ดิฉันอาจจะแตกต่างจากหลายๆ คน เพราะไม่ได้รู้จักประเทศญี่ปุ่นมากมายนัก จบเอกภาษาจีนไม่ใช่เอกภาษาญี่ปุ่น! พออ่านถึงตรงนี้คุณผู้อ่านหลายๆ ท่านคงเกิดคำถามว่าแล้วเกิดจับพลัดจับผลูยังไงถึงได้ไปเรียนที่ญี่ปุ่นได้
หลังจากที่ได้เขียนคอลัมน์มาแล้ว 14 ตอน ก็เริ่มหมดมุข ฮ่าๆๆ วันนี้เลยอยากแนะนำตัวและความเกี่ยวข้องของตัวเองกับประเทศและภาษาญี่ปุ่น ด้านการเรียนและการทำงาน
ซึ่งถ้าเล่าไป ดิฉันอาจจะแตกต่างจากหลายๆ คน เพราะไม่ได้รู้จักประเทศญี่ปุ่นมากมายนักนอกเสียจากการ์ตูนญี่ปุ่น ยี่ห้อเครื่องใช้ไฟฟ้าและรถยนต์ญี่ปุ่น ตอนเรียนปริญญาตรีก็จบคณะศิลปศาสตร์ แต่จบเอกภาษาจีนไม่ใช่เอกภาษาญี่ปุ่น! พออ่านถึงตรงนี้คุณผู้อ่านหลายๆ ท่านคงเกิดคำถามว่าแล้วเกิดจับพลัดจับผลูยังไงถึงได้ไปเรียนที่ญี่ปุ่นได้
![การเรียนญี่ปุ่น](https://www.marumura.com/wp-content/uploads/2015/09/International_University_of_Japan_Niigata_Prefecture.jpg)
เหตุผลก็คือดิฉันได้สมัครทุนปริญญาโทและเลือกเรียนที่มหาวิทยาลัย International University of Japan เหตุผลที่เลือกมหาวิทยาลัยนี้ก็คือ เป็นมหาวิทยาลัยที่มีคณะความสัมพันธ์ระหว่างประเทศและการเรียนการสอนเป็น ภาษาอังกฤษ (และยังจะได้เรียนภาษาญี่ปุ่นเพิ่มอีกภาษา) ประกอบกับเป็นมหาวิทยาลัยที่อยู่จังหวัดนีงาตะซึ่งเป็นชนบทของญี่ปุ่น เพราะถึงแม้ว่าดิฉันจะเกิดและเติบโตมาในเมืองหลวงอันวุ่นวายอย่างกรุงเทพฯ แต่ก็ไม่มีสักวันที่ดิฉันจะหลงใหลชีวิตในเมืองมากไปกว่าความสงบเงียบของชนบท
International University of Japan มีชื่อย่อว่า IUJ มหาวิทยาลัยนี้ตั้งอยู่ที่เมือง อุโอะนุมะ(魚沼)จังหวัดนีงาตะ (新潟)ซึ่งเป็นจังหวัดที่อยู่ทางภาคตะวันตกของญี่ปุ่นติดกับทะเลญี่ปุ่น บรรยากาศของมหาวิทยาลัยล้อมรอบไปด้วยภูเขา ทุ่งนา ต้นไม้ แม่น้ำ มีวิวทิวทัศน์งดงามคล้ายรีสอร์ททางตอนเหนือของประเทศไทย (เหมาะกับการพักผ่อนมากกว่าการเรียน อิๆ) ภูมิอากาศในบริเวณนี้มีความหนาวเย็นเป็นพิเศษ และมีหิมะหนาปกคลุมในช่วงฤดูหนาวเหมาะแก่การเล่นสกี ให้คนรักธรรมชาติได้ชื่นชมความงามกันทุกฤดูกาล ภูเขาของที่นี่มีความสวยงามเป็นที่นิยมของนักไต่เขา โดยเฉพาะภูเขาสามลูกทอดยาวติดกันเรียกว่า อิชิโกะซานซาน ( 越後三山) และยังมีแหล่งเพาะปลูกทิวลิปที่ขึ้นชื่อที่เมืองโกเซน นอกจากความงามทางธรรมชาติแล้วที่นีงาตะยังเป็นแหล่งเกษตรกรรมที่สำคัญของ ญี่ปุ่น ซึ่งสินค้าที่ขึ้นชื่อที่สุดก็คือ ข้าวโคชิฮิคาริ ((コシヒカリ、越光) และเหล้าสาเก
ชื่อมหาวิทยาลัยก็บอกอยู่ในตัวว่าเป็นมหาวิทยาลัย นานาชาติเพราะมหาวิทยาลัยแห่งนี้มีนักศึกษาที่มาจากประเทศต่างๆ มากกว่า 50 ประเทศเลยทีเดียว ขนาดที่ว่าบางประเทศดิฉันก็ไม่เคยได้ยินชื่อมาก่อน ด้วยความเป็นนานาชาตินี้เองที่ทำให้มหาวิทยาลัยแห่งนี้มีความน่าสนใจและมี เอกลักษณ์ เมื่อนักศึกษาที่มาจากประเทศต่างๆ ต้องมาใช้ชีวิตร่วมกันในหอพักมหาวิทยาลัย เราจึงมักจะได้ยินภาษาต่างๆ ที่ไม่คุ้นหูอยู่รอบด้าน เราได้กลิ่นอาหารแปลกๆ ลอยมาจากห้องครัวเสมอๆ รวมถึงได้ชิมอาหารนานาชาติหลากรสอยู่ทุกวัน เราอาจได้พบเห็นพฤติกรรมที่เราคิดว่ามันแปลก แต่จริงๆ แล้วเป็นเพียงความแตกต่างทางวัฒนธรรมที่ดูแปลกในสายตาคนต่างชาติ
