แม้ว่า “ละครญี่ปุ่น” จะเป็นส่วนหนึ่งของสื่อบันเทิง ที่มีหน้าที่มอบความสนุกสนาน เพลิดเพลิน แต่ในบางครั้งสิ่งนี้ก็สามารถขับเคลื่อนสังคม และเยียวยาจิตใจของคนในชาติที่เพิ่งผ่านพ้นเรื่องราวร้ายๆ พร้อมสร้างกำลังใจให้ลุกขึ้นมาใช้ชีวิตต่อไปได้ค่ะ
แม้ว่า “ละคร” จะเป็นส่วนหนึ่งของสื่อบันเทิง ที่มีหน้าที่มอบความสนุกสนาน เพลิดเพลิน แต่ในบางครั้งสิ่งนี้ก็สามารถขับเคลื่อนสังคม และเยียวยาจิตใจของคนในชาติที่เพิ่งผ่านพ้นเรื่องราวร้ายๆ พร้อมสร้างกำลังใจให้ลุกขึ้นมาใช้ชีวิตต่อไปได้ค่ะ วันนี้เลยขอมาเล่าถึงละครญี่ปุ่นชื่อดัง ที่เป็นส่วนหนึ่งในการปลุกพลังใจให้คนญี่ปุ่น ให้กลับมาก้าวเดินได้อีกครั้ง แล้วเราจะรู้ว่า ละครทำคุณประโยชน์ให้กับสังคมได้มากกว่าที่คิด
1. Kaseifu no Mita ละครเรียกพลังใจจากเหตุการณ์สึนามิ
มาเริ่มเรื่องแรกที่เรื่อง “Kaseifu no Mita” เรื่องราวของแม่บ้านลึกลับ “มิตะ” ผู้มีสีหน้าเย็นชา มีท่าทางราวกับหุ่นยนต์ ได้ถูกส่งให้มาทำงานให้กับครอบครัวหนึ่ง ที่เพิ่งสูญเสียแม่ไปอย่างกะทันหัน มิตะทำงานบ้านต่างๆ ได้อย่างดีเยี่ยม ไร้ที่ติ แต่ว่าก็มีเรื่องที่หลายคนในบ้านค้างคาใจคือ ไม่มีใครรู้ที่มาที่ไปของเธออย่างแท้จริง และหลังจากเธอเข้ามาในบ้านหลังนี้ได้ไม่นาน ก็เกิดเรื่องราวเลวร้ายขึ้นเรื่อยๆ แต่ทุกคนในครอบครัวนี้ก็ได้เรียนรู้การเผชิญกับปัญหา ไม่ว่าจะโหดร้ายแค่ไหนก็ตาม
ละครเรื่องนี้ดูเผินๆ ก็ดูเป็นละครครอบครัวแนวลึกลับใช่ไหมคะ แต่จริงๆ แล้ว จุดประสงค์ของละครเรื่องนี้ก็คือ เพื่อสร้างขวัญและกำลังใจให้กับคนญี่ปุ่นที่เพิ่งผ่านพ้นเหตุการณ์แผ่นดินไหวและสึนามิครั้งใหญ่ ละครเรื่องนี้ฉายหลังจากเกิดเหตุการณ์ภัยพิบัติได้ไม่นานค่ะ ได้ออกอากาศ ท่ามกลางช่วงเวลาอันโศกเศร้า แต่ผลตอบรับที่ออกมาก็คือ ได้รับความนิยมอย่างล้นหลาม เป็นละครญี่ปุ่นที่มีเรตติ้งตอนสุดท้ายสูงถึง 40% เลยค่ะ (น้องๆ เรื่อง Hanzawa Naoki เลย)
ซึ่ง Yukawa Kazuhiko ผู้แต่งละครเรื่องนี้ได้เผยออกมาว่า ละครเรื่องนี้ จริงๆ แล้ว เป็นการสื่อให้เห็น “หน้าที่ของคนที่มีชีวิตอยู่ต่อคนที่ตายไปแล้ว” เมื่อคนที่เรารักได้หายไปจากโลกนี้แล้ว เราควรจะใช้ชีวิตต่อไปในรูปแบบไหน แต่ก็แอบมีคนถามเหมือนกันนะคะว่า เอาตัวละครที่จิตใจด้านชาแบบนี้มาเป็นตัวละครหลักหลังเกิดเหตุการณ์ภัยพิบัติ ไม่มีใครว่าอะไรบ้างเหรอ Yukawa ก็ตอบว่า “ผลสุดท้ายทุกอย่างก็ผ่านไปได้ด้วยดี ไม่มีใครว่าอะไร” พร้อมกับพูดทิ้งท้ายไว้อีกว่า…
“พวกเราจะทำอย่างไรถ้าหัวใจเราแตกสลาย? เราคงรู้สึกดีกับคำพูดประมาณว่า
