เที่ยว Sado … ซาโดะถือเป็นเกาะสวรรค์ของจังหวัดนีงาตะ ที่อุดมสมบูรณ์ไปด้วยพืชพรรณธัญญาหาร ทรัพยากรธรรมชาติที่ล้นเหลือ ทัศนียภาพที่สวยงาม และประวัติศาสตร์ที่เล่าขานกันมาช้านาน ครั้งนี้เราจะพาไปรู้จักกับเกาะซาโดะให้มากขึ้นกันสักนิด
เกาะซาโดะ (Sado) ถือเป็นเกาะสวรรค์แห่งจังหวัดนีงาตะ ที่อุดมสมบูรณ์ไปด้วยพืชพรรณธัญญาหาร ทรัพยากรธรรมชาติที่ล้นเหลือ ทัศนียภาพที่สวยงาม และประวัติศาสตร์ที่เล่าขานกันมาช้านาน เฟื่องฟูมาตั้งแต่สมัยนารา จนยุคหลัง (ศตวรรษที่ 17) การค้นพบทองคำจำนวนมากทำให้กลายเป็นเกาะในความปกครองที่ขึ้นตรงกับโชกุนตระกูล Tokugawa (คงต้องการดูแลกันใกล้ชิดหน่อยกระมัง) ปัจจุบันที่นี่เป็นแหล่งท่องเที่ยวสไตล์ unseen ที่หากใครได้มาเยือนจังหวัดนีงาตะแล้ว ก็ต้องอยากมาให้ถึงเกาะซาโดะแห่งนี้ด้วยเช่นกัน

และในครั้งนี้เราจะพาไปรู้จักกับสถานที่ท่องเที่ยว กิจกรรมต่างๆ ที่พัก รวมไปถึงแหล่งของกินอร่อยๆ ในเกาะซาโดะ ของจังหวัดนีงาตะกัน ขอเริ่มต้นกันที่ไฮไลท์ของเกาะซาโดะกันเลย

เรืออ่าง Tarai-bune ถูกคิดค้นขึ้นมาโดยชาวประมงที่ต้องสู้กับคลื่นลมแรงในแถบนี้ เพื่อใช้ในการงมหอยซาซาเอะ หรือสาหร่ายวากาเมะในพื้นที่แถบ Ogi ซึ่งเรือหน้าตาแบบนี้ดูจะเหมาะสมมากๆ สำหรับนักท่องทเี่ยวแล้วเราสามารถมาดูสาวๆ ในเครื่องแบบนักดำน้ำท้องถิ่น มาคอยบริการพายเรืออ่างให้เรานั่ง สอนเราพาย แล้วก็ถ่ายรูปให้ด้วย นี่เป็นกิจกรรมเด่นของเกาะแห่งนี้ เรียกว่าถ้ามาที่นี่ แล้วไม่ได้พายเรืออ่าง Tarai-bune คือมาไม่ถึงเกาะซาโดะเลยก็ว่าได้






Tarai-bune (RIKIYA KANKO KISEN)
ที่ตั้ง : 184 Ogi-machi, Sado City, Niigata
วัน/เวลา : เปิดตลอดปี 08.20 – 17.00 น. (ขึ้นอยู่กับฤดูกาลด้วย)
การเดินทาง : เดิน 4 นาทีจากท่าเรือ Ogi
เว็บไซต์ :
http://park19.wakwak.com/~rikiyakankou/
https://www.visitsado.com/en/spot/detail0045/

Shukunegi Historical Area อยู่ในเขตหมู่บ้าน Shukunegi ตั้งอยู่แถบท่าเรือ Ogi ในอดีตจึงเป็นเสมือนศูนย์กลางการคมนาคมทางทะเล ทั้งทำธุรกิจ ขนส่งสินค้า และการต่อเรือ ถือเป็นเมืองที่ร่ำรวยมากในช่วงศตวรรษที่ 18 ถึงต้นศตวรรษที่ 20 มีอาคารบ้านเรือนเก่าที่ยังคงอนุรักษ์ไว้ให้นักท่องเที่ยวได้ชมมากมาย และยังมีชาวบ้านอาศัยอยู่จริงๆ








