Niigata City ถือเป็นเมืองศูนย์กลางราชการของจังหวัดนีงาตะ อดีตเคยเป็นเมืองท่าที่เปิดทำการค้าขายกับต่างประเทศเป็นเมืองแรกๆ ของญี่ปุ่นเลยทีเดียว เรื่องการคมนาคมขนส่งทางเรือ รวมไปถึงการจราจรทางน้ำ ที่นี้จึงโดดเด่น และสะดวกสบายอย่างมาก
ตอนที่แล้ว เรามีพาไปเที่ยวเกาะซาโดะ เกาะสวรรค์ของจังหวัด Niigata กันไปแล้ว อยากจะขอเน้นย้ำจริงๆ เลยว่าถ้าได้มาถึงจังหวัดนีงาตะแล้ว อย่าได้พลาดเกาะที่เต็มไปด้วยวิวสวยๆ ธรรมชาติงามๆ กิจกรรมหลากหลาย และของกินอร่อยๆ มากมาย แห่งนี้ (^^)
และสำหรับในตอนนี้ เราก็ยังอยู่กันที่จังหวัดนีงาตะเช่นเดิม แต่เราจะเที่ยวกันใน ‘เมืองนีงาตะ’ หรือ Niigata City เป็นหลัก … เมืองนีงาตะถือเป็นเมืองศูนย์กลางราชการของจังหวัดนี้ อดีตเคยเป็นเมืองท่าที่เปิดทำการค้าขายกับต่างประเทศเป็นเมืองแรกๆ ของญี่ปุ่นเลยทีเดียว เรื่องการคมนาคมขนส่งทางเรือ รวมไปถึงการจราจรทางน้ำ ที่นี้จึงโดดเด่น และสะดวกสบายอย่างมาก
เอาล่ะ มาทำความรู้จักกับเมืองนีงาตะให้มากขึ้นกันสักนิด ดูสิว่ามาเยือนเมืองนี้แล้ว จะมีอะไรให้ทำ ให้ดู ให้ชิมกันบ้าง ไปเริ่มกันเลย (^^)/
Echigo-Tsumari Art Field
เราเริ่มต้นการเดินทางจากกรุงโตเกียว พอลงเครื่องแล้ว ไม่ว่าจะมาจากสนามบินฮาเนดะ หรือนาริตะ เราก็มุ่งหน้าสู่สถานีรถไฟโตเกียว จุดเชื่อมต่อการคมนาคมทางรถไฟที่สำคัญกันก่อน จากนั้นก็นั่งรถไฟชิงกันเซน มุ่งหน้าสู่เมืองนีงาตะกันได้เลย แต่ แต่ แต่ .. แต่สำหรับทริปนี้ เราขอแอบแว่บ! แอบแวะกลางทางที่สถานี Echigo-Yuzawa
นักท่องเที่ยวชาวไทยส่วนใหญ่ เริ่มจะรู้จักกับเมือง Echigo-Yuzawa กันบ้างแล้ว ด้วยความที่เมืองนี้ เป็นเมืองออนเซ็นที่มีชื่อเสียง โด่งดังไปพร้อมๆ กับกิจกรรมบนลานสกี ดังนั้นในช่วงฤดูหนาวที่นี่จะคลาคล่ำไปด้วยนักท่องเที่ยว เหตุผลสำคัญอีกอย่างหนึ่งก็คือการเดินทางที่สะดวกสบาย มาจากกรุงโตเกียวด้วย Joetsu Shinkansen ได้โดยใช้เวลาไม่ถึงสองชั่วโมง (นักท่องเที่ยวต่างชาตินิยมซื้อ JR East Pass เพื่อมาเที่ยวกัน)
ที่นี่จึงเป็นเสมือนสนามเด็กเล่นในช่วงฤดูหนาวของคนโตเกียวเลยก็ว่าได้ เพราะอยู่ใกล้ นั่งรถมาเที่ยวแบบไปเช้าเย็นกลับก็ยังมี หรือมาพักค้างคืน เล่นสกี กินโซบะ แช่ออนเซ็น กิจกรรมเหล่านี้ เป็นสิ่งที่นักท่องเที่ยวนิยมมาดื่มด่ำกันที่นี่
Echigo-Yuzawa
และเหตุผลที่เราแวะ Echigo-Yuzawa กันก็เพราะ ในวันที่เราเดินทางมายังจังหวัดนีงาตะ แถวนี้จะมีการแสดงดอกไม้ไฟประจำปี ที่เมือง Echigo-Tsumari เนื่องในงานเทศกาล Echigo-Tsumari Art Field ซึ่งจัดขึ้นระหว่างวันที่ 24 กุมภาพันธ์ – 11 มีนาคม 2018 งานในส่วนของวันที่มีการแสดงพลุและศิลปะเป็นพิเศษ วันนี้นั้นชื่อว่า “Gift for Frozen Village 2018”
ออกเดินทางสู่ ‘Gift for Frozen Village 2018’
