ซีรีส์ชีวิตเจ้าของรถโตโยต้า..สิ่งที่เห็นในทุกวันนี้เกิดจากความฝันอันยิ่งใหญ่ของชายคนหนึ่ง ที่มุ่งมั่นทำในสิ่งที่ดูเหมือนจะเป็นไปไม่ได้ เป็นไปได้ขึ้นมา ล่าสุดเรื่องราวชีวิตของเขาถูกถ่ายทอดออกมาเป็นละครญี่ปุ่นเรื่อง “LEADERS”
คงจะไม่มีใครที่ไม่รู้จักรถยนต์ “โตโยต้า” สัญชาติญี่ปุ่น บริษัทรถยนต์ที่อยู่ในระดับแนวหน้าของโลก แต่กว่าที่โตโยต้าจะมาถึงวันนี้ได้ ไม่ใช่เรื่องง่าย….
สิ่งที่เห็นในทุกวันนี้นั้นเกิดจากความฝันอันยิ่งใหญ่ของชายคนหนึ่ง ที่มุ่งมั่นทำในสิ่งที่ดูเหมือนจะเป็นไปไม่ได้ เห็นเป็นไปได้ขึ้นมา ล่าสุดเรื่องราวชีวิตของเขาถูกถ่ายทอดออกมาเป็น “ละครญี่ปุ่น” เรื่อง “LEADERS” และกำลังมีคิวฉายที่โทรทัศน์ไทยด้วย!

“LEADERS” เป็น เรื่องราวชีวิตของ “ไอจิ ไซจิโร่” (รับบทโดยซาโต้ โคอิจิ) ลูกชายของไอจิ ซาสึเกะ นักประดิษฐ์ชื่อดัง ผู้ก่อตั้งโรงงานผลิตเครื่องทอผ้าอัตโนมัติไอจิ ไอจิได้รับตำแหน่งกรรมการผู้บริหารบริษัท แต่ไอจิกลับไม่อยากที่จะครอบครอง หรือสืบทอดบริษัทของพ่อเขา เขาอยากประดิษฐ์สิ่งใหม่ๆ ที่พ่อเขายังไม่เคยทำ
วันหนึ่งไอจิได้มีโอกาสไปเห็นอุตสาหกรรมรถยนต์ในแถบยุโรปและ อเมริกาที่น่าทึ่ง หลังจากได้ไปเห็นความก้าวไกลของอุตสาหกรรมรถยนต์ ทำให้เขามีความฝันที่อยากจะสร้างรถแบบนั้นขึ้นมาบ้าง อีกทั้งยังเชื่อมั่นว่าเศรษฐกิจญี่ปุ่นจะรุ่งเรืองได้ ถ้าญี่ปุ่นสามารถผลิตรถยนต์ได้เป็นของตัวเอง และผลักดันให้อุตสาหกรรมรถยนต์ก้าวไกลไปถึงระดับโลก ฝันในครั้งนี้จึงไม่ใช่แค่การก้าวตามความฝันเพื่อตนเอง แต่เป็นการทำเพื่อ “ญี่ปุ่น” ประเทศชาติของเขา
สำหรับละครเรื่องนี้จะเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นในช่วงยุคก่อนสงครามโลกครั้งที่ 2 เราก็จะเห็นฉากเก่าๆ บ้านเรือน รถยนต์ กลิ่นไอบรรยากาศของอดีต ละครเรื่องนี้จะเป็นแนวอิงประวัติศาสตร์ สร้างมาจากพื้นความจริง แต่ก็มีส่วนที่แต่งเพิ่มเติมขึ้นมาบ้าง เราจะเห็นว่าไม่มีตัวละครที่ชื่อ “Kiichiro Toyoda” ผู้ที่เป็นเจ้าของรถยนต์โตโยต้า แต่พอเห็นเรื่องราวปุ๊ป จะรู้ทันทีเลยว่านี่คือละครที่เล่าเรื่องราวชีวิตของเจ้าของรถยนต์ระดับโลก อย่างโตโยต้า ซึ่ง “ไอจิ” คือตัวแทนของ “Kiichiro Toyoda” หรือจะพูดง่ายๆ ก็คือเรื่องนี้ใช้สิ่งสมมติเล่าเรื่องราวนั่นเอง
จุดเริ่มต้นของความสำเร็จในครั้งนี้เกิดจาก “ไอจิ” (ตัว ละครในเรื่อง) ได้ไปเห็นความรุ่งเรืองของอุตสาหกรรมรถยนต์ บวกกับตัวเองก็จบด้านวิศวกรรมมา และรถก็เป็นสิ่งที่เขารัก ไอจิจึงเริ่มประดิษฐ์รถยนต์ขึ้นมา
ความน่าสนใจของเรื่องนี้ นอกจากจะทำให้เราได้เห็นชีวิตของเจ้าของรถยนต์โตโยต้าแล้ว เรายังได้เรียนรู้การคว้าความสำเร็จในแบบญี่ปุ่นด้วย พอได้ดูแล้ว ขอบอกว่ากว่าจะก้าวถึงความสำเร็จนั้นไม่ใช่เรื่องธรรมดา วันนี้เลยอยากจะมาเล่าเรื่องราวของละครเรื่องนี้ ผ่านแนวคิดความสำเร็จแบบญี่ปุ่น “ความสำเร็จ” ในแบบญี่ปุ่นที่แทรกไว้ในละครเรื่องนี้จะมีอะไรกันบ้าง ตามมาดูกันเลยค่ะ
1. กล้าที่จะฝัน และลงมือทำจริง