ดูจากภายนอกอาจจะไม่เห็นอะไร แต่ด้านในหลายหลังได้ปรับให้เป็นร้านค้า ร้านอาหาร รวมไปถึงที่พัก หลายๆ หลังก็มีลักษณะเฉพาะตัว อย่างเช่นหลังที่นี้ที่เป็นรูปเรือ เป็นต้น โดยบริเวณนี้ได้ถูกขึ้นทะเบียนให้เป็นพื้นที่มรดกทางประวัติศาสตร์ของญี่ปุ่นไปเรียบร้อยแล้ว


Shukunegi Historical Area
ที่ตั้ง : Shukunegi, Sado, Niigata 952-0612
การเดินทาง : ถ้านั่งรถเมล์สาย Shukunegi Line มาลงป้าย Shukunegi ก็ถึงเลย หรือนั่งรถจาก Ogi Port มาได้เพียง 10 นาที
เว็บไซต์ :
http://shukunegi.com/en/
https://www.visitsado.com/en/spot/detail0121/

Sado Nishimikawa Gold Park เป็นอีกหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมของเกาะซาโดะ เนื่องจากในอดีต (ยุคตื่นทองของญี่ปุ่น) ที่เกาะแห่งนี้ก็ถือเป็นแหล่งขุดหาแร่ทองคำที่มีชื่อเสียง แม้ปัจจุบันก็ยังคงมีการพบเห็นอยู่บ้าง แต่สำหรับที่นี่แล้วก็จะเน้นให้นักท่องเที่ยวได้มาสนุกสนาน สัมผัสประสบการณ์เป็นชาวเหมืองทองกันดูบ้าง ซึ่งมันก็เป็นประสบการณ์ที่สนุกจริงๆ ส่วนหนึ่งก็เป็นเพราะเจ้าหน้าที่ที่คอยสร้างสีสัน และให้ความเป็นกันเองกับนักท่องเที่ยวต่างชาติอย่างไม่เคอะเขิน น่ารักที่สุดอ่ะ
ถ้าเล่ากันในเชิงประวัติศาสตร์แล้ว เกาะซาโดะ เคยได้รับฉายาว่า “เกาะแห่งทองคำ” มานับพันปี ซึ่งอันที่จริงแล้วนั้นที่นี่เคยทำทั้งเหมือนทองคำและเหมืองเงิน มาตั้งแต่ราวศตวรรษที่ 12 เลยทีเดียวนะ
ในปัจจุบัน อดีตเหมืองทองคำแห่งนี้ได้ปรับให้เป็นสถานที่ต้อนรับนักท่องเที่ยว ที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก โดยนักท่องเที่ยวสามารถมาสัมผัสประสบการณ์การร่อนทอง ทั้งแบบ Level เบาๆ คือหัดร่อนภายในอาคาร (Beginner’s Course) ถ้าเป็นช่วงหน้าหนาว น้ำที่ใช้ก็จะอุ่นสบาย ไม่ต้องกลัวหนาวเลยด้วย หรือจะเพิ่มระดับเป็น Intermediate Course ที่ทำเลียนแบบพื้นที่ร่อนทองจริงก็ต้องก้มๆ เงยๆ กันหน่อย หรือจะไปร่อนในแม่น้ำจริงเลยก็ยังได้ เป็น Advanced Course (ราคา ค่าทำกิจกรรม ก็จะแตกต่างกันไป) ทองที่ร่อนได้ เราก็สามารถเอาไปเลือกทำเป็นเครื่องประดับ กลายเป็นของที่ระลึกน่ารักๆ ได้ด้วยนะ ราคาเริ่มต้นที่ 500 เยนเท่านั้น แล้วโซนของฝากของที่ระลึกที่นี่ก็มีสินค้ามากมาย ขอบอกว่าชีสเค้กอร่อยมากกกกก




