มีคนมักถามผมบ่อย ๆ ว่าทำงานที่ญี่ปุ่นได้อะไร… ผมชอบตอบแบบติดตลกว่า “ได้เงิน” แต่นั่นคือคำตอบติดตลก… คราวนี้ผมอยากจะแฉและแชร์จริง ๆ เลยว่าทำงานญี่ปุ่น ถ้าพูดถึงเรื่องเงินมันได้เยอะได้น้อยอย่างไร
บทความนี้เขียนเพื่อเป็นข้อมูลให้แก่น้อง ๆ และเพื่อน ๆ ทุกคนที่มีข้อกังขาว่า “ถ้า” มีโอกาสไปทำงานในออฟฟิสที่ญี่ปุ่นเลยจริง ๆ มันจะดีไหม
มีรุ่นน้องทั้งผู้หญิงและชาย (ส่วนใหญ่เป็นผู้หญิง) ที่รู้ภาษาญี่ปุ่นและคนทำงานในบริษัทญี่ปุ่นหลายคน มักถามผมบ่อย ๆ ว่าทำงานที่ญี่ปุ่นได้อะไร… ผมชอบตอบแบบติดตลกว่า “ได้เงิน” แต่นั่นคือคำตอบติดตลก… คราวนี้ผมอยากจะแฉและแชร์จริง ๆ เลยว่าทำงานญี่ปุ่น ถ้าพูดถึงเรื่องเงินมันได้เยอะได้น้อยอย่างไร
Q1 เงินเดือนที่บริษัทญี่ปุ่นจ่ายให้เรา มันสุโก้ยไหม
หลาย ๆ คนที่เคยหรือทำงานเป็นพนักงานเงินเดือนที่ประเทศญี่ปุ่น คงจะตอบว่าขึ้นอยู่กับบริษัทที่ทำ
แต่ในแง่มุมของผู้เขียน บอกสรุปสั้น ๆ เลยว่า “เมื่อเทียบกับค่าครองชีพแล้ว โดยเฉลี่ยมันดีกว่าไทย” ประสบการณ์ตรงก็คือว่า เด็กจบใหม่ (ปริญญาตรี) ไม่ว่าจะเป็นลูกเต้าเหล่าใคร จะจบสถาบันไหน ถ้าเข้าทำงานบริษัทญี่ปุ่นเขาจะให้เงินเดือนเท่ากัน เพราะญี่ปุ่นไม่มีเกรดนิยม ส่วนปริญญาโทก็จะให้มากกว่าหน่อยประมาณสามหมื่นเยน (หมื่นบาทไทย)
ซึ่งเราสามารถหาข้อมูลเงินเดือนเริ่มต้นของบริษัททั่วแผ่นดินญี่ปุ่นได้ค่อนข้างง่ายดาย (มีเว็บไซต์หนึ่งของญี่ปุ่นจะรวบรวมและแจงรายได้ สวัสดิการของบริษัทญี่ปุ่นกว่าหมื่นบริษัทเอาไว้ให้เลย เรียกว่าเด็กใหม่ไม่ต้องมาสงสัยหรือถามคนสัมภาษณ์งานให้เสียเวลา เก่งไม่เก่งไม่ได้วัดที่เกรด เข้ามาทำงานแล้วดีค่อยให้เพิ่ม) โดยทั่วไปเด็กจบใหม่ของประเทศญี่ปุ่นเงินเดือนจะอยู่ที่สองแสนกว่า ๆ เยน (น่าจะเป็นเงินไทย เจ็ดหมื่นถึงแปดหมื่นบาท)
ผู้อ่านบางท่านอาจแย้งว่า เงินเดือนมันเยอะก็ไม่แปลกเพราะค่าครองชีพเขาสูงกว่าบ้านเรา แต่สิ่งที่ผมอยากแจงให้ทราบคือ… เมื่อคิดจบ สารตะทุกอย่างแล้ว เรามีแนวโน้มที่จะมีเงินเก็บเหลือมากกว่าทำงานที่ไทย…
ยกตัวอย่างง่าย ๆ ว่าเด็กจบใหม่ที่เงินเดือนสองแสนกว่าๆ เยน (นี่คือหักภาษีแล้วนะครับ) สำหรับเด็กจบใหม่ตัวคนเดียว ส่วนใหญ่จะใช้จ่ายประมาณ แสนห้าหมื่นเยนต่อเดือนหรือถ้าใช้ฟุ่มเฟือยหน่อย เช่นเช่าคอนโดเห็นวิวสวย ๆ อาจจะใช้ถึงสองแสนเยนต่อเดือน ยังเหลืออีกหลายหมื่นเยน ตีเป็นเงินไทยก็คือประมาณใกล้สองหมื่นบาท ซึ่งสำหรับเด็กจบใหม่ที่ไทยแล้ว แทบจะเป็นส่วนน้อยถึงน้อยมาก ที่จะเหลือเงินเก็บเดือนแรกได้เกือบสองหมื่นบาท
หรือจะอธิบายต่ออีกนิดคือ… เพราะปัจจุบันค่าครองชีพของไทยแพงขึ้นมามาก แต่ประเทศญี่ปุ่นเพิ่มขึ้นนิดเดียวในตลอดสิบกว่าปีที่ผ่านมา ราเมงญี่ปุ่นเมื่อสิบปีที่แล้วกับปัจจุบัน ราคายังเริ่มต้นที่ 650 เยนเช่นเดิม… ค่ารถไฟ เช่าบ้านที่ประเทศญี่ปุ่น ราคาเปลี่ยนไปไม่ถึงยี่สิบเปอร์เซนต์ ตรงข้ามกับกรุงเทพฯ ของเรา ที่ตอนนี้เราสามารถกินราเมงที่ไทยในราคาเดียวกับญี่ปุ่นแล้ว คือสองร้อยกว่าบาท!!