มาถึง ‘Gift for Frozen Village 2018” กันแล้ว ก็ดูช่องให้ดี … มีตั๋วหรือไม่มีตั๋ว (ถ้ามีตั๋วก็เข้าไปเพื่อรับตั๋วก่อนเลย … แล้วเราจะได้รับไฟด้วยเล็กๆ ติดตัวมาด้วย ใช้เสมือนไฟฉายได้เลย แต่ที่จริงแล้วเป็นไฟแบบเดียวกับที่เขาใช้ประดับที่พื้นใต้หิมะด้วยน่ะแหล่ะ)
ในแทบนี้มีชื่อเสียงไปทั่วโลก รู้จักกันดีในหมู่ผู้เสพงานศิลป์ว่ามีพิพิธภัณฑ์ศิลปะ และนิทรรศการ รวมถึงจัดงานเทศกาลศิลปะอยู่เนืองๆ สำหรับงาน Echigo-Tsumari Art Field นี้ จะใช้พื้นที่กลางแจ้ง (ทุ่งหิมะ) จัดงานซึ่งมีทั้งภาคกลางวันและภาคกลางคืน
และแน่นอนไฮไลท์สำคัญอยู่งานแสดงพลุ ที่จัดขึ้นบริเวณลานหิมะด้านหลังของโรงแรม Belnatio ที่มีชื่อเสียงในเรื่องเป็นสถานที่จัดงานแต่งงานที่สุดแสนจะโรแมนติก เป็นสนามกอล์ฟและทุ่งดอกไม้ในฤดูร้อน และเป็นลานสกีสำหรับทั้งมือใหม่และมือเก่า และสำหรับครอบครัวในช่วงฤดูหนาว และในช่วงหนาวๆ อีกงานที่ไม่ควรพลาดของที่นี่ก็งานนี้แหล่ะ
ใครจะมาชมพลุในงานนี้ แล้วอยากเพิ่มความสะดวกสบาย ก็จะจองโรงแรม Belnatio กันล่วงหน้านานพอควร ก็ในวันงานนี้ห้องพักจะเต็มล่วงหน้าแบบข้ามปีเลยนะ เพราะในวันงาน เราสามารถนำรถส่วนตัวมาได้ ต้องมาโดยรถบัสสาธารณะที่ทางงานเขามีจัดไว้ให้เท่านั้น เอารถมาก็ไม่มีที่ให้จอด ตอนงานแสดงพลุจบ จะเห็นชัดเลยว่านักท่องเที่ยวต้องต่อแถวยาวนานขนาดไหน เพื่อรอขึ้นรถกลับไปยังสถานีรถไฟ นี่แหล่ะ สาเหตุที่ทำให้โรงแรม Belnatio เต็มข้ามปีในวันนี้
พอพลุขึ้น ก็จะประมาณนี้ (กำลังตระหนกว่าจะถ่ายรูปยังไงได้ เพราะขึ้นมาเหนือหัว แล้วก็เต็มฟ้าไปหมดเลย
แหงนคอตั้งบ่าก็ จะประมาณนี้
แต่ถ้าก้มมองที่เท้า ก็จะประมาณนี้ล่ะจ้ะ
พวกเรานั้นไปถึงงานในช่วงที่ฟ้ามืดไปแล้ว พลุกำลังจะขึ้น แต่ถ้าใครมาได้ตั้งแต่ช่วงกลางวัน แนะนำว่าในวันงานแสดงพลุ ให้มากันเร็วๆ หน่อย เพราะหิมะที่มีการประดับไฟไว้ราวกับทุ่งดอกไม้นี้ ในยามโผล้เผล้ก็สวย เราจะสามารถถ่ายรูปบรรยากาศได้ดีกว่าในช่วงที่ฟ้ามืดไปแล้ว (แถมด้วยเวลาสำหรับการไปลิ้มลองของอร่อยที่โซนซุ้มอาหารที่คนท้องถิ่นมาออกร้านกันด้วย)
และพอเวลาพลุขึ้น เราจะถูกแบ่งออกเป็นสองกลุ่ม คือคนที่มีตั๋วจะได้อยู่ในทุ่งหิมะที่ประดับไฟไว้ตามพื้น ใกล้ชิดบริเวณที่พลุจะขึ้นเป็นที่สุด ในขณะที่ผู้ที่ไม่มีตั๋วจะถูกจัดให้อยู่รอบนอก ไม่สามารถเข้าไปยังบริเวณทุ่งหิมะที่ประดับไฟได้
ด้านล่างเนินเขาที่ใช้เป็นที่จัดงาน ก็คือโรงแรม Belnatio นั่นเอง ซึ่งเป็นจุดจอดรถเข้างาน เรากำลังเดินไปลานจัดกิจกรรมออกร้านอาหาร จะผ่านโบสถ์กลางน้ำของโรงแรมที่ใช้สำหรับจัดงานแต่งล่ะ ดูดีใช่มะ ^^
โซนร้านอาหาร…มีอะไรกินบ้างน๊าาาาาาาาา
(โชคดีชะมัด พอจบการแสดงพลุ พระจันทร์ก็ขึ้น สวยจริงๆ ถ้าพระจันทร์ขึ้นเวลาเดียวกับที่มีการแสดงพลุ ท้องฟ้าก็คงแปลกๆ นิดหน่อย)
