เป็นเรื่องแปลกแต่จริงว่า ญี่ปุ่น…. ชนชาติที่เป๊ะมากในการงานและการเข้าประชุม (ใครเข้าสายแม้แต่นาทีเดียว จะโดนทำร้ายด้วยสายตา จนคุณจะแหลกสลาย) คนญี่ปุ่นกลับไม่เก่งในการประชุม จากที่เพื่อนทั้งไทย ฝรั่ง หรือตัวผมเองสัมผัสมา และจากที่ทั้งทีวี และนิตยสารพูด ๆ กัน พอสรุปประเด็นที่น่าสนใจออกมาได้ดังนี้
หากจะว่าไปจริง ๆ แล้ว สมรภูมิหรือศูนย์กลางแห่งการเปลี่ยนแปลง การขับเคลื่อนของทุกบริษัทองค์กร ทุกธุรกิจ ทั้งหมดทั้งมวลของโลกใบนี้ ก็คือผลที่ได้จากห้องประชุมนั่นแหล่ะ‼
ภาษาญี่ปุ่น ก็มีคำว่าประชุมอยู่หลายตัว ไม่ว่าจะเป็นคำว่า Kaigi, Uchiawase, Meetingu (คนญี่ปุ่นจะออกเสียง มีททิ้งกุ ถ้าพูดมีททิ้งเฉย ๆ เขาจะงง ต้องใส่ว่า ติ้งกุ ถึงจะเข้าใจตรงกัน ^^)
เป็นเรื่องแปลกแต่จริงว่า ญี่ปุ่น…. ชนชาติที่เป๊ะมากในการงานและการเข้าประชุม (ใครเข้าสายแม้แต่นาทีเดียว จะโดนทำร้ายด้วยสายตา จนคุณจะแหลกสลาย) คนญี่ปุ่นกลับไม่เก่งในการประชุมนะ แต่ที่แปลกก็คือหากเทียบกับเหล่าฝรั่ง คนอเมริกาทั้ง ๆ ที่นี่คือสมรภูมิเวที การประชันความคิดที่สำคัญที่สุดในบริษัทด้วยซ้ำไป
ถ้าผู้อ่านถามว่าทำไมหรือจริงหรือเปล่าว่า คนญี่ปุ่นมึนงง และไม่สันทัดจริงไหม…. จากที่เพื่อนทั้งไทย ฝรั่ง หรือตัวผมเองสัมผัสมา และจากที่ทั้งทีวี และนิตยสารพูด ๆ กัน พอสรุปประเด็นที่น่าสนใจออกมาได้ดังนี้
หนึ่ง… คนญี่ปุ่น มักเอาที่ประชุมเป็นที่อธิบายเรื่องราว
เรื่องนี้ค่อนข้างสำคัญมากครับ และพบเจอบ่อยมาก… คือเวลาคนญี่ปุ่นทำการประชุม จะเตรียมเอกสารมาอย่างดี แต่ปัญหาคือมักจะทำให้การประชุมคือการรีวิวเอกสาร มีหลายมีทติ้ง(กุ) ที่คนญี่ปุ่นขอให้เราเปิดอ่านเอกสารตามที่เขาทำมา ไล่ไปด้วยกันทีละบรรทัด ทุกหน้ากระดาษ !?… จริง ๆ แล้วถ้ามองในมุมนึงก็ดูละเอียดดี แต่ถ้ามองในแง่มุมความมีประสิทธิภาพมันถือว่าค่อนข้างแย่ ไม่สิ แย่มากเลยด้วย
ผู้เขียนชอบแนวความคิดของคุณ อาเบะ ชูจิซัง ตอนที่ท่านเป็นประธานบริษัท โยชิโนะยะ ข้าวหน้าเนื้อที่โด่งดังที่สุดในญี่ปุ่น เขาเคยทิ้งคำคมเกี่ยวการประชุมไว้น่าสนใจ
ที่ประชุมไม่ใช่ที่ที่มานั่งอธิบาย (ให้เมื่อยตุ้ม)… แต่ต้องเป็นที่ทีต้องมาตัดสินใจ!!
