะกลับมาอ่านการ์ตูนอีกครั้งแน่ๆ หากโจโจ้ภาคเก้าวางขายรวมเล่มแล้ว
การ์ตูนกระดาษอาจทำให้คนเราหนักใจว่าซื้อแล้วไม่มีที่เก็บ ซึ่งผมก็รู้สึกอยู่ แต่เราก็ทำใจลำบากถ้าจะอ่านหนังสือการ์ตูนผ่าน iPad (แม้นว่าผมจะอ่าน Naruto ผ่าน iPad ก็ไม่ได้มีปัญหาหาอะไร)
มังงะก็อาจมีพัฒนาการเปลี่ยนไป ตามยุคดิจิตัลในปัจจุบัน
มังงะในสังคมก็เป็นเครื่องเชื่อมให้ผู้คนคุยถูกคอกัน ถ้าหากเขาเคยอ่านโจโจ้กันมาก่อน เคยอ่านดาบพิฆาตอสูรกันมาก่อน อย่างน้อยมังงะก็ช่วยเชื่อมโยงให้ผู้คนเข้าใกล้กัน ให้มนุษย์เรามีปัจจัยที่ห้าคือ”สังคม”เกิดขึ้น
ท้ายที่สุดขอจบด้วยเนื้อร้องเพลงประกอบอนิเมะเรื่อง Attack on Titan (ผ่าพิภพไททัน)
祈ったところで 何も変わらない
≪不本意な現状≫(いま)を変えるのは 戦う覚悟だ…
[อินดตะ โตะโคะโระเดะ นะนิโมะ คะวะระไน]
[<ฟุฮนอิ นะ เกนโจ> (อิมะ) โอะ คะเอะรุ โนะ วะ ทะทะคะอุ คะคุโกะ ดะ]
จะสวดอ้อนวอนแต่อย่างใดก็ไม่มีอะไรเปลี่ยนหรอก
(เรา)จะเปลี่ยนตอนนี้ <ปัจจุบันที่ไม่ปรารถนา> ได้ด้วยการเตรียมใจว่าจะสู้
เนื้อร้องนี้สะท้อนเนื้อหาในมังงะเรื่อง Attack on Titan ที่บอกว่าปัจจุบันที่ไม่ปรารถนาที่มียักษ์ทำลายกำแพงเมืองเข้ามากินผู้คนในหมู่บ้าน เราจะเอาแต่สวดอ้อนวอนมันก็ไม่ช่วยอะไรได้หรอก มีแต่การเตรียมใจจะเอาไปสู้ถึงจะเปลี่ยนแปลงได้
สตอรี่เหล่านี้ช่วยผลักดันเราในชีวิตประจำวันให้ออกไปสู้ในทุกๆวัน
ผมควรจะกลับไปหาเวลาอ่าน One Punch Man 2 เล่มที่ดองไว้สะที
รูปประกอบโดย WALK on CLOUD
เรื่องแนะนำ :
– 土砂崩れ [โดะฉะคุสุเระ] แผ่นดินถล่ม landslide
– 年収[เนนชู] รายได้ต่อปี
– 感動[คันโด] ตื่นเต้น, ประทับใจ
– ปัญหาของ My number ญี่ปุ่น : มองเห็นประวัติการใช้เงินบำนาญผู้อื่น
– จากเก่าสู่รัฐบาลใหม่เมจิ ภาษี และ สี่ชนคนเท่ากัน
อ้างอิง
– https://artsandculture.google.com/
#ลักษณะเฉพาะของมังงะญี่ปุ่น