ตรงจุดนี้ขออนุญาตแนะนำเป็นการส่วนตัวว่า เราควรมีตั๋ว!! คนมีตั๋วก็จะได้เข้าทุ่งดอกไม้ (ไฟ) ที่มีไฟประดับอยู่ที่พื้นน่ะ ส่วนคนที่ไม่มีตั๋วก็อยู่ด้านนอก (ใครเป็นสายเล่นกล้อง อยากได้ภาพงามๆ แนะนำว่ามีตั๋วไว้ก็จะดีนะ คือตอนพลุขึ้นไปอยู่ โซนไม่มีตั๋ว ดีกว่าเพราะมันจะไกลหน่อย ได้ภาพมุมกว้าง ต้องกว้างมากๆ ไม่งั้นเก็บไม่หมดจริงๆ แต่บัตรของเราเอาไว้ใช้เบ่งถ่ายรูปตอนโผล้เผล้พลุยังไม่ขึ้น กับตอนที่ผู้คนทยอยกลับแล้ว จะดีงามมาก)
ไปรอคิวขึ้นรถบัสขากลับกัน ก็อย่าลืมสังเกตป้ายให้ดี เพราะมี 2 สาย ไปคนละสถานีรถไฟ สายกบกับสายกระต่าย (เขาตั้งใจทำให้นักท่องเที่ยวจำได้แม่นๆ น่ะ เพราะถ้าเข้าผิดแถว ต้องมารอคิวใหม่ล่ะก็ อีกยาวววววแน่ๆ
พอการแสดงพลุจบ ฝูงชนจะเริ่มทยอยกลับไปรอคิวขึ้นรถบัสกัน เราสามารถถ่ายรูปได้อย่างหนำใจละทีนี้ ขอเพียงต้องมั่นใจว่าเราจะไม่ตกรถเที่ยวสุดท้ายก็แล้วกัน อย่าเพลินให้มาก เดี๋ยวจะเจอค่าแท็กซี่หนักกว่าแทน
ECHIGO-TSUMARI ART FIELD
ที่ตั้ง : Atema Kogen Resort Belnatio, เมือง Tokamachi (งาน Echigo-Tsumari Snow Fireworks / Gift for Frozen Village 2018)
วัน/เวลา : 24 กุมภาพันธ์ – 11 มีนาคม 2018/ 3 มีนาคม 2018 (งาน Echigo-Tsumari Snow Fireworks / Gift for Frozen Village 2018)
ค่าเข้าชม : ผู้ใหญ่ 1,500 / เด็กต่ำกว่า 15 ปี 500 เยน
การเดินทาง : Free Shuttle Bus จาก West Exit ของสถานี Tokamachi
เว็บไซต์ : http://www.echigo-tsumari.jp/eng/
Hotel Shosenkaku Kagetsu
พอจบการแสดงพลุ เราก็กลับไปที่สถานี Echigo-Yuzawa เพราะโรงแรมที่เราพักนั้นอยู่ใกล้สถานีมาก Hotel Shosenkaku Kagetsu เดินไม่ถึง 5 นาที เป็นโรงแรมสไตล์ญี่ปุ่น เหมาะกับสถานที่ซึ่งเป็นเมืองออนเซ็นที่สุด และเหมาะกับแผนของเราที่วันรุ่งขึ้นก็จะจับรถไฟไปยังเมืองนีงาตะกัน เพราะรถไฟที่เราจะขึ้นกันนั้น เป็นรถไฟ Joetsu Shinkansen ที่วิ่งระหว่างสถานี Echigo-Yuzawa กับสถานี Niigata นั่นเอง
ชอบอารมณ์ในการประดับตกแต่ง มีความเป็นญี่ปุ่น แต่ไม่ล้าสมัยนะ
สี่คนกำลังดี น้อยกว่านี้ก็จะเหงาๆ หน่อย
บริเวณล็อบบี้ก็ยังมีอะไรให้ดูนู่นนี่ ประดับตกแต่งได้ดูดีเชียวนะ
Hotel Shosenkaku Kagetsu
ที่ตั้ง : 318-5 Yuzawa, Yuzawa-machi, Minamiuonuma-gun, Niigata
การเดินทาง : เดิน 5 นาทีจากสถานี Echigo-Yuzawa
ดูข้อมูลเพิ่มเติม : https://goo.gl/YKznXQ
Ramada Hotel Niigata
โรงแรม Ramada อยู่ใกล้สุดๆ
เมื่อมาถึงเมืองนีงาตะแล้ว เราสามารถเลือกพักโรงแรมใกล้ๆ สถานีรถไฟได้ มีให้เลือกหลายแห่งทีเดียว ส่วนโรงแรมที่เราพักกันในทริปนี้ก็คือ Ramada Hotel Niigata อยู่ติดสถานีรถไฟเลยล่ะ เดินแค่ 1 นาทีก็ถึง (ออกจากสถานีมาทางฝั่งเดียวกับทางที่จะสะพานบันได (Bandai Bridge)