สิ่งหนึ่งเกิดขึ้นมาได้ ก็เพราะความฝันของคนคนหนึ่ง โดยที่ไม่ได้คำนึงตรงที่ว่ามันจะ “เป็นไปได้” หรือ “เป็นไปไม่ได้” แต่อยู่ที่ว่าเราได้ลงมือทำแล้วหรือยัง อย่างเช่นในเรื่องนี้ ไอจิอยากเห็นรถยนต์ของคนญี่ปุ่นโลดแล่นอยู่บนท้องถนน มันจะไม่เกิดขึ้นได้เลย ถ้าไม่มีใครสักคนลงมือทำ ดังนั้นไอจิจึงตัดสินใจที่จะสานฝันนั้นต่อไป ร่วมกับคนที่มีอุดมการณ์ร่วมกันกับเขา แม้ว่าอุตสาหกรรมรถยนต์ รวมถึงเทคโนโลยีการผลิตรถยนต์ของญี่ปุ่นจะห่างกับอเมริกามากถึง 50 ปี แต่ไอจิก็ยังยืนยันที่จะผลิตรถยนต์ให้ได้ในแบบของญี่ปุ่นเอง
2. เลียนรู้

ความสำเร็จของไอจิเริ่มจากการ “เลียนรู้” ค่ะ ไม่ได้พิมพ์ผิดหรอกนะคะ แต่เกิดจากการเลียนรู้จริงๆ เป็นการเรียนรู้จากการเลียนแบบ ที่ไม่ใช่การ “ลอกเลียน” เริ่มแรกไอจิไปซื้อรถเชฟโรเล็ตมา และสิ่งที่เขาทำต่อจากนั้นคือ แยกชิ้นส่วนของรถของมาทั้งหมด ถ้ารวมพวกน็อต อะไหล่ชิ้นเล็กชิ้นน้อยก็มีไม่ต่ำกว่าหมื่นชิ้นเลยทีเดียว พอแยกชิ้นส่วนออกมาแล้ว ก็เอาเข้าไปประกอบใหม่ เพื่อที่จะได้เรียนรู้วิธีการประกอบรถยนต์ และกลไกของรถยนต์ไปในตัว
3. กล้าที่จะต่าง
ถ้าเราจะผลิตสินค้าออกมาสักชิ้น แล้วอยากให้มันขายได้ดี คนส่วนใหญ่มักจะเลือกทำในสิ่งที่คนส่วนใหญ่ให้ความสนใจ หรือถ้าพูดภาษาแบบทั่วๆ ไปก็คือ ทำในสิ่งที่ “แมส” เข้าไว้ อะไรที่อยู่ในกระแส คนก็จะให้ความสนใจมาก ยังไงก็ขายได้ แต่หลักการคิดของ “ไอจิ” ต่างจากคนส่วนมากตรงที่ เขาเลือกจะขายสินค้าที่ไม่ได้อยู่ในกระแสหลัก ผลิตในสิ่งที่หายาก มีน้อย และยังไม่เคยมีมาก่อนในญี่ปุ่น เพราะ….
นี่คือสิ่งที่ไอจิและทีมของเขาค้นพบ ในเมื่อรถยนต์ขนาดเล็กไม่ใช่กระแสหลักของโลกในตอนนั้น รถยนต์ของไอจิจึงดูแตกต่างกว่าใคร และด้วยความที่ไม่มีใครทำรถแบบนี้ออกมา จึงทำให้รถของเขากลายเป็นสินค้าหายาก คนที่อยากได้ ต้องมาซื้อที่เขาเท่านั้น นี่คือการตลาดที่ไอจิค้นพบที่ไม่ได้ยึดตามกระแสหลัก แต่กล้าที่จะคิดต่าง เพื่อให้เกิดความโดดเด่น และสร้างสิ่งแปลกใหม่ให้กับประเทศญี่ปุ่น
4. ความสามัคคีคือพลัง
