ซัปโปโร – เกียวโต ทริปเดียวก็เที่ยวได้…ทริปนี้เราเที่ยวครั้งเดียวไป 2 จังหวัดกันเลยทีเดียว เริ่มต้นด้วยการมุ่งหน้าสู่เมืองใหญ่อันดับหนึ่งของเกาะ (จังหวัด) ฮอกไกโด ก่อนที่จะย้อนกลับมายังเกาะฮอนชู มุ่งสู่ภูมิภาคคันไซ เพื่อสัมผัสจังหวัดเกียวโตในอีกรูปแบบหนึ่ง เราไปที่ไหนกันมาบ้าง มาติดตามกันค่ะ
กลับมาอีกแล้ว คราวนี้เรานำรีวิวทริปช่วงปลายฤดูร้อน ต้นฤดูใบไม้ร่วง ในบรรยากาศแบบว่าความหนาวเย็นกำลังจะมาเยือนญี่ปุ่นมาฝากกันค่ะ …
ทริปนี้เราเที่ยวครั้งเดียวไป 2 จังหวัดกันเลยทีเดียว เริ่มต้นด้วยการมุ่งหน้าสู่เมืองใหญ่อันดับหนึ่งของเกาะ (จังหวัด) ฮอกไกโด ก่อนที่จะย้อนกลับมายังเกาะฮอนชู มุ่งสู่ภูมิภาคคันไซ เพื่อสัมผัสจังหวัดเกียวโตในอีกรูปแบบหนึ่ง เราไปที่ไหนกันมาบ้าง มาติดตามกันค่ะ
เราออกเดินทางด้วยสายการบินไทย ตอนประมาณ 23.30 น. ในช่วงกลางเดือนตุลาคม แวะเปลี่ยนเครื่องที่สนามบินคันไซ แล้วเดินทางต่อไปยังฮอกไกโดกันเลยค่ะ
ไปถึงสนามบิน New Chitose สนามบินหลักของเกาะฮอกไกโดก็ราวๆ 11.20 น. พอมีเวลานิดหน่อยเลยไปเก็บบรรยากาศน่ารักๆ ที่ Hello Kitty Happy Flight มาฝากเพื่อนค่ะ เพิ่งเปิดเมื่อเดือนก.ค. 2016 ที่ผ่านมานี่เอง น่ารัก มุ้งมิ้ง เชื่อว่าเด็กๆ และสาวๆ ต้องชอบมากๆ แถมช่วงที่ไปยังอยู่ในเดือนแห่งฮาโลวีน ก็เลยมีกิมมิคนู่นนี่ สไตล์ผีๆ (แบบน่ารัก) มาอินเทรนด์ให้เข้ากับเทศกาลด้วยนะ เอาเป็นว่าใครมาสนามบินนี้ นอกจากโซนของกินและของฝากอลังการแล้ว ถ้าพอมีเวลาชิลๆ ได้ ก็แวะมาเหอะ คือดี…
Hello Kitty Happy Flight
ที่ตั้ง : ชั้น 3 สนามบิน New Chitose (Connecting Path “Smile Road”)
เปิดทำการ : ทุกวัน ตั้งแต่เวลา 10.00 – 18.00 น.
ค่าเข้าชม : ผู้ใหญ่ 800 เยน เด็กอายุไม่เกิน 12 ขวบ 400 ปี ต่ำกว่า 3 ขวบ ฟรี!!