ที่นี่เป็นโรงแรมที่ค่อนข้างใหม่ เปิดให้บริการเมื่อปี 2016 นี่เอง ห้องพักแบบตะวันตก สะอาดสะอ้าน และระบบรักษาความปลอดภัยคือดี เนื่องจากการจะขึ้นไปยังห้องพัก จะต้องใช้คีการ์ดของห้องพักแตะก่อนเพื่อเลือกชั้น ผู้ที่ไม่ใช่แขกของโรงแรมก็จะไม่สามารถไปยังชั้นที่เป็นห้องพักได้ง่ายๆ
Ramada Hotel Niigata
ที่ตั้ง : 1-2-4 Benten, Chuo-ku, Niigata City, Niigata Prefecture
การเดินทาง : เดินประมาณ 1 นาทีจากสถานีรถไฟ Niigata
ดูข้อมูลเพิ่มเติม : https://goo.gl/uvAZq3
Bandai Bridge
และในเมื่อมีการอ้างถึงสะพานบันไดแล้ว ก็ขอเล่าถึงสะพานแห่งนี้กันสักหน่อย Bandai Bridge เป็นหนึ่งในจุดเดินเล่น ชมสวนสาธารณะริมแม่น้ำของเมืองนีงาตะ และสะพานบันไดยังถือเป็นแลนด์มาร์คสำคัญอย่างหนึ่งของเมืองนีงาตะอีกด้วย เป็นสะพานหินแกรนิต 6 โค้ง ความยาว 306.9 เมตร สร้างขึ้นในปี 1929 ด้วยจัดว่าเป็นสถาปัตยกรรมที่แปลกตาชาวญี่ปุ่นในยุคนั้นเป็นอย่างมาก และในปี 2004 ก็ได้รับการบันทึกให้เป็นมรดกทางวัฒนธรรมของชาติด้วยนะ
ในบริเวณใกล้เคียงมีสวนสาธารณะ (Shinanogawa Yasuragitei Park) ที่เรียงรายไปด้วยต้นซากุระอยู่สองฝั่งแม่น้ำ Shinano ช่วงใบไม้ผลิซากุระ (Yoshinozakura และ Yaezakura) รวมถึงดอกทิวลิปจะบานสะพรั่ง ถือเป็นจุดเด่นของบริเวณสะพานบันไดเลยล่ะ โดยสะพานบันไดสามารถเดินตรงมาจากสถานีนีงาตะได้อย่างง่ายดาย แค่เดินไปตามถนน Higashi-odori (ฝั่งเดียวกับโรงแรม RAMADA ที่พักของเราเลย) หรือจะนั่ง Niigata City Loop Bus ก็ใช้เวลาประมาณ 5 นาทีเท่านั้น
Bandai Bridge
ที่ตั้ง : Bandai, Niigata City, Niigata Prefecture
การเดินทาง : เดินจาก Bandai Exit สถานี Niigata ประมาณ 12 นาที
เว็บไซต์ :
http://www.hrr.mlit.go.jp/niikoku/info/bandaibashi/index.html (ภาษาญี่ปุ่น)
https://www.nvcb.or.jp/travelguide/en/contents/sightseeing/b1.html
City History Museum “Minatopia”
ไม่ไกลจากสะพานบันไดนัก เป็นที่ตั้งของ City History Museum “Minatopia” พิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมแห่งเมืองนีงาตะ ตั้งอยู่บริเวณเมืองท่าของนีงาตะนั่นเอง เป็นบริเวณปากแม่น้ำ Shinano ตรงข้ามกับจุดขึ้นเรือเฟอรี่ไปยังเกาะซาโดะ (Sado Kisen Ferry) เป็นอาคารสไตล์ตะวันตกที่โดดเด่นอีกแห่งหนึ่งในเมืองนีงาตะ และนักท่องเที่ยวสามารถเข้าไปเรียนรู้เกี่ยวกับเมืองนีงาตะได้ในราคาที่ประหยัดมากๆ
City History Museum ‘Minatopia’
และที่อยู่ติดกันก็คือ Former Niigata Custom House ที่สมัยก่อนใช้เก็บค่าธรรมเนียมต่างๆ ในบริเวณท่าเรือแห่งนี้นี่เอง ด้วยความที่นีงาตะเป็นเพียงหนึ่งในห้าท่าเรือที่เปิดทำการค้ากับต่างชาติในช่วงยุคแรกๆ ที่มี Custom House และถือเป็นอาคารที่มีสถาปัตยกรรมที่ทันสมัยมากในยุคนั้น จึงทำให้เมืองนี้ได้อนุรักษ์อาคารแห่งนี้ไว้เป็นอนุสรณ์ให้คนรุ่นหลังได้เรียนรู้กันด้วย ซึ่งตอนนี้ Custome House ก็อยู่ในช่วงปิดปรับปรุงโดยคาดว่าจะแล้วเสร็จราวๆ เดือนธันวาคม 2018
