โอซาก้าเมืองเก่าที่ข้าพเจ้าคิดถึง
ปราสาทโอซาก้า วันแดดจ้า และไคยูคัง 20 กุมภาพันธ์ 2004 (1)
สวัสดีครับวันนี้จะพาไปดูปราสาทโอซาก้า เดี๋ยว อย่าเพิ่งโห่ครับ ผมรู้ว่าสำหรับคนรักญี่ปุ่นหลายๆ ท่าน คงได้ยินชื่อปราสาทโอซาก้าจนเบื่อ ผมรู้ว่ามันที่ๆ แบบคุณต้องมา เหมือนมากรุงเทพฯ ต้องไปวัดพระแก้ว หรือมาเชียงใหม่ต้องไปดอยสุเทพ แต่นั่นแหละ มันก็ต้องมาไง
ก่อนอื่นให้นั่งรถไฟมาลงที่สถานี สถานีอะไรนะจำไม่ได้ (ไม่ต้องบอกชื่อสถานีก็ได้มั้งครับเพราะใครที่เป็นคนรักญี่ปุ่นต้องรู้อยู่แล้วนิ) แล้วก็เดินมาก่อนถึงกำแพงปราสาท จะเห็นตึกพิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์โอซาก้า มีบ้าน (เอ หรือยุ้งฉางหว่า) ยุคนานิวะ (ใช่เหรอ?) ตั้งเด่นเป็นสง่าอยู่หน้าตึกพิพิธภัณฑ์
อืม ผมว่าเป็นยุ้งฉางนะ
เมื่อเดินเลยพิพิธภัณฑ์ไป เตรียมข้ามถนนได้เลยครับ กำแพงชั้นนอกของปราสาทรอท่านอยู่ คูน้ำพร้อม
เอ้า เดินเข้าเขตปราสาทกัน
เดินไป
เดินไปแล้ว ระหว่างทางเหมือนจะมีโรงฝึกด้วยครับ มีจริงๆ สิไม่ใช่เหมือนจะมี นั่นคือโรงฝึกชูโดคัน 修道館 เป็นโรงฝึกยูโด เคนโด้ ผมเดินผ่านได้ยินเสียงฝึกกัน ย๊ากๆๆๆ เลยทีเดียว ดูเว็บไซด์ได้ที่นี่ https://www.osaka-sp.jp/syudoukan/
พอใกล้จะถึงเขตชั้นในของปราสาท ผมก็พบกับ…แผงขายไอติม ขายของกินข้างทาง
ช่างเถอะ ไปปราสาทกันดีกว่า เข้าเขตชั้นในกัน
เมื่อไปถึงก็ได้พบกับโรงอาหารอยู่ทางซ้ายมือ ไม่ช่ายยยย พบกับปราการหลักที่เรียกกันว่า 天守閣 เท็นชุคาคุ ซึ่งถ้าตีได้ปราสาทก็แตก เราไปจ่ายเงินค่าตั๋วแล้วเข้าไปกันดีกว่า
เอ้า เชิญเข้าปราสาทกันเลยครับ
นี่คือ เอ่อ ผมขอเรียกมันแบบไทยๆ ว่า “ปืนเที่ยง” ละกัน (ญี่ปุ่นเรียก 号砲 โกโฮ) เป็นปืนใหญ่ที่หล่อขึ้นในปลายยุคเอโดะเมื่อปี 1863 เคยอยู่ประจำป้อมปืนเทมโปะซัน 天保山 หลังปฏิรูปเมจิถูกขนย้ายเข้าที่ปราสาทโอซาก้า พอเข้าปีเมจิที่สาม (ปี 1870) ก็ใช้เป็น “ปืนเที่ยง” ยิงบอกเวลา ทีแรกยิงบอกสามเวลา พอตอนหลังมาเหลือยิงแค่ตอนเที่ยงจริงๆ พอราวปีเมจิที่ 12-13 จึงได้เลิกไป เมืองไทยสมัยรัชกาลที่ 5 (ตรงกับรัชสมัยจักรพรรดิเมจิ) ก็เคยมีประเพณียิงปืนเที่ยงเช่นกันซึ่งว่ากันว่ามาจากฝรั่งอังกฤษ นัยว่าญี่ปุ่นก็คงรับประเพณีนี้มาจากฝรั่งเช่นกัน