(คุณอาเบะ ไม่ได้กล่าวเป็นภาษาไทยแบบนี้ แต่วิน เวธิตแปลได้ประมาณนี้)
สอง … คนญี่ปุ่นกลัวการเปิดประเด็นต่าง
ผมสังเกตหลายทีแล้วว่าถ้าเทียบกันปอนด์ต่อปอนด์ คนไทยมักจะไม่ค่อยกล้าออกความเห็นในห้องประชุม เอามาถกหลังไมค์จะง่ายกว่า… คนญี่ปุ่นถึงจะเป็นแต่ผมก็ยังรู้สึกว่ายังพูดและถามมากกว่าไทย แต่ปัญหาคือพวกเขาจะกลัวเกรงการเริ่มเปิดประเด็นที่ค่อนข้างละเอียดอ่อน ยิ่งการนำสู่ความขัดแย้ง เพราะเขากลัวว่าหากคนอื่นคิดต่างเขาจะกลายเป็นตัวประหลาด
ซึ่งเรื่องแบบนั้นก็มีอยู่จริง เคยมีเรื่องเล่าว่ามีประชุมครั้งนึง ที่บริษัทประสบปัญหายอดขายตกต่ำ… ทุกคนอยู่ในความมืด เงียบราวป่าช้า แต่แล้วก็มีเด็กใหม่กลับโผล่งขึ้นมาว่า โฆษณาตัวใหม่ทำไมเราไม่ทำสโลแกนใหม่ ๆ จะให้คนพูดติดปาก พร้อมกับเขาก็หยิบตัวอย่างที่เขาคิดเสนอที่ประชุม
เท่านั้นแหล่ะ ห้องประชุมเปลี่ยนเป็นสนามรบทันที ผู้ประชุมกว่าครึ่งโหลลุกขึ้นมาคอมเมนท์ว่าไม่เข้าท่าบ้าง ทำไมไม่คิดถึงเรื่องช่องทางการนำเสนอก่อน แล้วค่อยคิดตัวโฆษณา… น้องใหม่โดนยิงคำถาม พร้อมกับได้โจทย์การบ้านมากมาย เช่นให้ ไปหาข้อมูลช่องทางการขาย ราคามาให้มากกว่านี้… ไปทำสโลแกนมาใหม่ ที่เสนอมาห่วยแตกและเฉิ่มมาก …. และก็อีกหลายสิบหัวข้อ
ถึงเด็กใหม่จะโดนหนักขนาดนี้ แต่สิ่งที่น่ามหัศจรรย์ก็คือมันทำให้การประชุม เกิดการระดมความคิดและความเป็นไปได้มากมาย ราวกับปาฏิหาริย์ บริษัทนั้นผ่านช่วงเลวร้ายนั้นไปได้ก็เพราะการประชุมครั้งนั้น !! วิธีการแก้ปัญหาไม่ได้มาจากเด็กใหม่คนนั้นหรอก เหล่ารุ่นพี่ ผู้จัดการทั้งหลาย พวกเขามีของเต็มไปหมด แต่พวกเขาไม่กล้าที่จะลองเปิดประเด็นต่างหาก…. นี่แหล่ะคือปัญหาที่คนญี่ปุ่นยังเก้ ๆ กัง ๆ อยู่เสมอมา
คนญี่ปุ่นรุ่นใหม่ยกย่องพฤติกรรมและความกล้าหาญอันนี้เพราะ “ผู้คิดจะเริ่ม” กับ “ผู้เริ่ม” มันมีคุณค่าที่ต่างกันตรงนี้
และข้อสุดท้าย… เพราะคนญี่ปุ่นยังไงก็ญี่ปุ่น…. เรื่องราวทั้งก่อนหลังและตอนประชุมจะมีมากมายมหาศาลจนแพ้ภัยตัวเอง
คนญี่ปุ่นใส่ใจและระมัดระวังมากไม่ว่าจะเป็นการจัดที่นั่งในห้องประชุม เอกสาร รวมถึงรายงานการประชุม (ผมไม่สามารถเล่าเรื่องนี้หมดได้ภายในครั้งเดียวจริงๆ ครับ แต่คุณจะฝันร้ายมากหากต้องเป็นผู้จ้ดประชุมให้คนญี่ปุ่น) สรุปสั้น ๆ ว่าญี่ปุ่นทำให้งานจากการประชุมจะงอกขึ้นจนแม้แต่คนญี่ปุ่นเอง ก็ไม่ค่อยอยากประชุมงานอย่างเป็นทางการเช่นกัน
…ด้วยเหตุผลประการฉะนี้… การประชุมจึงเป็นคล้าย ๆ ของแสลงของชนชาติมดงานญี่ปุ่นไปอย่างไม่น่าเชื่อ… หวังว่าผู้อ่านคงได้ข้อคิดเกี่ยวกับการประชุมไปประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวันกันบ้างนะครับ
เรื่องแนะนำ :
– วิธีน่าสนใจที่ผู้หญิงญี่ปุ่น เขา (แอบ?!) ใช้จีบผู้ชาย
– นิสัยแบบคุณ เชียร์ใครดี : Olympic จากเจแปนสู่ริโอ
– A-B-O-AB เพราะเราเกิดมาคู่กัน
– แฉ! ! ! The salaryman: ทำงานที่ญี่ปุ่นรวยไหมเนี่ย?
– อยากให้คนชอบ 100% ใช่ไหม… ขอให้พลังการเม้าท์มอยจงอยู่กับท่าน
ท้ายสุด ขอขอบคุณภาพและแหล่งข้อมูลที่เอามาใช้ดัดแปลงจาก
http://yaesuhall.co.jp/halldetail/viproom/
http://www.nikkeibp.co.jp/
http://www.kaigishitsu.co.jp/
http://www.adintrend.com/
http://www.mana-biz.net/2016/04/post-30.php
http://e-vocab.blogspot.com/2015/03/meeting.html
#the kaigi (meeting) สมรภูมิญี่ปุ่นมึน