ถ้าใครยังสนใจในส่วนของเหมือนเงินเหมืองทอง ที่ซาโดะในแถบ Aikawa ซึ่งอยู่เหนือไปจาก Nishimikawa Gold Park นิดหน่อย เป็นแหล่งเที่ยวชมเหมืองเก่าแก่ ซึ่งมีหลายเมือง ไปทัวร์ในแบบผจญภัยปนๆ กับความลี้ลับกันได้นะ
Nishimikawa Gold Park
ที่ตั้ง : 835-1 Nishimikawa Sado Island, Niigata 952-0434
วัน/เวลา : เปิดทุกวัน
ธันวาคม – กุมภาพันธ์ 09.00 – 16.30 น.
พฤษภาคม – สิงหาคม 08.30 – 17.30 น.
มีนาคม, เมษายน, กันยายน, พฤศจิกายน 08.30 – 17.00 น.
ค่าเข้าชม : ผู้ใหญ่ 800 เยน เด็กประถม 700 เยน
การเดินทาง : Nishimikawa Gold Park ตั้งอยู่ทางตะวันตกเฉียงใต้ของเกาะซาโดะ เดินทางโดยรถบัสมาได้สะดวกมาก ลงที่ป้าย Nishimikawa แล้วเดินประมาณ 5 นาทีก็ถึง
เว็บไซต์ :
http://www3.ocn.ne.jp/~snmgp/
http://www.e-sadonet.tv/~goldpark/
https://www.visitsado.com/en/spot/detail0009/

มาต่อกันที่กิจกรรมบนที่สูง เห็นเป็นเกาะอย่างนี้ ซาโดะมีภูเขาสูงๆ เยอะมาก และด้านในของเกาะบริเวณที่เป็นหุบเขาก็สามารถนำมาทำเป็นลานสกีได้ ครั้งนี้เราไปกันที่ Sado City Daira Ski Hills ที่นี่เป็นลานสกีที่มีทั้งคนท้องถิ่นและนักท่องเที่ยวมาเพลิดเพลินกัน เปิดตั้งแต่ราวกลางเดือนมกราคม ถึงกลางเดือนมีนาคม ขึ้นอยู่กับปริมาณหิมะที่เพียงพอ ปกติก็จะเปิดให้บริการระหว่างเวลา 09.00 – 16.00 น. ค่า Sky Lift ก็นับมาประหยัดมาก เราสามารถมาเล่นสกี สโนว์บอร์ด หรือกระดานเลื่อนก็ได้
Sado City Daira Ski Hills
วัน/เวลา : มกราคม – มีนาคม (09.00 – 16.00 น.) ขึ้นอยู่กับสภาพอากาศ
ค่า Ski Lift : ผู้ใหญ่ 2,000 เยน เด็ก 1,000 เยน
การเดินทาง : วันธรรมดาต้องขับรถไปเอง ส่วนวันเสาร์-อาทิตย์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์ จะมีรถรับส่งเที่ยวละ 500 เยน จาก Kanai Community Center ถึงลานสกี แต่จะมีเพียงวันละ 1 รอบเท่านั้น ต้องจองรถหนึ่งวันล่วงหน้าก่อน 17.00 น. ด้วยนะ (และถ้าขับรถมาเอง ก็ต้องใช้โทรศัพท์ที่ด่านโทรไปแจ้งเองเลยว่ากำลังจะเข้าไปที่ลานสกี ซึ่งค่อนข้างเป็นการให้ความสำคัญกับเรื่องความปลอดภัยพอสมควร)
เว็บไซต์ :
https://www.city.sado.niigata.jp/z_ot/daira/index/index.shtml (ภาษาญี่ปุ่น)
http://sadoski.net/ (ภาษาญี่ปุ่น)