เว็บไซต์ : http://www.new-chitose-airport.jp/en/happy-flight/
จากนั้นเราก็ลงมาที่ซอยราเม็งในสนามบิน New Chitose นี่แหล่ะ มีร้านราเม็งให้เราเลือกกินกัน น่าจะประมาณ 9 ร้านนะ ถ้าจำไม่ผิด คนแน่นทุกร้านจ้า จากนั้นเราก็มาจัดราเม็ง (ไซส์เล็ก) เป็นมื้อกลางวัน กันก่อนออกเดินทางออกจากสนามบิน
พระอาทิตย์เริ่มคล้อย พอเข้าช่วงบ่ายหน่อยๆ เราก็มุ่งหน้าสู่ พิพิธภัณฑ์ไอนุ (Porotokotan) ที่เมือง Shiraoi ใช้เวลาเดินทางไม่ถึง 1 ชม. ซึ่งที่จริงแล้วบนเกาะฮอกไกโดมีเรื่องราวเกี่ยวกับชาวไอนุ ซึ่งเป็นคนพื้นเมืองของเกาะแห่งนี้กระจายอยู่ทั่วไป คราวก่อนเราพาไปเที่ยวหมู่บ้านไอนุ ทางฝั่งฮอกไกโดตะวันออกมาแล้ว คราวนี้มาดูพิพิธภัณฑ์ไอนุทางฝั่งฮอกไกโดตะวันตกกันดูบ้าง ที่ Porotokotan แห่งนี้ ภายในเป็นพิพิธภัณฑ์กลางแจ้ง ประกอบด้วยบ้านของชาวไอนุหลายหลัง ทำหน้าที่ต่างๆ กันไปในหมู่บ้านแห่งนี้ และบอกเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับหมู่บ้านไว้หลายสิ่ง มีหมีตัวเบอเริ่มหลายตัวให้เราได้ป้อนอาหารแบบใกล้ชิดด้วย และนอกจากบรรยากาศหมู่บ้านริมเขาจะดูร่มรื่นแล้ว อีกฝากยังเป็นทะเลสาบ ดีงามยามอาทิตย์ตกมากๆ
ที่ Porotokotan มีการแสดงพื้นเมืองที่จะจัดเป็นรอบๆ ตลอดทั้งวัน (เสียดาย…วันที่ไป เวลาไม่อำนวย อด!) แต่ก็ได้ไปหัดเล่นเครื่องดนตรีพื้นบ้านของชาวไอนุแทน ^^
พิพิธภัณฑ์ไอนุ (หมู่บ้าน Porotokotan)
ที่ตั้ง : เมือง Shiraoi (เดินจากสถานี Shiraoi มาประมาณ 15 นาที)
เปิดทำการ : 08.45 – 17.00 น. ปิดช่วงสิ้นปีต่อปีใหม่ 8 วัน (29 ธ.ค. – 5 ม.ค.)
ค่าเข้าชม : ผู้ใหญ่ 800 เยน ม.ปลาย 600 เยน ม.ต้น 500 เยน ประถม 350 เยน
เว็บไซต์ : http://www.ainu-museum.or.jp
จากนั้นเดินทางด้วยรถยนต์อีกสัก 10 – 15 นาที เราไปหาของอร่อยๆ กินกันค่ะ อันนี้เรียกว่าหาร้านมาฝากเพื่อนๆ ดีกว่า เพราะว่าอยู่ใกล้พิพิธภัณฑ์ไอนุ เผื่อใครมาแถวนี้เราเกิดหิว บอกเลยว่าแนะนำให้แวะ ที่นี่คือ Wagyu Okoku Uemura เป็นฟาร์มวัวเนื้อที่สร้างชื่อ “เนื้อ Shiraoi” ขึ้นมา โดยมีเป้าหมายที่จะผลิตเนื้อวัววากิวที่อร่อยที่สุดในโลก ปัจจุบันก็สามารถผลิตเนื้อวัวเกรด A5 ได้เกือบ 100% เต็มแล้ว เอาใจช่วยให้ผลิตของอร่อยๆ ออกมาเยอะๆ เนอะ (ราคาจะได้ถูกลงบ้าง ไรบ้าง)
เราชิมเนื้อย่าง โดยเลือกเซ็ตเนื้อ 6 แบบ (6 ส่วน) ในราคา 6,900 เยน เมนูนี้สำหรับ 3 – 4 คน แต่เชื่อเหอะ สำหรับผู้เขียนให้เต็มที่ 3 คนจริงๆ เพราะต้องมีศึกแย่งชิงเนื้อส่วนที่โปรดปรานกันแน่ๆ ฮะ ฮะ