บ่อน้ำหน้าปราสาท
พอเข้ามาปราสาท พบว่า…ปราสาทมีลิฟท์ครับ เห้ย นี่มันอะไรกัน กดลิฟท์ขึ้นมาชั้นบนสุดก่อน อ้าว มีร้านขายของที่ระลึกอีก นี่มันอะไรกันนนนนน (หน่านี๊…ลากเสียงยาวๆ นะครับ)
มองวิวเล่นเย็นๆ ใจ
ต้องเรียนท่านผู้อ่านว่า แท้จริงปราสาทโอซาก้าที่เห็นและเที่ยวชมกันนั้น ไม่ใช่ของโบราณเลย เป็นของใหม่ที่สร้างขึ้นบนพื้นที่เดิมเพื่อเป็นอนุสวรณ์ประจำเมืองในยุคโชวะนี่เอง ส่วนปราสาทเดิมอันเป็นปราการของตระกูลโทโยโทมินั้น ถูกเผาทำลายในสงครามเมื่อราวสี่ร้อยปีก่อนได้ โดยการนำทัพของโตกุกาวะ อิเอยาสุและพันธมิตร (มาเป็นสิบ) ในขณะที่ฝ่ายตระกูลโทโยโทมินั้นมีพันธมิตรแค่หยิบมือเดียว (หนึ่งในนั้นคือ ดาเตะ มาซานุเนะ 伊達政宗 ผู้ลือนาม)
เอ้า ดูกันชัดๆ ครับ โทกุกาวะ อิเอยาสุ ผู้ปิดฉากตระกูลโทโยโทมิ หลังจากนั้นเมืองโอซาก้าก็อยู่ภายใต้การปกครองโดยตรงขึ้นตรงต่อรัฐบาลเอโดะมาจนถึงยุคปฏิรูปเมจิ
ภาพวาดสงคราม การล้อมเมืองฤดูร้อน 大坂夏の陣 (โอซากะ นัตสึ โนะ จิน) ในภาพที่ผมถ่ายจะเห็นชื่อของขุนพลฝ่ายโทโยโทมิ คือ โอโนะ ฮารุนางะ 大野治長 โมริ คัทสึนางะ 毛利勝永 ซานะดะ ไดสึเกะ 真田大助
การล้อมเมืองฤดูร้อน 大坂夏の陣 นั้น จบลงด้วยชัยชนะของรัฐบาลเอโดะ และการสิ้นโคตรสิ้นตระกูลโทโยโทมิ โดยโทโยโทมิ ฮิเดะโยริ จบชีวิตตัวเอง ปราสาทโอซาก้าซึ่งสร้างโดยโทโยโทมิ ฮิเดะโยชิ ก็จบลงแต่เพียงเท่านี้ ปราสาทโอซาก้าที่สร้างขึ้นใหม่นี้ จึงจงใจสร้างให้เป็นพิพิธภัณฑ์ที่บอกเล่าทั้งประวัติความเป็นมาของการสร้าง ต่อเติม การถูกทำลายและการบูรณะตัวปราสาทโอซาก้าเอง ตลอดจนถึงชีวประวัติของโทโยโทมิ ฮิเดะโยชิ เจ้าของปราสาทโอซาก้านี้ด้วย ดังตัวอย่างคลิปนี้ เป็นวิดีโอละครจำลองวาระสุดท้ายของโทโยโทมิ ฮิเดะโยชิ ดังนี้
ผมได้ยกถ้อยคำสุดท้ายของโทโยโทมิ ฮิเดะโยชิ มาให้อ่านด้วย ผมแปลไทยเอง อาจไม่ลื่นไหลสละสลวย ต้องขออภัยด้วย
つゆとをちつゆときへにし わがみかな なにわの事も ゆめの又ゆめ
(露と落ち 露と消へにし 我が身かな 浪速のことは 夢の又夢)
ชีวิตข้าฯ ดั่งน้ำค้างหยดลงมาแล้ว น้ำค้างนั้นเหือดหายไป เรื่องราวใดในนานิวะนั้น ล้วนเป็นฝันในฝัน
“นานิวะ” นั้น เป็นชื่อเดิมของเมืองโอซาก้านะครับ
