เศรษฐศาสตร์การศึกษา…เพื่อการศึกษาที่ดีของลูก พ่อแม่ทุกคนพยายามอย่างเต็มที่ ลงทุนทุกวิถีทางใช่ไหมคะ แต่จะจัดการการศึกษาของลูกอย่างไร ให้ได้รับผลประโยชน์สูงสุด คุ้มค่าแก่การลงทุน เรื่องนี้เป็นเรื่องของ “เศรษฐศาสตร์การศึกษา” หรือ Economics of Education
“เด็กที่เล่นกีฬาสมัยเป็นนักเรียน อนาคตจะมีรายได้สูง”
“ยิ่งพร่ำบอกให้ลูกท่องหนังสือ ทำการบ้าน ผลการเรียนจะยิ่งแย่ลง”
“อยากให้ลูกเรียนดี เอารางวัลมาล่อได้”
?
เนลสัน แมนเดลา อดีตประธานาธิบดีผู้ยิ่งใหญ่ของแอฟริกาใต้ กล่าวไว้ว่า…
“Education is the most powerful weapon which you can use to change the world.”
การศึกษาคืออาวุธที่ทรงพลังที่สุด ที่สามารถเปลี่ยนโลกใบนี้
เพื่อการศึกษาที่ดีของลูก พ่อแม่ทุกคนพยายามอย่างเต็มที่ ลงทุนทุกวิถีทางใช่ไหมคะ แต่จะจัดการการศึกษาของลูกอย่างไร ให้ได้รับผลประโยชน์สูงสุด คุ้มค่าแก่การลงทุน เรื่องนี้เป็นเรื่องของ “เศรษฐศาสตร์การศึกษา” หรือ Economics of Education ซึ่งที่ญี่ปุ่น มีอาจารย์จากมหาวิทยาลัยเคโอท่านหนึ่ง ชื่อว่า Makiko Nakamuro กำลังเป็นที่โด่งดังในเรื่องนี้ ออกหนังสือติดอันดับ Best Seller เลยทีเดียว
ช่วงสองสามสัปดาห์ที่ผ่านมา เจ๊ได้นั่งดูรายการโทรทัศน์ที่อาจารย์ Nakamuro มาร่วมแสดงทัศนคติ เกี่ยวกับการศึกษาของลูกในแง่มุมที่เกี่ยวข้องกับคุณพ่อคุณแม่ เลยขอรวบรวมบางประเด็นมาฝากกันค่ะ เป็นข้อมูลที่อาจารย์ Nakamuro ค้นคว้าวิจัยทั้งส่วนตัวและรวมรวบจากประเทศต่างๆ
“เด็กที่เล่นกีฬาสมัยเป็นนักเรียน อนาคตจะมีรายได้สูง”
เด็กที่เล่นกีฬาสมัยเป็นนักเรียน ในอนาคตจะมีรายได้สูงกว่าเด็กที่ไม่เล่นกีฬาอะไร ฟังดูเหมือนกีฬาไม่น่าจะเกี่ยวกับการเรียน แต่จากข้อมูลการสำรวจพบว่า ส่วนใหญ่เป็นแบบนั้นค่ะ นอกจากนั้น เด็กที่เข้าชมรม หรือทำกิจกรรมนอกหลักสูตรในสมัยมัธยม ก็ส่งผลต่อรายได้ที่ดีในอนาคตเช่นกัน อันเนื่องมาจากการเล่นกีฬา หรือทำกิจกรรมชมรม แม้จะไม่ได้ความรู้ทางวิชาการโดยตรง แต่ส่งผลในแง่ของ ความอดทน พยายาม และความสามารถในการควบคุมตนเอง
“ยิ่งพร่ำบอกให้ลูกท่องหนังสือ ทำการบ้าน ผลการเรียนจะยิ่งแย่ลง”
4 ข้อนี้ คิดว่าวิธีการทำให้ผลการเรียนของลูกดีขึ้น?