คุณเจ้าของ แนะนำว่าให้ย่างทีละชิ้น ดื่มด่ำทีละคำ ย่างไม่ต้องนาน นับเป็นวิกันเลยทีเดียว


Wagyu Okoku Uemura (Farm Restaurant Uemura)
ที่ตั้ง : เมือง Shiraoi
เปิดทำการ : 11.00 -18.00 น. ปิดวันหยุดสิ้นปีและปีใหม่
เว็บไซต์ : http://wagyu-oukoku.com ,http://wagyu-oukoku.com/bbq.html (ร้านบาร์บีคิว)
เย็นย่ำค่ำแล้ว เราเดินทางเข้าสู่ตัวเมืองซัปโปโรกันค่ะ ใช้เวลาประมาณชั่วโมงกว่าๆ เท่านั้น คืนนี้เราพักกันที่ Hotel Resol Trinity Sapporo ไม่ไกลจากหอนาฬิกาซัปโปโรที่มีชื่อเสียงสักเท่าไร ภายในตกแต่งสไตล์โมเดิร์นอาร์ต มีห้องให้เลือกหลายแบบ ห้องของผู้เขียน เป็นห้องเดี๋ยว ขนาดกระทัดรัด แต่ว่าข้าวของเครื่องใช้ต่างๆ ครบครัน และจัดวางได้ดี ดูไม่อึดอันเลย
Hotel Resol Trinity Sapporo
ที่ตั้ง : เมืองซัปโปโร (นั่งแท็กซี่มาจากสถานี JR Sapporo ประมาณ 5 นาที หรือเดินจากสถานีใต้ดิน Odori Station ทาง Exit 3 ประมาณ 15 นาที
เว็บไซต์ : http://www.trinity-sapporo.com/
เช้าวันรุ่งขึ้นเราก็ออกไปเที่ยวกันต่อเลย
เมื่อวานได้เที่ยวจริงๆ แค่ครึ่งวัน ถึงจะไปหลายจุด แต่ยังไม่จุใจ..วันนี้ก็ขอออกนอกเมืองอีกนะ (^^)
เช้าๆ สมองยังว่างๆ ต้องเติมความรู้ใส่สมองนิดหน่อย นั่งรถออกนอกเมืองมาไม่ถึงครึ่งชั่วโมง เราจะไปทำความรู้จักกับหินชนิดหนึ่งที่ชาวญี่ปุ่นสมัยก่อนนิยมนำไปใช้ประโยชน์กันมาก เรียกว่าหิน “Nanseki” หรือหินเบาแห่งซัปโปโร เป็นหินที่เกิดจากการระเบิดของภูเขาไฟแถบนี้เมื่อ 40,000 ปีก่อน คนแถวนี้ในอดีตนำไปใช้ประโยชน์การสร้างบ้าน เพื่อคงอุณหภูมิภายในบ้านคนก็อยู่ได้ เก็บกักอาหารก็ดี ไม่ค่อยเสียหาย (อากาศแถวนี้ค่อนข้างหนาวเย็น ก็เป็นอุปสรรคในการใช้ชีวิตนิดนึง) เชื่อกันว่าหินนันเซคินี่ป้องกันไฟไหม้แล้วก็แผ่นดินไหวได้ด้วยนะ ที่บริเวณ Ishiyama Green Space (บ้างก็เรียก “Ishiyama Open Space”) นี้ เป็นเมืองหินนันเซคิมาก่อน ปัจจุบันก็เป็นทั้งสวนสาธารณะที่ในฤดูใบไม้เปลี่ยนสีเต็มๆ จะสวยงามมาก แล้วยังเป็นสถานที่ให้ความรู้เกี่ยวกับหินพิเศษชนิดนี้ได้เป็นอย่างดี
*และแม้จะบอกว่าเป็นหินเบา ถ้าลองยกดูก็หนักเอาเรื่องเหมือนกันนะ
ด้านในสวน มีส่วนหนึ่งที่เขานำหิน Nanseki มาสร้างเป็นสถาปัตยกรรมกลางแจ้งให้นักท่องเที่ยวได้ชมกัน หินแต่ละก้อนอาจใช้ช่างฝีมือคนละคนกัน ดังนั้นลวดลายของหินแต่ละก้อน ก็มีลักษณะเฉพาะตัวของช่างคนนั้น สามารถบ่งชี้ได้ว่าหินแต่ละก้อน เป็นฝีมือของช่างคนไหน
Ishiyama Green Space
ที่ตั้ง : เมือง Ishiyama
เวลาทำการ : ปิดตั้งแต่ปลายเดือนพ.ย. – กลางเดือนมี.ค.