เมื่อพูดถึงการเรียนการสอน ที่นี่มีเฉพาะระดับปริญญาโทเท่านั้น ประกอบไปด้วย 5 ภาควิชาใหญ่ๆ คือ ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ (International Relations), การพัฒนาระหว่างประเทศ (International Development,) สันติภาพระหว่างประเทศศึกษา (International Peace Studies), MBA (บริหารธุรกิจ) และ การจัดการธุรกิจอิเล็คโทรนิค (E-Business Management)
อาจารย์ ที่นี่มีทั้งอาจารย์ชาวญี่ปุ่นและชาวต่างชาติ รวมทั้งอาจารย์พิเศษซื่งเป็นผู้บริหารหน่วยงานเอกชนหรือองค์กรระหว่างประเทศ ต่างๆ นอกจากการเรียนการสอนปกติ มหาวิทยาลัยยังมีการจัดการบรรยายความรู้ การสัมมนา และโครงการวิจัยต่างๆ ให้นักศึกษาได้เข้าร่วมเพื่อเพิ่มพูนความรู้และทักษะต่างๆ ที่จะเป็นประโยชน์ในการดำรงชีวิตในอนาคต ที่นี่ใช้ภาษาอังกฤษเป็นภาษาราชการ แต่ก็มีชั้นเรียนภาษาญี่ปุ่นให้กับนักศึกษาที่สนใจ
การเรียนการสอน ของที่นี่เน้นการปฏิบัติและการนำไปใช้จริงมากกว่าทฤษฎี ในชั้นเรียนจึงมักจะมีการนำเหตุการณ์หรือกรณีศึกษาจริงๆ มาให้นักศึกษาฝึกคิดแก้ปัญหา การเรียนจะส่งเสริมความคิดสร้างสรรค์และการเสริมสร้างองค์ความรู้ใหม่ๆ นักเรียนจึงต้องใส่ใจที่จะเรียนรู้อยู่เสมอ โดยอาจารย์จะคอยถามคำถามให้นักเรียนแสดงความคิดเห็นหรือให้ถกกันในห้อง มหาวิทยาลัยแห่งนี้มีทุนการศึกษาที่ให้การสนับสนุนโดยมหาวิทยาลัยและหน่วยงา นอื่นๆ อีกมากมาย นักศึกษาส่วนใหญ่ของมหาวิทยาลัยนี้เป็นนักเรียนทุน นอกจากนักศึกษาวัยเยาว์ยังมีทั้งบุคคลที่ทำงานที่กระทรวงต่างๆ ตั้งแต่ระดับกลางถึงระดับสูงในประเทศของตน หรือพนักงานบริษัทเอกชนชื่อดังที่บริษัทส่งมาเรียน
นอกจากเรื่องการ เรียนแล้ว มหาวิทยาลัยยังมีชมรมต่างๆ มากมายที่สามารถเข้าร่วมได้ ได้แก่ ชมรมไอกีโด้ ชมรมคาราเต้ ชมรมคาราโอเกะ ชมรมดูหนัง ชมรมกีฬาต่างๆ ได้แก่ ชมรมสกี ชมรมโยคะ ชมรมแบดมินตัน ชมรมแลกเปลี่ยนวัฒนธรรม
ชีวิตการ เรียนที่ IUJ สนุกสนานมาก เพราะนักศึกษาจะใช้ชีวิตอยู่ร่วมกันในหอพักมหาวิทยาลัย ทำให้สนิทสนมกันเป็นพิเศษเรียกว่ารู้จักกันหมดแทบทุกคนก็ว่าได้ เมื่ออยู่ห่างไกลจากพ่อแม่และครอบครัว การใช้ชีวิตการเรียนที่ต่างประเทศให้มีความสุข สิ่งหนึ่งที่สำคัญก็คือการมีเพื่อนที่ดีที่คอยให้คำปรึกษาและดูแลเมื่อยาม เจ็บไข้ได้ป่วย เป็นที่พึ่งในเรื่องการเรียน เป็นคู่หูไปเที่ยว เป็นเพื่อนร่วมทุกข์ ร่วมสุข และร่วมสังสรรค์ โชคดีที่ดิฉันได้เจอแต่เพื่อนดีๆ นอกจากเพื่อนชาวไทยที่สนิทแล้ว เพื่อนสนิทของดิฉันเป็นชาวต่างชาติหลายคน นักศึกษาที่นี่มีจำนวนไม่มากทุกคนจึงสนิทกันหมด และทุกคนจะทักทายกันทุกเมื่อเมื่อเดินผ่าน เรียกได้ว่า สังคมเล็กแต่อบอุ่นและปลอดภัย ตลอด 2 ปีแห่งการเรียน นอกจากจะได้ความรู้ทางการเรียนแล้ว ประสบการณ์ชีวิตที่ได้จากการเรียนที่นี่ก็ไม่ได้น้อยไปกว่ากัน
จุดเด่นอีกประการของมหาวิทยาลัยนี้ก็คือมีฝ่ายที่ปรึกษาด้านการทำงานที่ กระตือรือร้นในการหาที่ฝึกงานและหางานให้นักศึกษาหลังจากเรียนจบ จึงมักจะมีบริษัทต่างๆ ของญี่ปุ่นมาเปิดรับสมัครหรือสัมภาษณ์งานที่มหาวิทยาลัยอยู่บ่อยๆ
นักศึกษาที่จบจากที่นี่จึงมีโอกาสสูงมากที่จะได้ฝึกงานหรือได้งานทำหลังจบการศึกษาค่ะ ตอนหน้าจะมาเล่าต่อถึงการทำงานบริษัทญี่ปุ่นค่ะ