1. คอยจับตาดู
2. นั่งดูอยู่ข้างๆ
3. กำหนดเวลา
4. พร่ำบอกให้ทำการบ้าน อ่านหนังสือ
ผลสำรวจจากตัวอย่างประมาณ 45,000 คน พบว่า ข้อ 4 การที่พ่อแม่พร่ำบอกให้ลูกท่องหนังสือ ทำการบ้าน ไม่ได้ช่วยให้ผลการเรียนดีขึ้น แต่กลับได้ผลตรงกันข้ามเสียด้วยซ้ำค่ะ โดยเฉพาะเด็กผู้หญิง จะยิ่งเกิดความรู้สึกต่อต้านและเรียนได้แย่ลง
การที่ลูกนั่งทำการบ้านอยู่ในห้องนั่งเล่น หรือในที่ซึ่งพ่อแม่สามารถมองเห็นได้ แบบคอยจับตาดูอยู่ ก็มีผลให้ผลการเรียนดีขึ้นเช่นกัน เพราะเด็กจะรู้สึกว่าพ่อแม่ใส่ใจ แต่ไม่ได้จ้ำจี้จ้ำไช
แต่ที่ดีที่สุดคือ การกำหนดเวลาทำการบ้าน ท่องหนังสือให้เป็นเวลา ให้ลูกรู้และรับผิดชอบตัวเองว่าจะใช้เวลาในช่วง 1 หรือ 2 ชั่วโมงนี้ ทำการบ้าน หรือท่องหนังสือให้เสร็จ หลังจากนั้น จะสามารถไปเล่นหรือทำอะไรก็ตามใจ
“อยากให้ลูกเรียนดี เอารางวัลมาล่อได้”
บางครั้ง เพื่อให้ลูกตั้งใจเรียน คุณพ่อคุณแม่ชอบเอารางวัลมาล่อใช่ไหมคะ การเอารางวัลมาล่อ ไม่ใช่เรื่องเสียหาย แต่จะใช้วิธีแบบไหนดี เช่น
A : ถ้าอ่านหนังสือจบ 1 เล่ม ให้เงิน 200 บาท
B : ถ้าสอบได้เกิน 3.5 จะให้เงิน 2,000 บาท
คำตอบคือ ควรเลือกข้อ A
เพราะให้รางวัลที่การ input จะได้ผลดีกว่าการให้รางวัลเมื่อผลลัพท์หรือมี output ออกมา เพราะลูกจะรู้สึกว่า เค้าสามารถทำได้เลย ที่สำคัญคือ ต้องเป็นสิ่งที่สามารถทำได้ในเวลาใกล้ๆ ไม่ใช่ต้องรอกว่าจะเห็นผลในระยะยาวเกินไป
“เลือกคำชมดี มีชัยไปกว่าครึ่ง”
เมื่อลูกสอบได้คะแนนเต็ม จะชมว่าอะไรดีค่ะ
แทนที่จะชมว่า “เก่งมากลูก” “ฉลาดมาก” “อัจฉริยะชัดๆ เลย”
ควรชมว่า “พยายามได้ดีมากเลย” “มีความตั้งใจดีมากเลย”
เพราะจากการทดลอง พูดชมเชยเด็กนักเรียน 2 กลุ่ม
กลุ่ม A : ได้รับคำชมว่าเก่ง ฉลาด ปรากฎว่ามีผลการเรียนแย่ลง
กลุ่ม B : ได้รับคำชมว่าพยายามได้ดี ปรากฎว่าผลการเรียนดีขึ้น
เพราะชมว่าเก่ง ฉลาด เลยทำให้คิดว่าตัวเองเป็นคนหัวดี มีความสามารถ หรือมีพรสวรรค์ เลยทำให้ขาดความตั้งใจ หรือพยายามที่จะทำให้ดีขึ้น
นอกจากนั้น จะมีบางประโยคที่ห้ามพูดเด็ดขาดเลย เมื่อลูกได้คะแนนไม่ดี เช่น “ช่วยไม่ได้ ก็เป็นเด็กผู้หญิงนี่นา เลยไม่เก่งเลข” เพราะจะเป็นการตอกย้ำอคติ ทำให้ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนลดลง
ยังมีอีกหลายประเด็นที่น่าสนใจค่ะ ไว้ขอไปหาซื้อหนังสือของอาจารย์มาศึกษาเพิ่มเติมแล้วจะมาเล่าให้ฟังกันอีกนะคะ
เรื่องแนะนำ :
– ความสุขของนักเรียนในญี่ปุ่น ในวันที่คุณพ่อคุณแม่มาเยี่ยม
– อะไรนะ! สั่งซื้อขนมตอนนี้ อีก 10 ปีข้างหน้าค่อยได้ทาน!!!
– Jikanyu ไปให้ถึงกุนมะกับประสบการณ์แช่ออนเซน 45-48 องศา
– 5 เรื่องราวของภูเขาไฟฟูจิ ที่คนญี่ปุ่นก็ไม่รู้
– วันอังคาร…งานการสำเร็จ วันพุธ…ห้ามเดท! เอ๊ะ…ยังไง?