สลากกินแบ่งญี่ปุ่น
รูปประกอบโดย WALK on CLOUD
“งวดหน้าเอาใหม่นะ” เป็นใครก็หวังอยากจะถูกสลากรางวัลเพื่อที่จะได้รวยเร็วๆ
ประเทศญี่ปุ่นก็เหมือนประเทศอื่นๆ ที่มีสลากกินแบ่งรัฐบาลขายให้ประชาชนเหมือนกัน
+++
หวย หรือ สลากกินแบ่งรัฐบาล ในภาษาญี่ปุ่นเขาใช้คำว่า
宝くじ
たからくじ
[ทะคะระคุจิ]สลากกินแบ่ง
โดยที่คำว่า 宝 [ทะคะระ] “ขุมสมบัติ” (treasure)
ส่วนคำว่า くじ [คุจิ] มีความหมายว่า “สลาก” “ฉลาก”
ถ้าถูกหวยที่ญี่ปุ่น คุณจะได้เงินรางวัลทั้งหมด ไม่โดนหักภาษี เพราะกฎหมายญี่ปุ่นเขียนไว้ชัดเจนว่าเงินรางวัลจากการถูกสลากกินแบ่งไม่นำมาคิดภาษี
หากคุณถูกรางวัลที่หนึ่ง คุณรับเงินก้อนนั้นไปเต็มๆ ซึ่งรางวัลที่หนึ่งก็อยู่ในระดับ 600 ล้านเยนเลยทีเดียว (อาจจะมีรางวัลสูงกว่านั้นถึง 1200 ล้านเยน ผมพยา2เขียนให้คุณผู้อ่านเข้าใจภาพคร่าวๆ)
แต่ถ้าหากเป็นที่ไทย คุณถูกหวย 6 ล้านบาท คุณถูกหักภาษี ณ ที่จ่าย (witholding tax) 1% คุณเสียภาษี 60,000 บาท คุณได้เงินสุทธิ 5,940,000 บาท
+++
ปรกติเวลาคุณซื้อของจากเซเว่นในญี่ปุ่น จะมีภาษามูลค่าเพิ่มที่ 10% อย่างเช่นซื้อของ 100 เยนคิดภาษีมูลค่าเพิ่ม 10 เยน ต้องจ่ายเงินทั้งหมด 110 เยน
แต่ถ้าเป็นสลากกินแบ่ง ใบละ 300 เยน คุณไม่ต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่มเหมือนอย่างที่คุณซื้อของกินในเซเว่น เพราะฉะนั้นแล้วคุณจ่ายเงินแค่ 300 เยน
+++
เสริมความรู้เล็กน้อยว่า ในญี่ปุ่นหากคุณเอาเงินไปพนันแข่งม้าหรือแข่งจักรยาน ซึ่งเป็นการพนันที่ถูกกฎหมายในญี่ปุ่น แล้วถ้าหากคุณถูกรางวัลขึ้นมา เงินรางวัลส่วนนี้จะถูกนำมาคิดภาษีซึ่งต่างกับเงินรางวัลสลากกินแบ่งที่ไม่ต้องเสียภาษี
+++
เรามาพูดถึงประวัติที่มาของสลากกินแบ่งในญี่ปุ่นกันหน่อย
สลากกินแบ่งมีประวัติยาวนานมาตั้งแต่สมัยเอะโดะช่วงปี ค.ศ. 1624
ว่ากันว่า วัดริวอันจิ (瀧安寺) ซึ่งปัจจุบันตั้งอยู่ที่เมืองมิโนะจังหวัดโอซาก้า จะมีการแจกป้ายไม้ให้ผู้ที่มาสักการะวัดตั้งแต่วันปีใหม่จนถึงวันที่ 7 เหล่าผู้สักการะก็จะเขียนชื่อตัวเองลงบนแผ่นไม้แล้วหยอดลงในกล่อง พอวันสุดท้ายวันที่ 7 นักบวชก็จะใช้สิ่วแทงไม้สามแผ่นในกล่อง ผู้โชคดีสามคนก็จะได้เครื่องรางเป็นรางวัล ว่ากันว่านี่คือจุดเริ่มต้นของ “สลากรางวัล”
แล้ว “สลากรางวัล” เหล่านี้เริ่มเป็นที่แพร่หลายไปทั่ว
และด้วยกระแสของสังคมทำให้ของรางวัลพัฒนาก็เปลี่ยนจากเครื่องรางไปเป็น “เงิน” ซึ่งเป็นตัวกลางแลกเปลี่ยนที่เหล่ามนุษย์มีความปรารถนามากกว่า เพราะเอาไปใช้ได้จริงๆ แลกเปลี่ยนมาเป็นของที่อยากได้
ด้วยเหตุนี้ “สลากรางวัล” เหล่านี้ถึงถูกเรียกว่า
富くじ
とみくじ
[โทะมิคุจิ]สลากแห่งความมั่งคั่ง
โดยที่ 富 [โทะมิ] หมายถึง “ความมั่งคั่ง” Wealth
โทะมิคุจิได้รับความนิยมอย่างมากทั้งในเอะโดะ (พื้นที่เมืองโตเกียวในปัจจุบัน) และในย่านเกียวโตะ โอซาก้า อีกด้วย ฮิตถึงขั้นมีหลายคนติดงอมแงมหวังว่าจะรวยจากสลากรางวัล
รัฐบาลญี่ปุ่นสมัยนั้นกังวลใจว่าผู้คนจะหมกหมุ่นมากเกินไปจนส่งผลถึงชีวิตประจำวันและกระทบต่อศีลธรรมอันดีงามในสังคม ถึงขั้นออกกฎหมาย “ห้ามมีการซื้อขายโทะมิคุจิ” แต่ก็ข้อยกเว้นโดยอนุญาตให้มีการออกสลากที่ขายตามวัดวาอารามที่ใช้เพื่อระดมเงินทุนซ่อมแซมบูรณะวัด