ในช่วงเย็นย่ำอากาศดี เราไปเดินเล่นนาขั้นบันไดที่มีชื่อเสียงของเกาะซาโดะกัน บริเวณนี้เรียกว่าหมู่บ้าน Tassha มีแบรนด์ข้าวเป็นของตัวเองด้วยนะ ชื่อว่า “O-tassha-mai”
เนื่องจากจังหวัดนีงาตะจะโด่งดังเรื่องผลิตภัณฑ์ข้าว บนเกาะซาโดะเองก็มีชื่อเรื่องการเพาะปลูกข้าวไม่น้อยหน้าเขตอื่นๆ ของจังหวัดนี้เช่นกัน โดยทางตอนบนของแถบ Aikawa ที่เคยเป็นแหล่งขุดทองคำที่มั่งคั่งเป็นอย่างมากของเกาะซาโดะนั้น เป็นที่ตั้งของหมู่บ้านเล็กๆ แห่งนี้ ซึ่ง “Tassha” นั้นแปลว่า “สุขภาพแข็งแรง” ที่นี่มีบ้านเรือนไม่ถึงหนึ่งร้อยหลัง กับชาวบ้านรวมกันแล้วไม่ถึง 300 คน ใช้น้ำที่มีคุณภาพจากภูเขา กับพื้นนาที่ลดหลั่นกันสู่ชายหาด และสายลมกับแสงแดดที่สะท้อนกับผิวทรายริมทะเลในการทำนาขั้นบันได และองค์ประกอบในการทำนาอย่างมีเอกลักษณ์นี้นี่แหล่ะ ที่เชื่อว่าเป็นสาเหตุให้ข้าวของที่นี่รสชาติดีเยี่ยม ดีต่อสุขภาพ จนมีการตีตราสินค้าข้าวของที่นี่ไว้ว่า “O-tassha-mai” และด้วยเทคนิคการปลูกที่น่าจะส่งผลให้ได้ข้าวคุณภาพแล้ว ต้องขอบอกคุณสมบัติอันยอดเยี่ยมของข้าว O-tassha-mai ให้เห็นอย่างนึงว่า ข้าวจากที่นี่ไม่ว่าจะเป็นแบบหุงมาใหม่ๆ หรือวางทิ้งไว้จนเย็น และแม้แต่กระทั่งแช่เย็นไว้ รสชาติก็ยังอร่อย!! จึงนิยมนำมาทำเป็นข้าวปั้น (Onigiri) แล้วก็ข้าวกล่อง (Bento) ที่มักจะต้องกินตอนที่ข้าวหายร้อนแล้วนั่นเอง คือก็เหมาะจริงๆ นั่นแหล่ะ
โดยไฮไลท์อีกอย่างของหมู่บ้านริมทะเลแห่งนี้ก็คือ แผงตากข้าว เรียกว่า Hazakake-mai เป็นส่วนหนึ่งของการตากข้าวแบบ Hazakake ที่จะตั้งแผงตากข้าวแบบห้อยเมล็ดลง เหนือผืนทราย ริมชายหาด ทำให้ข้าวที่เกี่ยวมาใหม่ๆ ค่อยๆ แห้งช้าๆ โดยปล่อยให้เมล็ดข้าวได้ดูดซึมแร่ธาตุต่างๆ ไปอย่างเต็มที่ ซึ่งในฤดูเก็บเกี่ยวชายหาด Tassha แห่งนี้จะมีเสน่ห์ดึงดูดนักท่องเที่ยวได้ไม่น้อยเลย เพราะจะเต็มไปด้วยรวงข้าวที่ชาวบ้านนำมาตากไว้นั่นเอง
ใครสนใจมาเที่ยวที่จุดนี้กัน ก็สามารถเข้าไปดูข้อมูลเพิ่มเติมกันได้ที่นี่ : http://www.sado-kouryu.jp/tours/sadonpo-en/3389/

มาในส่วนของเรื่องราวของอาหารการกิน เนื่องจากซาโดะนั้นมีชื่อเสียงมากในเรื่องอาหารทะเล ถือเป็นไฮไลท์ของการเดินทางมาซาโดะเลยก็ว่าได้ ว่าเราต้องมากิน กิน กิน และกิน!!
เราไปทำกิจกรรมร่วมกับชาวประมงที่ทำอาชีพเลี้ยงหอยนางรม ที่ Akitsumaru เขาจะสอนให้เราแกะหอยนางรม …



ชิมหอยนางรมสดๆ แล้วก็ยังจัดมื้อกลางวันกันแบบเต็มๆ ที่นี่ได้เลยด้วย การันตีความดีงามของรสชาติที่หวาน และสดสุดๆ ได้ เพราะนั่งอยู่ไม่ไกลจากกระชังเลี้ยงหอยเลยทีเดียว