พอลงไปชั้นล่างๆ จะมีส่วนที่จัดแสดงพวกอานม้า ชุดเกราะ ดาบ ของโบราณ เห็นแล้วมีความเข้มขลังอย่างบอกไม่ถูก เห็นดาบญี่ปุ่นโบราณทีไร อยากเข้าไปจับไปกำทุกที หลังจากนั้นไม่นานเลยไปเรียนดาบอิไอนี่แหละครับ ตรงส่วนนี้เขาห้ามถ่ายรูป เลยไม่มีรูปมาอวดท่านผู้อ่านครับ
จริงๆ มีรูปหนึ่งที่น่าจะมาอวดท่านผู้อ่านให้ได้หัวเราะกันท้องคัดท้องแข็ง คือ เขามีหมวกเกราะ เสื้อกั๊กและดาบปลอมๆ ให้แต่งคอสเพลย์ถ่ายรูปด้วย เสียเงินแค่สามร้อยเยนเท่านั้น (เอากล้องตัวเองถ่ายนะครับ) ซึ่งผมก็ไปถ่ายมาด้วย แต่เสียดายหายสาบสูญครับ อดขำกันเลยครับท่านผู้อ่าน
ที่จริงแล้วก่อนผมจะไปเที่ยวปราสาทโอซาก้า เฮียก๊อบ เพื่อนผู้หวังดีและกลัวผี ทักว่าไปแถวนั้นไม่กลัวเหรอ ขนาดมันไปอยุธยา ยังเคยเจอผี แล้วแถวนั้นเขาเคยรบกันโครมๆ ปราสาทก็โดนเผาซะขนาดนั้น ไม่กลัวผีหรือ ผมบอกว่า ไม่กลัว เพราะต่อให้ผีมีอยู่จริง ก็คงทนอยู่แถวนั้นไม่ไหวหรอก นักท่องเที่ยวมาวันหนึ่งๆ เป็นร้อยเป็นพัน ไหนจะมีลิฟท์อีก ผีคงย้ายสำมะโนครัวหนีไปอยู่ที่อื่นกันหมด
เอาจริงๆ ผมปากเก่งไปอย่างนั้นแหละ ปรากฎว่าหลังจากนั้นไม่นาน ได้เจอดีแถวหอพักตัวเองนี่หละ มีวันหนึ่งเดินเล่นไปเรื่อย เห็นศาลเล็กๆ ของญี่ปุ่นมีลักษณะคล้ายตู้มีประตูปิดเตี้ยๆ ข้างทาง เห็นเป็นของแปลก เลยควักกล้องมาถ่าย ทั้งๆ ที่ก็คล้องสายที่ข้อมือดีแล้ว มันไหลหลุดลงไปได้ไงไม่รู้ กล้องแตกเลยครับพี่น้อง เลยไม่ได้ถ่ายศาลที่ว่า แถมยังต้องเสียเงินค่าซ่อมเปลี่ยนอะไหล่กล้อง หมดไปหมื่นกว่าเยน ตั้งแต่นั้นมาผมเลยคล้องสายห้อยคอมันเสียเลย
ประเดี๋ยวตอนหน้าผมจะมาบรรยายต่อถึงสถานที่อื่นๆ ในเขตปราสาทโอซาก้าที่น่าสนใจนะครับ
เรื่องแนะนำ :
– ไหว้พระธาตุ ชมตลาดนัด ที่วัดชิเทนโนจิ 21 มกราคม 2004
– คั่นรายการ : ส่งท้ายปีเก่า ต้อนรับปีใหม่ ร้องไห้หนักมาก
– คั่นรายการ : ไปเดินเที่ยวอุเมะดะ กับ Senri China Town กันสักนิดไหม
– ไปงาน International Day ที่ Hyogo High School (2) เปิดอกพูด
– ไปงาน International Day ที่ Hyogo High School (1) นั่งรถไฟไปเฮียวโกะกัน
#ปราสาทโอซาก้า วันแดดจ้า และไคยูคัง 20 กุมภาพันธ์ 2004 (1)