City History Museum “Minatopia” และ Former Niigata Custom House
ที่ตั้ง : 2-10 Yanagishima-cho, Niigata City, Niigata Prefecture (ริมแม่น้ำ Shinono ใกล้สะพาน Bandai)
วัน/เวลา : 09.30 – 18.00 น. (เดือนต.ค. – มี.ค. ปิดเวลา 17.00 น.) หยุดทุกวันจันทร์
ค่าเข้าชม : ผู้ใหญ่ 300 บาท เด็ก 200 บัตร (ส่วน Custom House เข้าชมฟรี)
เว็บไซต์ :
http://enjoyniigata.com/en/detail/page/detail/5069
http://www.nchm.jp/ (ภาษาญี่ปุ่น)
Nigiwai ichiba Pia Bandai & Benkei Sushi
อีกจุดหนึ่งไม่ไกลจากสะพานบันไดนัก คือ Nigiwai Ichiba Pia Bandai หรือเรียกสั้นๆ ว่า Pia Bandai ตลาดท้องถิ่นที่นักท่องเที่ยวไม่พลาดที่จะมาเที่ยวชม หาซื้อของอร่อยกินกัน มีทั้งอาหารทะเลสดๆ พืชผัก ผลไม้ ส่งตรงจากฟาร์ม และสินค้าด้านอาหารอีกมากมาย
ส่วนใหญ่ที่ถ่ายมาเป็นโซนอาหารทะเล (คนถ่ายชอบ) ^^ แต่ที่จริงก็มีโซนผัก โซนเนื้อ โซนอาหาร นู่นนี่
มีป้ายรถเมล์อยู่ด้านหน้าเดินทางไม่ยากค่ะ ป้ายน่ารัก สีสันสดใสเชียว
Nigiwai Ichiba Pia Bandai
ที่ตั้ง : 2 Bandaijima, Chuo-ku, Niigata City, Niigata Prefecture
วัน/เวลา : 09.00 – 21.00 น. (แล้วแต่ร้านด้วยนะ)
การเดินทาง : สามารถนั่งแท็กซี่จากสถานี Niigata มาได้เพียง 5 นาทีเท่านั้น หรือนั่งบัสมาก็ได้
เว็บไซต์ : http://www.bandai-nigiwai.jp
เมนูภาษาอังกฤษก็มีนะ
ที่ Nigiwai Ichiba Pia Bandai นอกจากจะมีอาหารสด อาหารแห้งให้คนทั่วไปได้เลือกซื้อกัน ประหนึ่งครัวแห่งนีงาตะแล้ว ยังมีร้านอาหารน่าสนใจให้เลือกรับประทานด้วยนะ และร้านฮิตสำหรับคนที่นี่ ฮิตแบบจองล่วงหน้าก็เต็มเอียด รอคิวหน้าร้านก็ยาวใช่ย่อย นั่นก็คือ ร้านซูชิสายพาน Benkei
เต็มทุกที่นั่ง ตล๊อดๆ
เคาน์เตอร์ส่วนด้านหน้าร้าน ขนาดที่นั่งเยอะยังเต็มเลย (สองที่หน้านี่ reserved ค่ะ)
ซูชิเบงเค สาขาแม่นั้นอยู่ที่เกาะซาโดะ ของนีงาตะนี่แหล่ะ แหล่งอาหารทะเลสดๆ ที่เราเคยกล่าวถึงกันไปในตอนที่แล้ว >> เที่ยว “Sado” เกาะสวรรค์แห่ง Niigata ชื่อเสียงการันตีได้ในเรื่องความสด อร่อย และใช้ของดีของนีงาตะทั้งสิ้น
เริ่มด้วย มากุโระ
ของสุกก็เยอะ ของดิบก็มาก
กุ้งหวาน ของดีแห่งเมืองนีงาตะค่ะ
กุ้งย่างก็หอมนะคะ
อันนี้เด็ดมาก ละลายในปาก หวานฉ่ำ (ซูชิหน้าหอยนางรมสด)
โอโทโร่ (ท้องปลามากุโระ) บนจานราคาแพงสุด 550 เยน ถ้าจำไม่ผิดนะ ^^”
ซูชิหน้าอสุจิปลา ก็สด ไม่คาว อันนี้หยิบมาไว้ให้เพื่อนๆ กิน อิ อิ
เอ็นกาวะ เนื้อขาว มันนุ่ม แอบกรุบกรอบ ไม่คาวเลยเช่นกัน
Benkei Sushi
ที่ตั้ง : Niigata City Chuo Ward, Pia Bandai, Niigata City, Niigata Prefecture
วัน/เวลา : 10.30 – 21.00 น.