สำหรับการมาทำกิจกรรมร่วมกับชาวประมงผู้เพาะเลี้ยงหอยนางรมนี้สามารถมาทำกันได้ระหว่างเดือนธันวาคมถึงเดือนมีนาคม (ฤดูที่หอยนางรมอร่อยมากๆ นั่นเอง) อร่อยจุกอกกันเลยทีเดียว โดยเฉพาะเมนูหม้อไฟหอยนางรมเนี่ย
Akitsumaru
สอบถามข้อมูลและการจองได้ที่ : Ryotsu Port Tourist Information Center
โทร. 0259-27-5000
ข้อมูลเพิ่มเติม : https://www.facebook.com/sadotour/posts/1175795652496856

อีกหนึ่งวัตถุดิบหลักจากทะเล (อิ อิ) ที่ไม่พูดถึงไม่ได้ เพราะมันสด และหวานฉ่ำมากๆ นั่นก็คือปู! ปูซูไว (Zuwai-gani) เป็นทรัพยากรทางทะเลที่ล้ำค่ามากของเกาะซาโดะ ที่ Yakishi Maru ซึ่งเป็นศูนย์ค้าส่งปูประจำเกาะซาโดะนั้น เราจะได้เห็นปูที่เพิ่งขึ้นมาจากทะเล ยังกระดุกกระดิก บ่งบอกถึงความสดอยู่ และที่นี่จะทำการต้มปูสดๆ เพื่อนำส่งออกไปจำหน่ายตามออเดอร์ที่มีทั่วเกาะและที่อื่นๆ ในญี่ปุ่นตามที่สั่งมา ถือเป็นสินค้าส่งออกสำคัญของเกาะซาโดะได้เลยกระมัง นอกจากเราจะได้ดูแล้ว เราก็จะได้ชิมกันอย่างอิ่มหนำ เพราะปกติเขาจะนำมาให้นักท่องเที่ยวได้ชิมกันอย่างน้อยคนละ 1 ตัว ใครใคร่ซื้อก็ซื้อกลับไปได้ (แนะนำเลยว่าซื้อกลับไปกินกันต่อให้จุใจ ไหนๆ ก็มาถึงแหล่งกันขนาดนี้แล้ว รสชาติแบบนี้ถ้าไม่ได้มากินกันตรงนี้ หาที่ไหนไม่ได้อีกแล้ว แถมราคาก็ซุปเปอร์ถูก!!)






Yakishi Maru
ที่ตั้ง : 669-5 Akadaya, Sado city, Niigata 952-0711
วัน/เวลา : 08.30 – 17.00 น. หยุดในวันหยุดนักขัตฤกษ์
การเดินทาง : ถ้านั่งรถเมล์มา ลงที่ป้าย Shimpo Stop (Akadomari Line) เดินประมาณ 4 นาทีก็ถึง)
เว็บไซต์ : https://minamisadochikushokokai.com/spot/ak016/

และหากไปชิมปูที่ศูนย์ค้าส่งปู Yakishi Maru กันแล้วยังไม่สาแก่ใจ แนะนำว่าแวะไปทานมื้อกลางวันกันที่ Sunrise Jyogahama เพราะในช่วงฤดูหนาว ที่นี่จะมีเซ็ตปูเป็นมื้อกลางวันที่เน้นปูเต็มๆ มีปูอยู่ในแทบจะทุกเมนู ที่สำคัญที่นี่เป็นจุดแวะพักที่สำหรับนักท่องเที่ยวที่มาเยือนเกาะซาโดะ โดยเฉพาะเพื่อแวะมากินมื้อกลางวันนี่แหล่ะ แต่จะแวะมาช้อปปิ้งของฝาก มาหาข้อมูลท่องเที่ยว รวมไปถึงผ่อนคลายกับการแช่ออนเซ็นก็ยังได้ ราคาก็ไม่แพงเลยเพียงเซ็ตละ 1,500 เท่านั้น มีเป็นแพ็คเกจพิเศษ รวมค่าอาหาร ค่าแช่ออนเซ็น และได้น้ำแร่ที่ผลิตจากน้ำใต้ทะเลลึกของเกาะซาโดะ ไว้ดื่มให้สดชื่อกันอีกคนละขวดด้วย