Q2 ที่เด็ดกว่าเงินเดือน คืออะไร
หากเป็นมนุษย์เงินเดือนโลกสวย อาจจะบอกว่าเข้าใจถึงความใส่ใจของวัฒนธรรมญี่ปุ่น ได้ประสบการณ์ดี ๆ … แต่สำหรับผู้เขียนแล้ว.. คิดว่าสิ่งเหล่านี้ก็น่าจะหาได้ในไทยถ้าเราคิดจะหา… แต่สิ่งที่หาไม่ค่อยได้ในไทยคือ โบนัสกับค่าโอที มันน่าสนใจครับ ประเทศญี่ปุ่นถือว่าให้โบนัสเยอะครับ (ในแผ่นดินญี่ปุ่น) เอาเป็นว่าผู้เขียนเอง ตลอดเกือบสี่ปีที่ทำงานประเทศญี่ปุ่นไม่เคยมีปีไหนที่ผมได้โบนัสน้อยกว่าห้าเดือน
ส่วนอันที่น่าสนใจกว่าคือ ค่าโอที… จริงอยู่ว่าบริษัทญี่ปุ่นที่ตั้งในไทยก็จะให้โอทีเหมือนกัน ซึ่งวัฒนธรรมนี้บริษัทไทยจริงๆ (เช่น SCG PTT หรือเหล่าธนาคารไทย) จะไม่มี… แต่ถึงแม้บริษัทญี่ปุ่นจะจ่ายโอที แต่ความเข้มข้นและปริมาณเงินที่จ่ายนั้น เทียบไม่ได้กับที่ญี่ปุ่นเลยครับ ญี่ปุ่นเขาจ่ายโอทีหนักจริง สตรองจริง แต่ก็ใช้เราจริง!!
ขอแชร์ประสบการณ์ตัวผมเองเลย มีอยู่เดือนนึงตอนที่ผมเข้าทำงานในบริษัทญี่ปุ่นช่วงแรก ๆ… ในเดือนนั้นผมได้เงินค่าโอทีมากกว่าเงินเดือนที่ผมได้ (ประมาณว่าตอนนั้นได้เงินเดือนอยู่ที่สองแสนห้าหมื่นเยน … ได้โอทีมาสองแสนเจ็ดหมื่นเยน คือเงินโอทีพอคิดเป็นเงินไทย แทบจะทะลุแสนบาท!!)
Q3 งั้นแสดงว่าทำงานญี่ปุ่นรวยดี ชีวิตนี้ควรต้องลอง?
เรื่องนี้ตอบยากมากเลยครับ… เพราะเบื้องหลังที่ผมได้เงินค่าโอที แทบทะลุหนึ่งแสนบาทต่อเดือน เดือนนั้นผมซัดค่าล่วงเวลาไปเกือบหรือน่าจะเกินหนึ่งร้อยชั่วโมงด้วยซ้ำ… (ลองคำนวณเองละกันครับ ว่าหนึ่งเดือนถ้าจะได้โอทีร้อยชั่วโมง ต้องอยู่ที่ทำงานถึงสักกี่ยาม… คือบางวันกลับไม่ทันรถไฟเที่ยวสุดท้ายเลย) เรียกว่าในบางครั้ง…เราแทบจะต้องขายวิญญาณของเราให้บริษัทไปเลยก็ว่าได้….
สรุปจากประสบการณ์ตรง… ผู้เขียนคิดว่าการทำงานในประเทศญี่ปุ่น ถึงแม้ใครจะบอกว่าค่าบ้าน ค่าครองชีพ แพงกว่าจะคุ้มหรือ แต่โดยรวมแล้วมันจะสร้างรายได้มากกว่าอยู่ที่ไทย… แต่แน่นอน สิ่งที่น้อง ๆ และทุกคนจะต้องเผชิญหรือแลกกับเงินส่วนนี้คือ การทำงานที่ไม่น่าชิลและน่าจะกดดันกว่าที่ไทย ค่าอยู่ไกลดินรักแดนอุ่นที่แสนคุ้นอยู่ของเรา การต้องอดทนเบียดเสียดกันในรถไฟ (แต่เดี๋ยวนี้รถไฟฟ้าของเราก็ไม่แพ้ญี่ปุ่นแล้วนะ ผมรู้สึกได้)
เอาล่ะ หากผู้อ่านอยากแชร์หรืออยากถามรายละเอียดเกี่ยวกับการทำงานของญี่ปุ่น ทางผมเอง welcome มากเลย ทักทายมาได้นะครับ
ท้ายสุดขอบคุณภาพจาก : http://style.nikkei.com/article/ และ http://kirakirakoubou-shop.com/salaryman-kintaro
เรื่องแนะนำ :
– อยากให้คนชอบ 100% ใช่ไหม… ขอให้พลังการเม้าท์มอยจงอยู่กับท่าน
– คุมาโมะโตะ : ในวันที่แผ่นดินไม่เป็นใจ
– สิ่งมีชีวิตที่เรียกว่า “ทหารของญี่ปุ่น”
– สามเรื่องดีๆ ที่เราเรียนรู้ได้จาก Nadeshiko Japan….
– มีนาคม…. Season Change
#แฉ! ! ! The salaryman: ทำงานที่ญี่ปุ่นรวยไหมเนี่ย?