การจอง : 025-055-6000 (เบอร์โทรท้องถิ่นเมืองนีงาตะ)
การเดินทาง : สามารถนั่งแท็กซี่จากสถานี Niigata มาได้เพียง 5 นาทีเท่านั้น หรือนั่งบัสมาก็ได้
เว็บไซต์ : https://gurunavi.com/en/r446100/ph/all/rst/
Former Saito Family Summer Villa
มาดูในโซนของย่านเมืองเก่ากันบ้าง … เราขอแนะนำ Former Saito Family Summer Villa สร้างขึ้นโดย Kijuro Saito (รุ่น 4) พ่อค้าผู้มั่งคั่งในสมัย Taisho (ปี 1917) ใช้เวลาก่อสร้างถึง 4 ปี เสร็จในปี 1920 จนได้บ้านหลังงาม และสวนสวยอย่างนี้ แค่พื้นที่สวนอย่างเดียวก็กว้างกว่า 4,400 ตารางเมตร มีต้นไม้หลากหลายสายพันธุ์อยู่ราวๆ 1,100 ต้น ในส่วนของตัวอาคาร แถบทุกส่วนจะมีมุมหันหาสวน เรียกได้ว่าต่อให้อยู่ในบ้านก็ได้เห็นความงามของสวนตลอดเวลา เชื่อว่าเจ้าของบ้านต้องมีความสุขมากๆ เลยในตอนที่อาศัยอยู่ที่นี่
ซึ่งตระกูล Saito นั้นเป็น 1 ใน 3 ตระกูลพ่อค้าที่มั่งคั่งที่สุดของแถบนี้ในยุคนั้น จึงสามารถจัดเต็มได้ทั้งในเรื่องของสถาปัตยกรรมและความงดงามของสวนขนาดใหญ่อย่างนี้
เห็นต้นไม้เขียวๆ อย่างนี้ ในช่วงฤดูใบไม้ร่วง ที่นี่ ทัศนียภาพนั้นสวยจนเรียกได้ว่าละลานตา แทบหยุดหายใจกันเลยทีเดียว
Former Saito Family Summer Villa
ที่ตั้ง : 576 Nishiohata-cho, Chuo-ku, Niigata City, Niigata Prefecture
วัน/เวลา :
1 เมษายน – 30 กันยายน 09.30 – 18.00 น. (วันอังคาร – อาทิตย์)
1 ตุลาคม – 31 มีนาคม 09.30 – 17.00 น. (วันอังคาร – อาทิตย์)
หยุดวันจันทร์ (ถ้าตรงวันหยุดนักขัตฤกษ์ จะหยุดวันอังคารแทน), ถ้าวันหยุดนักขัตฤกษ์ตรงกับวันเสาร์หรืออาทิตย์ จะหยุดวันันทร์และวันอังคารด้วย, หยุดช่วงส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ (28 ธ.ค. – 3 ม.ค.)
ค่าเข้าชม : ผู้ใหญ่ 300 เยน เด็ก 100 เยน (วันเสาร์-อาทิตย์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์เข้าชมฟรี)
การเดินทาง : นั่ง Niigata City Loop Bus หรือ Niigatashi Kanko Junkan Bus จากป้ายหมายเลข 2 บริเวณ Bandai Exit ที่สถานีนีงาตะ ลงที่ป้าย Hoppo Bunka Hakubutsukan Niigata Bunkanmae แล้วเดินประมาณ 2 นาทีก็ถึง หรือจะนั่งแท็กซี่มาจากสถานีนีงาตะ ใช้เวลาประมาณ 15 นาที
เว็บไซต์ : http://saitouke.jp/foreign-language
Geigi Show at Former Saito Family Summer Villa
นอกจากนั้น ใครว่า Geisha (เกอิชา) มีอยู่แค่ที่แถวเกียวโตหรือโอซาก้า ย่าน Furumachi ของเมืองนีงาตะนี้ก็ถือว่าเป็นถิ่นของ Geisha เช่นกัน แต่จะเรียกกันว่า Geigi (เกอิกิ) ซึ่ง Geigi นั้นก็มีอยู่คู่กับเมืองนี้มากว่า 300 ปีแล้วนะ โดยที่ Former Saito Family Summer Villa ก็จะมีการแสดงของ Geigi ไว้จัดแสดงเป็นรอบๆ ด้วยนะ แต่ก็ไม่ได้มีทุกวัน แล้วก็ต้องจองล่วงหน้า หรือถ้าต้องการจะจองเป็นแบบ private ก็ได้นะ เรียกไปโชว์ถึงโรงแรมหรือร้านอาหารที่เราใช้บริการได้เลย เหมาะสำหรับผู้ที่มาท่องเที่ยวกันแบบหมู่คณะ เพราะดูคนเดียว คงไม่สนุก ว่าไหม…
Niigata Furumachi Geigi
ค่าใช้จ่าย : 10,000 เยน/Geigi 1 คน /ชม. (มักจะใช้บริการกันครั้งละ 2 ชม.)
เว็บไซต์ :
http://www.niigata-cci.or.jp
http://www.nvcb.or.jp/tokushu/hanamachi/
การจอง :
ดูราคา >> http://www.niigata-inet.or.jp/furumati/ แล้วเลือกเสิร์ช “furumati/meibo”
ดูข้อมูล Geisha (Geigi) >> http://www.ryuto-shinko.co.jp/index.html แล้วเลือกเสิร์ช “ryuto-shinko”
ใส่ Yukata เดินเล่น ชมเมืองนีงาตะ
และอีกหนึ่งกิจกรรม ที่เรียกว่าเข้าถึงคนนีงาตะ เข้าถึงคนญี่ปุ่นแบบสุดๆ ก็คือกิจกรรมแต่งชุดกิโมโน
บางคนก็บอกว่า แต่งกิโมโนแล้วไง ไปเมืองไหนก็แต่งได้
ก็ใช่นะ แต่ที่นี่เราไม่ได้แค่แต่งให้สวย แต่เราจะได้หัดฟ้อนรำในแบบญี่ปุ่นอีกด้วย (สนุกมาก!)