Sunrise Jyogahama
ที่ตั้ง : 2915 Mikawa Sado, Niigata Prefecture 952-0705
ค่าเซ็ตปู (กลางวัน) 1,500 เยน
การเดินทาง : นั่งรถเมล์จาก Ryotsu Port มาประมาณ 1 ชม. (สำหรับแขกของทางโรงแรม มี Free Pickup จากท่าเรือด้วยนะ ต้องแจ้งล่วงหน้า แค่นั้น)
เว็บไซต์ : http://www.akadomari.com
ในส่วนของเครื่องดื่มขึ้นชื่อของเกาะซาโดะ ก็ต้องไปชมวิถีการผลิตแบบญี่ปุ่นกันที่ Hokusetsu Sake Brewery เพราะที่เกาะซาโดะนั้น ขึ้นชื่อในเรื่องน้ำด้วย น้ำที่ดีก็สามารถนำมาทำอาหารอร่อยๆ ได้หลากหลาย ไม่ว่าจะใช้ในการหมักมิโซะ โชยุ หรือเครื่องดื่มอย่างสาเก เครื่องดื่มของที่นี่หลายๆ ตัวมีรางวัลการันตีและเชื่อว่าหลายๆ คนก็คงจะรู้ภัตตาคารอาหารญี่ปุ่นที่มีสาขาอยู่ทั่วโลก ชื่อว่าร้าน “NOBU” ซึ่งเสิร์ฟเครื่องดื่มจากที่นี่เป็นหลัก! แล้วความพิเศษของที่นี่ก็คือ เขามีเทคนิคเพิ่มรสชาติให้กับเครื่องดื่มโดยการเปิดเพลงให้ฟังระหว่างทำการบ่มในห้องเย็น ทำให้เป็นที่นิยมอย่างมาก







Hokusetsu Sake Brewery
ที่ตั้ง : 2377-2 Tokuwa, Sado, Niigata Prefecture
วัน/เวลา : เปิดทุกวัน 09.00 – 16.00 น. (เข้าชมโรงงานได้เฉพาะในเดือนพฤษภาคม – ตุลาคม ฟรีแต่ต้องจองล่วงหน้า)
การเดินทาง : เดิน 10 นาทีจาก Akadomari Port
เว็บไซต์ :
http://www.sake-hokusetsu.com (ภาษาญี่ปุ่น)
https://www.visitsado.com/spot/detail0050/
ของหวานตบท้าย ก่อนอำลาเกาะซาโดะ คือสตรอเบอรี่ เราไปที่ร้าน Fruits&Café Saito กัน ที่นี่มีฟาร์มสตรอเบอรี่เป็นของตัวเอง และเป็นฟาร์มสตรอเบอรี่แห่งเดียวบนเกาะซาโดะ ปลูกเฉพาะพันธุ์ Echigo-Hime ซึ่งถ้ามีโอกาสได้เข้าไปเก็บกินกันสดๆ แล้วละก็จะต้องร้องว้าว เพราะแค่เห็นต้นสตรอเบอรี่ที่สมบูรณ์สุดๆ ใบเขียว เต็งตึง ก็รู้เลยว่าได้รับการใส่ใจเป็นอย่างดี พอได้เก็บชิมสตรอเบอรี่สายพันธุ์เฉพาะของจังหวัดนีงาตะเข้าให้แล้ว … หวานนำเปรี้ยวตามแบบเบาๆ ชุ่มฉ่ำมากเลย และๆๆ ถ้ายังไม่สะใจก็ไปต่อกันได้ในส่วนของคาเฟ่ เพราะนอกจากจะมีเครื่องดื่มดับกระหายแล้ว ยังมีเมนูของหวานที่ทำจากผลไม้ของทางฟาร์มเอง ไม่ว่าจะเป็นสตรอเบอรี่และลูกพลับ เสิร์ฟมาเย็นเจี๊ยบพร้อมนมข้นหวาน รสชาติดี องค์ประกอบเข้ากั๊นเข้ากัน อยากให้เพื่อนๆ มาลองชิมกันเยอะๆ เลยทีเดียว