ค่าเข้าชม : ฟรี
เว็บไซต์ : http://www.mit-ueki.com/language_en.html, http://www.welcome.city.sapporo.jp/find/nature-and-parks/ishiyama_green_space/?lang=en
เอาล่ะ นั่งรถจาก Ishiyama Green Space มาเล็กน้อย ประมาณ 5 นาที เราไปกันที่ร้าน “Nansekiya” ไปดูกันว่าปัจจุบันนี้หินนันเซคิ ถูกนำไปใช้อย่างไรกันบ้าง (นอกจากที่ยังคงเอาไว้ใช้สร้างหรือตกแต่งบ้านอ่ะนะ) … เก๋ดีนะ บอกเลย ว่าหิน บางคนอาจจะคิดว่ามีประโยชน์อยู่ไม่กี่อย่าง แต่ที่ร้านนี้แสดงให้เห็นว่า “หิน ไม่ได้เป็นแค่ หิน” คิดนอกกรอบกันไปค่ะ เป็นงานอาร์ตเบาๆ ที่นักท่องเที่ยวสามารถเลือกซื้อเป็นของฝาก ของที่ระลึกกันได้ หรือจะลองทำด้วยฝีมือของตัวเองแบบลงแรงเล็กๆ น้อยๆ ฝึกจิตนากา
รดูบ้างก็เข้าที
และนี่เป็นโซนประชันฝีมือ…ใครใคร่วาดอะไรก็จัดกันไป แล้วเราก็เอาของชิ้นนั้นกลับบ้านมาด้วยนะ (เพราะเขาคงขายฝีมือเราไม่ออก 555) ตรงนี้มีค่าอุปกรณ์เล็กๆ น้อยๆ
Nansekiya
ที่ตั้ง : เมือง Ishiyama
เวลาทำการ : ปิดทุกวันพุธ
เว็บไซต์ : http://212a-a.jimdo.com
จบจากเรื่องหินๆ เราหันไปหาของกินกันอีกแล้วค่ะ นั่งรถไปอีกประมาณ 20 นาที เราจะไปถึงเมือง Toyama (ก็ยังคงอยู่ในเขตซัปโปโร นอกเมือง แต่ก็ไม่ไกลเท่าไรนะ มากันได้ ชิลๆ) ที่ Toyama Fureai Farm มีกิจกรรมเก็บผลไม้แสนอร่อยไว้ให้นักท่องเที่ยวได้อร่อยกัน โดยในช่วงเดือนตุลาคมอย่างนี้แอปเปิ้ลหลากหลายสายพันธุ์และลูกพรุนแสนอร่อยของที่นี่จะลูกดกเต็มต้นกันเลยทีเดียว แต่ว่า…ฟาร์มแห่งนี้ได้งดกิจกรรมเก็บแอปเปิ้ลเสียแล้ว ก็ไม่ทราบอ่ะนะว่าด้วยเหตุผลอะไร แต่ลูกพรุนสดๆ จากต้น โอ้ยยยยย อร่อยเหนือคำบรรยายทั้งสิ้น (ผู้เขียนอาจจะโอเว่อร์ไปบ้าง แต่เพราะไม่เคยกินลูกพรุนเก็บสดๆ จากต้นมาก่อน บอกเลยว่าลืมน้ำลูกพรุนไปแล้ว ฝันถึงแต่ลูกพรุนสดๆ ของสวนแห่งนี้อย่างเดียวเลย 555)