พอฟ้อนเป็น รำได้จนจบเพลง (รวดเดียวตั้งแต่ต้นจนจบเพลง) ก็เรียกได้ว่า mission completed!! เรายังสามารถใส่ชุดไปเดินเล่น ชมเมืองแบบสวยๆ เก๋ๆ ได้อีกต่างหาก … แต่เรามีเวลาไม่มาก เลยจัดไปแค่ ใส่ชุดกิโมโนแบบแต่งเต็ม ไปกินอาหารอิตาเลี่ยนกัน หุ หุ
Nora Cucina
ใช่แล้ว! เราใส่ชุดกิโมโนไปกินอาหารอิตาเลี่ยน กันที่ร้าน Nora Cucina
ในเมืองนีงาตะนี้มีร้านอาหารสไตล์อิตาเลียนอยู่แห่งหนึ่งนามว่า “Nora Cucina” เป็นร้านอาหารฝรั่งที่ใช้วัตถุดิบอย่างดีในท้องถิ่น ผู้คนเนืองแน่นร้านช่วยตอกย้ำว่าร้านนี้ดัง และรสชาติน่าจะดีงามขนาดไหน และการใช่ชุดกิโมโนเดินเข้าร้านอาหารฝรั่งแบบนี้ สายตาทุกคู่จับจ้อง ราวกับดาราเดินเข้าร้านก็ไม่ปาน แอบเขินนนนน .. ว่าแล้วก็ไปลิ้มลองอาหารอิตาเลี่ยนของเมืองนี้กันดูดีกว่า จัดเป็นคอร์สกันไปเลย…
Nora Cucina
ที่ตั้ง : 3223 Kuzutsuka Kita-Ku, Niigata 950-3321, Niigata Prefecture
วัน/เวลา : มื้อกลางวัน 11.00 – 14.30 น. / มื้อค่ำ 17.00 – 22.00 น.
การจอง : +81 25-387-5200
การเดินทาง : อยู่ใกล้สถานีรถไฟ Toyosaka
เว็บไซต์ : http://noracucina.com/ (ภาษาญี่ปุ่น)
YAMADAYA Miso & Soy Sauce Co., Ltd.
กิจกรรมในเมืองนีงาตะยังมีอีกหลากหลาย ไปกันต่อที่ร้านที่เป็นของดีในย่านเมืองเก่า ร้านมิโซะ นามว่า ร้านยามาดะยะ หรือ YAMADAYA Miso & Soy Sauce Co., Ltd. ที่นี่เป็นแหล่งผลิตเครื่องชูรส ในการปรุงอาหารชั้นดีสู่ครัวญี่ปุ่นมาช้านาน (ตั้งแต่ปี 1891) โดยมีผลัตภัณฑ์หลักๆ คือ Miso (มิโสะ) Shoyu (โชยุ) และ Amazake (สาเกหวาน แบบไม่มีแอลกอฮอล์) เป็นต้น ที่ใช้เทคนิคการผลิตที่สืบทอดกันมากว่า 120 ปี ดังนั้นถ้าคนญี่ปุ่นกล่าวถึงผลิตภัณฑ์เหล่านี้ในแถบ Niigata ชื่อของร้านยามาดะยะตั้งแว่บเข้ามาอย่างแน่นอน
บรรดาผลิตภัณฑ์ของทางร้าน
โดยมิโสะของร้านยามะดะยะนั้น ถือว่าเป็นตัวแทนของดีระดับพรีเมี่ยมจากภูมิภาค Echigo (Niigata) เลยทีเดียว ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของรสชาติ กลิ่น และรสสัมผัส เรียกว่าโดดเด่นชนิดหาตัวจับยาก
และนอกจากการมิโสะชั้นดี โชยุระดับพรีเมี่ยมที่มีการคัดสรรวัตถุดิบอย่างดี จนได้รสชาติกลมกล่อมแต่มีปริมาณโซเดี่ยมต่ำ ก็ยังมีอามะซะเกะ (สาเกหวาน ไร้แอลกอฮอล์) ที่เป็นเครื่องดื่มแบบดั้งเดิมของชาวญี่ปุ่น นิยมดื่มกันทั้งเด็กและผู้ใหญ่ ไม่ว่าจะดื่มกันในบ้านหรือตามงานเทศกาลก็มี สำหรับที่ร้านยามาดะยะนั้น รสชาติอามะซะเกะค่อนข้างนุ่ม ละมุนลิ้น กว่าที่เคยดื่มจากที่อื่น แม้ขวดจะเป็นแก้ว แต่ก็ต้องขอจัดเป็นของฝากคนที่บ้านกันนิดนึงเหมือนกัน สำหรับอามะซะเกะของร้านนี้
บอกเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับการทำมิโสะกันอยู่
วัตถุดิบในการปรุง
เมนูตัวอย่าง
เอาเมนูที่ปรุงจากผลิตภัณฑ์ของเขามาให้ชิมด้วย รสนุ่ม ละมุนเชียวล่ะ
และกิจกรรมที่เราสามารถทำกันได้ที่นี่ก็คือการตกแต่งหน้ามิโสะ (มิโสะขาวและมิโสะแดง) ที่ปั้นมาเป็นก้อน เมื่อเราแต่งหน้าโดยใส่เครื่องลงไปบนก้อนมิโสะ เวลานำกลับมาที่บ้าน เราก็แค่ต้มน้ำ แล้วใส่ลงไปในหม้อ ก็อร่อยกันได้แล้ว เหมาะกับวิถีคนยุคใหม่อย่างเรามาก ง่าย สะดวก และอร่อย 😉
แนะนำกิจกรรมของทางร้าน
ตัวอย่างผลงาน
มิโสะ 2 แบบ (ขาว-แดง) ที่นำมาใช้สร้างสรรค์ผลงานกัน
และนี้คือผลงานของเรา (ง่อยๆ แต่อร่อยแน่)
บรรจุลงกล่อง … นำกลับไปปรุงกันเองที่บ้านนะจ้ะ
ร้านยามาดะยะ
ที่ตั้ง : 3119 Kuzukatsuka Kita-ku,Niigata-shi, Niigata, Japan
วัน/เวลา : 08.30 – 18.00 น.