Fruits&Café Saito
ที่ตั้ง : 667-1 Sado-shi, Niigata, Japan 952-0102
วัน/เวลา : เปิดวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 10.00 – 15.00 น.
ค่าเก็บสตรอเบอรี่ (30 นาที) :
ตั้งแต่สตรอเบอรี่พร้อมเก็บ – 15 เมษายน ราคาผู้ใหญ่ 1,800 เยน
16 เมษายน – 10 พฤษภาคม ราคาผู้ใหญ่ 1,500 เยน
11 พฤษภาคม – หมดฤดูเก็บเกี่ยว ราคาผู้ใหญ่ 1,200 เยน
เว็บไซต์ : https://www.facebook.com/齋藤農園-FruitsCafe-Saito-1689160771308941/
สำหรับที่พักบนเกาะซาโดะนั้น ครั้งนี้เรามีโอกาสได้เข้าพักกัน 2 แห่ง 2 สไตล์
แห่งแรกก็คือ Hotel Azuma ที่นี่เป็นโรงแรมสไตล์เรียวกังจริงๆ มีสวนญี่ปุ่นกว้างใหญ่อยู่ริมทะเล ที่ขึ้นชื่อเป็นอย่างมาก เพราะบรรยากาศพระอาทิตย์ตกดิน ที่ให้แสงสีส้มทองสะท้อนน้ำ และริมหน้าผา เป็นภาพที่น่าประทับใจมาก อาหารอร่อย และห้องออนเซ็นก็ช่วยให้รู้สึกผ่อนคลาย สบายใจมากทีเดียว




Hotel Azuma
ที่ตั้ง : 548-1 Aikawaoura, Sado-shi, Niigata 952-1646
ข้อมูลเพิ่มเติม : https://goo.gl/R7EKco
และอีกแห่งก็คือ Hotel Urashima เป็นโรงแรมเก่าแก่ ที่ปรับปรุงให้ดูทันสมัยมากๆ (ทันสมัยจริงๆ นะ ต้องลองไปพักดู) ห้องพักกว้างขวางสะดวกสบาย พนักงานก็บริการดี เป็นมิตรกับชาวต่างชาติแบบสุดๆ บรรยากาศทั้งภายในและภายนอกโรงแรมดูดี มีทางเดินเล่นริมหาด คุ้มค่ากับการมาพักผ่อนเป็นอย่างมาก

นอกจากจะหลงรักบรรยากาศและบริการแล้ว ยังหลงรักอาหารด้วยนะ ทั้งอาหารเช้า (ที่มีให้เลือกทั้งแบบตะวันตกและแบบญี่ปุ่น) และอาหารค่ำที่ห้องอาหารฝรั่งเศส (ภัตตาคาร La Plage)


Hotel Urashima
ที่ตั้ง : 978-3 Kubota, Sado Island, Niigata
ข้อมูลเพิ่มเติม : https://goo.gl/DFvHGA
และขอปิดท้ายด้วยการเดินทางมายังเกาะซาโดะ


เราสามารถเลือกนั่งเรือไปเกาะซาโดะ ได้ 3 เส้นทาง ดังนี้
Niigata Port – Ryotsu Port Jetfoil (65 นาที) หรือ Ferry (2 ชม. 30 นาที)
Naoetsu Port – Ogi Port Fast Car Ferry Akane (1 ชม. 40 นาที)
Teradomari Port – Akadomari Port Fast Ferry Ibis (65 นาที)
(ครั้งนี้เรามากันที่ Ryotsu Port โดยเรือ Jetfoil)




ที่ Ryotsu Port มีศูนย์ข้อมูลนักท่องเที่ยว สถานที่เช่ารถ และบริการอีกหลากหลาย รวมทั้งยังมี Sea town Sado Shopping Mall ด้วย ถ้าใครจะซื้อของฝาก ก็มาจัดกันต่อขากลับได้ที่นี่