ใครเก็บกินในฟาร์มแล้วยังไม่จุใจ…เขาก็มีจำหน่ายด้วยนะ
ด้วยความใจดีของทางฟาร์ม และด้วยความที่เขาอยากจะพรีเซ้นต์แยมสไตล์โฮมเมดที่เขามีวางจำหน่ายที่ฟาร์มอยู่หลายอย่างด้วย เขาจึงสาธิตวิธีการทำแยมแอปเปิ้ลให้ดู โว้วววว ทำง่ายมั่กๆ เดี๋ยวจะกลับมาลองทำกินดูบ้าง (หวังว่าจะไม่ท้องเสีย หึ หึ)
Toyama Fureai Farm
ที่ตั้ง : เมือง Shiraoi
เปิดทำการ : ปลายเดือนมิ.ย. – ต้นต.ค. ตั้งแต่เวลา 09.00 – 17.00 น.
ค่าเก็บผลไม้ : ผู้ใหญ่ 300 เยน เด็กประถม 200 เยน
เว็บไซต์ : http://www.toyamafureai.com
ครั้งหน้ามาดูที่พักสุดยอดครบเครื่องกันค่ะ ห้องเยอะ ตกแต่งเลิศ สระว่ายน้ำก็สุดยอด ย้ำ! สุดยอด!! ออนเซ็นก็มี วิวใบไม้เปลี่ยนสีก็สวย ที่สำคัญ บุฟเฟ่ต์ดีงามที่สุด!!!
อ้อ! และขอทิ้งท้ายเพิ่มเติมไว้ให้สำหรับเพื่อนๆ ที่สนใจเดินทางในเส้นทางเดียวกันนี้ สามารถเดินทางได้ด้วยรถโดยสารประจำทาง ซึ่งก็อาจจะต้องเช็คเรื่องเส้นทางเดินรถ แล้วก็ตารางเวลากันอยู่สักหน่อย (ส่วนใหญ่ก็เป็นภาษาญี่ปุ่นอ่ะนะ) แต่ว่าถ้ามีใบขับขี่ต่างประเทศ แนะนำว่าเช่ารถขับเลยจะดีกว่ามาก โดยเฉพาะในฤดูใบไม้ร่วงนะ สวยงาม ตระการตา ขับไป ชมวิวไป แวะถ่ายรูปไป ชิลมาก… นอกจากนั้น ความน่าสนใจระหว่างการเดินทางของเส้นทางในทริปนี้ยังสามารถติดตามชมกันได้ ทางรายการ “ผจญภัยไร้พรมแดน” ซึ่งน่าจะออกอากาศให้ชมกันในเร็วๆ นี้ ก็รอติดตามชมกันได้ทางททบ. 5 (ออกอากาศทุกวันเสาร์ เวลา 21.50 – 22.15 น.)
เรื่องแนะนำ :
– รีวิวเที่ยวญี่ปุ่น ซัปโปโร – เกียวโต ทริปเดียวก็เที่ยวได้ ตอนที่ 4 : Bishamon-do
– รีวิวเที่ยวญี่ปุ่น ซัปโปโร – เกียวโต ทริปเดียวก็เที่ยวได้ ตอนที่ 3 : เที่ยวเกียวโต
– รีวิวเที่ยวญี่ปุ่น ซัปโปโร – เกียวโต ทริปเดียวก็เที่ยวได้ ตอนที่ 2 : Jozankei Onsen