บริษัทรถยนต์ไม่ใช่สิ่งที่ทำสำเร็จได้ด้วยใครแค่เพียงคนเดียว ต้องอาศัยบุคลากรเป็นจำนวนมาก บริษัทของไอจิจึงเต็มไปด้วยผู้คนจำนวนมาก และที่สำคัญคนในทีมของเขามีความสามัคคีเป็นหนึ่งเดียว เหมือนตอนที่ไอจิคิดค้นวิธีที่จะทำให้คนทั่วโลกรู้จักรถยนต์ของเขา สิ่งที่ไอจิต้องทำให้ได้มากกว่าการขายรถให้กับคนญี่ปุ่นเองก็คือ การส่งรถไปขายยังตลาดโลก วิธีหนึ่งที่จะทำให้ผู้คนทั่วโลกได้เห็นถึงศักยภาพรถยนต์ของเขาก็คือ “การจัดแข่งความเร็วระหว่างรถยนต์และรถไฟด่วนของญี่ปุ่น”

แนวคิดนี้ออกจะออกแนวบ้าบิ่น และเสี่ยงไปสักหน่อย เพราะถ้าเกิดแพ้ขึ้นมา บริษัทไอจิต้องอับอายขายขี้หน้าคนทั้งโลกแน่ๆ แต่ไอจิก็เลือกที่จะลองสักตั้ง เพราะเขาเชื่อมั่นในศักยภาพ และคนของเขาเองว่าจะสามารถทำได้ ฉากๆ นี้ จะแพ้หรือชนะไม่สำคัญ แต่สิ่งสำคัญคือ ภาพของความสามัคคี ที่เห็นคนจำนวนหลายพันคนร่วมแรงร่วมใจกัน และเอาใจช่วยรถยนต์ของ “ไอจิมอเตอร์”
5. ใส่ใจทุกความรู้สึกของเพื่อนร่วมงาน
สิ่งสำคัญของความสำเร็จของไอจิเลยก็คือ “เพื่อนร่วมงาน” ค่ะ ในเริ่มแรกนั้น ไอจิจะใช้เวลาว่างในการผลิตรถยนต์ เวลาว่างของไอจิก็คือเวลากลางคืน ที่คนส่วนใหญ่เข้านอนกันแล้ว และการผลิตรถนั้น แน่นอนว่าไม่ใช่สิ่งที่ทำได้แค่คนเดียว แต่ต้องอาศัยกำลังคนจำนวนมาก จากการที่ไอจิดูแลเพื่อนร่วมงานจากโรงงานเครื่องทอผ้ามาเป็นอย่างดี จึงทำให้คนของไอจิยินดีที่จะเข้ามาช่วยเหลือ และร่วมสร้างฝันครั้งนี้ โดยไม่เอา “ค่าแรง”
ไอจิดูแลลูกน้องเขาอย่างเป็นกันเอง พูดคุยเหมือนเพื่อนคุยกัน จึงสร้างความเชื่อใจ และสนิทสนมกัน อีกทั้งไอจิยังยินดีให้ความช่วยเหลือลูกน้องตัวเองเมื่อเดือดร้อน จากพฤติกรรมของไอจิในข้อนี้ ทำให้บริษัทของเขาเป็นเหมือนเป็น “ครอบครัว” จริงๆ ที่ไม่ใช่แค่ “เพื่อนร่วมงาน” ทำให้พนักงานในบริษัทเกิดความจงรักภักดีในบริษัทตัวเองไปอย่างอัตโนมัติ และส่งผลให้ทุกคนยินดีที่จะทำงานเพื่อบริษัทของ “ไอจิ” เพราะพวกเขาเชื่อว่านี่คือ “ครอบครัว” บริษัทของไอจิ ก็เหมือนกับบริษัทของพวกเขาเอง