การเดินทาง : อยู่ใกล้สถานีรถไฟ Toyosaka
เว็บไซต์ : http://www.e-misoya.com/ (ภาษาญี่ปุ่น), http://www.e-misoya.com/hpgen/HPB/entries/307.html (ภาษาอังกฤษ) , https://www.facebook.com/e.misoya/
Niigata Senbei Okoku
Niigata Senbei Okoku
สำหรับสถานที่สุดท้ายในเมืองนีงาตะที่เราจะแนะนำในครั้งครั้งนี้ ก็คือ Niigata Senbei Okoku เป็นอีกแห่งหนึ่งที่เรามาทำกิจกรรมฮาเฮ สนุกสนานไปกับเพื่อนๆ และครอบครัวได้ กิจกรรมที่ว่านั้นก็คือ การทำข้าวเกรียบสไตล์ญี่ปุ่น (เซมเบ้) นั่นเอง
เราจะได้ลองทำข้าวเกรียบในขนาดที่เรียกว่าเก็บไว้เป็นที่ระลึกจะดีกว่า ^^ เพราะมีเส้นผ่าศูนย์กลางถึงประมาณ 25 ซม. ทั้งย่างทั้งสร้างสรรค์ลวดลายกันได้ด้วยตัวเอง จนถึงขั้นตอนบรรจุใส่ห่อ นำกลับบ้านเป็นที่ระลึกเลยล่ะ
ที่แอบถือถาดกัน ไม่ใช่อะไร … มันร้อน!
ทำทุกขั้นตอนด้วยตัวเอง … จนกระทั่งบรรจุหีบห่อเลยทีเดียว ^^
เหน็ดเหนื่อยมากกับการทำงานฝีมือ … ในบริเวณใกล้กันมันร้านของฝาก ไปช้อปให้หายเหนื่อย หุ หุ
มีซอฟท์ครีมโชยุแสนอร่อยอยู่ด้วย ต้องชิม!!
Niigata Senbei Okoku
ที่ตั้ง : 2661 Niizaki, Kita-ku, Niigata City, Niigata Prefecture
วัน/เวลา : 09.30 – 17.00 น. (ปกติแล้วจะเปิดทุกวัน)
ค่าทำกิจกรรม : 1,500 เยน (ย่างเซ็มเบ้ที่ระลึก ขนาด 25 ซม.)
การเดินทาง : นั่งแท็กซี่มาจากสถานี JR Niizaki ได้ (ถ้าเดินจะใช้เวลาประมาณ 20 นาที) หรือนั่งแท็กซี่ตรงมาจากสถานี Niigata ก็จะใช้เวลาประมาณ 20 นาที
เว็บไซต์ : http://senbei-oukoku.jp (ภาษาญี่ปุ่น)
เป็นอย่างไรกันบ้างคะ เมืองนีงาตะที่หลายคนน่าจะยังไม่เคยไป หลายคนอาจจะเคยได้ยินแค่ว่า “นีงาตะ” เป็นจังหวัด คราวนี้ได้รู้แล้วนะคะ ว่าเมืองใหญ่อันดับหนึ่งของจังหวัดนี้ หรือเมืองนีงาตะนั้น มีอะไรให้เที่ยวเล่น เพลิดเพลินมากมาย ลองไปเที่ยวกันดูได้ แล้วอย่าลืมแวะไปเที่ยวงานดอกไม้ไฟ ส่วนหนึ่งของงาน Echigo-Tsumari Art Field ที่ถือว่าเป็นไฮไลท์อย่างหนึ่งของจังหวัดนีงาตะกันด้วยน๊าาาา
เรื่องแนะนำ :
– เที่ยว “Sado” เกาะสวรรค์แห่ง Niigata
– ชอบหิมะทำไมต้องเดินทางไปไกลๆ ในเมื่อใกล้โตเกียวก็มี (Niigata)
– เที่ยวญี่ปุ่นชิลๆ เส้นทางใหม่ Gunma – Niigata – Saitama ตอนที่ 3
– เที่ยวญี่ปุ่นชิลๆ เส้นทางใหม่ Gunma – Niigata – Saitama ตอนที่ 4
– รีวิวเที่ยวนีงาตะหน้าหนาว ตอน 1 : สตรอเบอรี่!!!
– รีวิวเที่ยวนีงาตะหน้าหนาว ตอน 2 : ลานสกี สีสันแห่งนีงาตะ!!!