ดูข้อมูลเพิ่มเติม เกี่ยวกับเรือข้ามฟาก SADO KISEN ได้ที่ http://www.sadokisen.co.jp/language/en/ หรือ
http://www.mijintl.com
ส่วนการเดินทางบนเกาะซาโดะนั้น สามารถใช้บริการรถเช่าได้จากบริเวณท่าเรือเลย หรือจะใช้บริการ Tourist Taxi ก็ได้ มีให้เลือกถึง 17 เส้นทาง (หรือจะ request เส้นทางเองก็ได้นะ) แต่ยานพาหนะยอดฮิตน่าจะเป็นรถเมล์ ที่มีวิ่งกันอยู่ถึง 16 เส้นทาง แล้วยังมีบัตร Fixed Route Bus Passes ให้เราเลือกซื้อ จะได้นั่งกันแบบไม่จำกัดเที่ยว ทั้งแบบ 1 วัน (1,500 เยน) 2 วัน (2,500 เยน) และ 3 วัน (3,000 เยน) ซึ่งก็สามารถดูรายละเอียดกันได้ที่ http://www.sado-bus.com
และถ้าใครมี บัตร JR East Pass สามารถซื้อ Sado Niigata Pass ได้ในราคาเพียง 4,000 เยน ประหยัดกว่าปกติถึง 50% รวม
(1) Niigata City Loop Bus (One Day Pass)
(2) ค่าตั๋วไปกลับ Niigata Station – Niigata Port
(3) ค่าเรือเฟอรี่ไปกลับท่าเรือ Ryotsu บนเกาะซาโดะ (Second Class แบบ Non-Reserved Seats เลือกนั่งตามอัธยาศัย)
(4) ค่ารถเมล์บนเกาะซาโดะ (Sado Local Bus แบบ Three Day Pass)
อีกทั้งยังสามารถใช้จักรยานไฟฟ้าที่ Sado Tourism Information Centers ได้ฟรีอีก 2 ชม. แค่โชว์ Sado Niigata Pass เท่านั้น
ถือว่าเป็น Pass ที่คุ้มค่าแบบยากจะหาอะไรมาเปรียบ ฮะ ฮะ (แต่อย่าลืมนะ คุณต้องมี JR EAST PASS ด้วยเท่านั้น ซึ่งก็เชื่อว่าน่าจะมีกันนะ ถ้าเดินทางมาถึง Niigata แล้วอย่างนี้น่ะ) และที่รักเกาะนี้มากๆ เลยก็คือ ตารางรถบัส มีเป็นภาษาอังกฤษด้วย เลิฟที่สุด!!
ใครสนใจก็สามารถดูข้อมูลกันได้ที่ https://sado-niigata.com/pass
ทั้งหมดนี้เป็นแค่บางส่วนของเกาะซาโดะที่เราได้ไปท่องเที่ยวกันมา และอยากจะแนะนำให้เพื่อนๆ ลองไปสัมผัสกันดูบ้าง การออกจากเกาะใหญ่ ไปเที่ยวยังเกาะรอบนอกนั้น ไม่ยุ่งยากอย่างที่คิด โดยเฉพาะที่เกาะซาโดะแห่งนี้ ป้ายภาษาอังกฤษก็มีให้พอสมควร การเดินทางท่องเที่ยวภายในเกาะไม่ยุ่งยากมาก ขอแค่เราเตรียมตัวไปก่อนสักนิด แต่เชื่อเลยว่า ถ้าเพื่อนๆ ได้ลองมาเที่ยวชมกันดูเองแล้ว จะต้องชอบเกาะนี้อย่างแน่นอน แล้วมาเที่ยว SADO กันนะ (^^)/
เรื่องแนะนำ :
– ชอบหิมะทำไมต้องเดินทางไปไกลๆ ในเมื่อใกล้โตเกียวก็มี (Niigata)
– ชอบหิมะทำไมต้องเดินทางไปไกลๆ ในเมื่อใกล้โตเกียวก็มี (Niigata)
– เที่ยวญี่ปุ่นชิลๆ เส้นทางใหม่ Gunma – Niigata – Saitama ตอนที่ 3
– เที่ยวญี่ปุ่นชิลๆ เส้นทางใหม่ Gunma – Niigata – Saitama ตอนที่ 4
– รีวิวเที่ยวนีงาตะหน้าหนาว ตอน 1 : สตรอเบอรี่!!!
– รีวิวเที่ยวนีงาตะหน้าหนาว ตอน 2 : ลานสกี สีสันแห่งนีงาตะ!!!
– เที่ยวนีงาตะ