แต่เมื่อปีค.ศ.1842 มีการปฏิรูปและ “ห้ามซื้อขายโทะมิคุจิ” อย่างสิ้นเชิง
กว่า “สลากกินแบ่ง” จะกลับมาขายได้อีกครั้งต้องใช้เวลามากกว่า 100 ปี
ช่วงปลายสงครามโลกครั้งที่สองในปีค.ศ. 1945 รัฐบาลญี่ปุ่นต้องระดมทุนเพื่อไปใช้ในสงครามจึงออกวางขายสลากโดยใช้ชื่อว่า
勝ち札
かちふだ
[คะจิฟุดะ]“ป้ายชนะ”
勝ち [คะจิ] แปลว่า “ชนะ”
札 [ฟุดะ] แปลว่า “การ์ด” “แผ่น” “ป้าย”
วันที่จะประกาศรางวัลครั้งแรกเป็นวันที่ 25 สิงหาคม แต่ทว่าสงครามดันสิ้นสุดก่อนเมื่อวันที่ 15 สิงหาคม ทำให้ “ป้ายชนะ” กลับเจอตลกร้ายถูกเรียกในชื่อใหม่ว่า
負け札
まけふだ
[มะเคะ]“ป้ายแพ้”
負け [มะเคะ] “แพ้”
หลังจากสงครามโลกสิ้นสุดลง เพื่อเป็นมาตรการป้องกันเงินเฟ้อ ซึ่งชื่อฉลากที่ขายตอนนั้นได้ชื่อว่า 宝くじ [ทะคะระคุจิ] “สลากสมบัติ” ซึ่งกลายเป็นชื่อติดปากที่ใช้ต่อเนื่องมาถึงปัจจุบัน
สลากกินแบ่งอยู่คู่กับคนญี่ปุ่นมาถึงปัจจุบัน วันนี้ผู้คนสามารถซื้อสลากผ่านทางอินเตอร์เนต ตัดเงินผ่านบัตรเครดิต แล้วตั้งซื้ออัตโนมัติทุกงวดยังได้ด้วย
มนุษย์ทุกคนก็หวังลึกๆว่า “สักวันจะเป็นวันของเราที่ถูกรางวัลใหญ่” เข้าสักวัน
大当たり
おおあたり
[โออะตะริ]ถูก(รางวัล)ใหญ่
สักวันจะเป็นวันของเรา
+++
ท้ายที่สุด ผมลองไปค้นหาเรื่องราวของคนที่ถูกรางวัลใหญ่ๆจากทะคะระคุจิดู
บนโฮมเพจอย่างเป็นทางการของ “ทะคะระคุจิ” ก็มีเรื่องราว episode มากมายอย่างคนที่ซื้ออยู่เป็นประจำมาหลายปีจนถูกรางวัลใหญ่ คนที่ถูกรางวัลแล้วเอาไปจัดงานแต่งงาน
ผมก็ค้นพบเวบไซต์ที่พูดถึงผลการวิจัยที่บอกว่า แน่นอนความสุขจะพุ่งขึ้นสูงสุดเมื่อตอนถูกรางวัล แต่เวลาผ่านไปหนึ่งปีนั้นความสุขจะกลับมาอยู่ในสภาพปรกติ
ผมคิดว่าการถูกรางวัลคงเป็นความสุขเล็กน้อยที่ไม่ได้ยั่งยืน แต่แน่นอนว่าได้ถูกรางวัลบ้าง มีความสุขเล็กๆน้อยบ้างก็ยังดี
และสุดท้ายแล้วต่อให้ถูกรางวัล ก็น้อยคนนักที่จะลาออกจากงาน ขึ้นชื่อว่าเป็นคนแล้ว “ต้องมีอะไรทำ” เพื่อให้เรายังคงเป็นส่วนหนึ่งของสังคม อย่างที่วอลแตร์บอกว่า “งานช่วยให้เราหลุดพ้นจาก ความโลภ ความปรารถนา และ ความเบื่อหน่าย” (Work spares us from three evils: boredom, vice, and need)
“อะไรกันนี่” หลายคนอาจจะรู้สึกละเหี่ยใจ แทนที่จะได้ฟังเรื่องราวของความฝันการถูกรางวัลที่หนึ่งจากทะคะระคุจิ แต่ไฉนแล้วกลับต้องมาฟังเรื่องจริงของโลกใบนี้ที่คนก็รู้ๆกันอยู่
แต่การเขียนถึงความจริงเหล่านี้ก็เป็นสิ่งสำคัญเตือนใจ ผู้เขียนอย่างผมก็ฝันว่าจะถูกรางวัลใหญ่สักวันเช่นกัน แต่ก็เตือนใจตัวเองเอาไว้ว่า ความสุขนั้นขึ้นอยู่กับปัจจุบันนั้นมากกว่า
รูปประกอบโดย WALK on CLOUD
เรื่องแนะนำ :
– ครบรอบ 150 ปีกิจการรถไฟในญี่ปุ่น
– ノーノー [โนโน] ในวัฒนธรรมเบสบอลของญี่ปุ่น
– デマ [เดะมะ] “ข่าวลือที่ไม่จริง” จากภาษาเยอรมัน
– 自由 [จิยู] อิสระ, เสรี
– 戦争 [เซนโซ] สงคราม
อ้างอิง
– https://www.bizup.co.jp/
– https://hicbc.com/
– https://lifeafterthedailygrind.com
#สลากกินแบ่งญี่ปุ่น