ความรัก และความใส่ใจในความรู้สึกของไอจิ ไม่ได้อยู่ในระดับที่ธรรมดา แต่อยู่ในระดับที่ยิ่งใหญ่ ถึงขนาดที่ว่า พอบริษัทต้องอยู่ในช่วงวิกฤต เสี่ยงต่อการล้มละลาย เนื่องจากเหตุการณ์สงครามโลกครั้งที่สอง หนทางเดียวที่จะทำให้บริษัทอยู่รอดต่อไปได้คือ การไล่พนักงานของเป็นจำนวนพันกว่าคน ดู จะเป็นเรื่องง่ายของหลายบริษัท แต่ไม่ง่ายเลยสำหรับไอจิ เขาไม่ยอมให้ลูกน้องตัวเองต้องตกงาน ไปนอนอดข้าวอดน้ำอยู่ข้างถนน เขาเชื่อว่าที่สามารถตั้งบริษัทมาได้ ก็เพราะการร่วมมือ ร่วมใจจากลูกน้องทุกคน เป็นความสำเร็จที่ไม่ได้เกิดจากใครเพียงแค่คนเดียว ด้วยเหตุนี้จึงทำให้ไอจิยากที่จะตัดสินใจระหว่างจะไล่คนของตัวเองออก หรือจะปล่อยให้บริษัทต้องล้มละลายไป
6. มุ่งมั่น และตั้งใจ

อีกหนึ่งปัจจัยของความสำเร็จเลยก็คือ “ความมุ่งมั่น และตั้งใจ” ค่ะ ไอจิมีความตั้งใจในการทำงานอย่างมาก ไม่ว่าจะหายใจเข้าหรือหายใจออกก็จะต้องเป็นเรื่องรถ มีช่วงหนึ่งที่บริษัทไอจิประสบปัญหาอย่างนัก ต้องออกตระเวนกู้เงินจากธนาคาร ซึ่งไม่มีธนาคารไหนที่จะยอมให้กู้ยืมง่ายๆ ในสภาวะหลังสงครามแบบนั้น สิ่งเดียวที่ทำให้นายธนาคารเชื่อมั่นคือ “มือของเขาที่เต็มไปด้วยคราบจารบีสีดำที่ล้างไม่ออก” บางคนอาจมองว่ามันสกปรก แต่ในทางกลับกันมันแสดงถึงความตั้งใจที่ทำให้นายธนาคารเชื่อได้ว่า เขาจะไม่มีวันทำให้บริษัทนี้ต้องพ่ายแพ้อย่างแน่นอน
ก่อนที่ไอจิจะ ประสบความสำเร็จ เขาต้องต่อสู้กับคำสบประมาทมากมาย ทั้งคำพูดที่บอกว่า ญี่ปุ่นไม่มีทางทำได้หรอก อุตสาหกรรมรถยนต์เนี่ยนะจะมาพัฒนาประเทศ แต่ด้วยมุมมองที่กว้างไกล และความมุ่งมั่น ตั้งใจ ใครจะเชื่อว่าจากที่มีใครหลายคนมองว่าเขาเพ้อฝัน ต่อว่าว่าสิ่งที่เขาทำเป็นไปไม่ได้ แต่วันนี้กลับกลายเป็นว่า… “อุตสาหกรรมรถยนต์” เป็นอุตสาหกรรมระดับต้นๆ ที่ขับเคลื่อนเศรษฐกิจของญี่ปุ่นได้

ยังคงมีแสงสว่างรอคอยเราอยู่ในวันพรุ่งนี้เสมอ”
และนี่ก็คือ “ความสำเร็จ” ในแบบญี่ปุ่นที่เราเรียนรู้ได้จากละครญี่ปุ่นเรื่องนี้ค่ะ เป็นละครสร้างแรงบันดาลใจอีกเรื่องที่น่าติดตาม ทำให้ได้เห็นถึงหนทางของความสำเร็จของชีวิต ที่ไม่ได้มาอย่างง่ายดาย