‘ไม่เป็นไรนะ ปล่อยมันไปเถอะ’ แต่เพราะมนุษย์เรานั้นอ่อนแอ
เราจึงมักเคลือบแคลงใจกับคำพูดที่สวยหรู แต่กลับปักใจเชื่อสนิทกับคำพูดที่ตรงไปตรงมา
และคนที่จะพูดคำแบบนั้นได้ ก็ต้องเป็นคนที่เลือกจะก้าวเดินต่อไป
ไม่ว่าจะเจอเรื่องเลวร้ายที่มากกว่าคนธรรมดาทั่วไปก็ตาม”
แม้เนื้อเรื่องในละครจะไม่ได้พูดถึงภัยพิบัติเลยสักฉาก แต่ด้วยเรื่องราวความเศร้า ความสูญเสียที่เล่าภายตัวละคร ก็ทำให้คนดูพอจะสัมผัสได้ค่ะว่า ละครเรื่องนี้มีความเชื่อมโยงกับเหตุการณ์ที่เพิ่งผ่านพ้นมา และเข้าใจถึงความตั้งใจที่ผู้แต่งอยากจะถ่ายทอดออกมา ที่อยากให้ทุกคนได้พลังใจ พร้อมก้าวเดินต่อไป
2. Kouhaku ga Umareta Hi รายการบันเทิงที่เกิดขึ้นจากความเศร้าของคนในชาติ
ละครเรื่องนี้ได้สร้างมาจากเรื่องจริงของประวัติรายการ Kohaku Uta Gassen หรืองานมหกรรมขาว-แดง รายการเพลงอันเลืองชื่อของญี่ปุ่นทางช่อง NHK ในทุกๆ สิ้นปี คนญี่ปุ่นทุกคนต่างเฝ้ารอดูรายการนี้ และศิลปินคนไหนได้ขึ้นร่วมรายการนี้ถือว่าเป็นเกียรติอย่างมากอีกด้วย แต่กว่าจะมาเป็นรายการชื่อดังและทรงเกียรติขนาดนี้ไม่ได้เกิดขึ้นมาง่ายๆ นะคะ และรู้ไหมว่า เป็นรายการที่เกิดขึ้นมาท่ามกลางความโศกเศร้าของคนญี่ปุ่นในช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 ในช่วงนั้นสภาพประเทศญี่ปุ่นเต็มไปด้วยซากปรักหักพัง เด็กบางคนต้องอยู่แบบเร่ร่อน เพราะบ้านถูกทำลาย พ่อแม่ก็เสียชีวิตจากระเบิดปรมาณู ผู้คนอยู่กันอย่างอดอยาก เดินไปตามซอกไหนของเมือง บางทีก็ได้ยินเสียงสะอื้น ร้องไห้ไม่ขาดสาย แม้นั่นจะเป็นช่วงเวลาของความสูญเสีย แต่ก็มีคนกลุ่มหนึ่งยังทำหน้าที่ของตัวเองต่อไป นั่นก็คือ ทีมที่ผลิตรายการทางช่อง NHK ค่ะ
แน่นอนว่า พอประเทศญี่ปุ่นแพ้สงคราม สื่อเองก็ถูกทหารอเมริกันควบคุมด้วยเช่นกัน ก่อนจะออกอากาศรายการอะไรก็ต้องผ่านกองเซ็นเซอร์ ต้องมีเนื้อหาไม่ปลุกระดมให้คนลุกฮือขึ้นมาต่อสู้กัน และหลังจากนั้นไม่นาน ก็ได้รับคำสั่งมาว่า ให้ผลิตรายการที่สื่อถึงความเป็นประชาธิปไตยออกมา หนึ่งในทีมของผู้ทำรายการ ก็ปิ๊งไอเดียรายการ Kohaku Uta Gassen ขึ้นมาได้ค่ะ โดยให้นักร้องมาประชันร้องเพลงกัน โดยแบ่งเป็นทีมชายกับหญิง เพื่อสื่อให้เห็นถึงความเท่าเทียมกันทางเพศ และใช้เสียงเพลงมาสร้างความสนุกเพลิดเพลิน แต่ถ้าร้องเฉยๆ ก็จะไม่สนุก ก็เลยมาแข่งกันแบบใสๆ ให้ผู้ฟังเป็นคนตัดสินด้วยการโหวตคะแนนอย่างยุติธรรม เข้าคอนเซ็ปต์เป็นรายการแบบประชาธิปไตยพอดี
ในตอนนั้นเองก็เป็นช่วงเวลาแห่งความลำบากของใครหลายคน ความเสียใจทำให้ไม่รู้ว่าจะเดินต่ออย่างไรดี แม้แต่นักร้องเอง ก็ไม่มีกะจิตกะใจจะกลับมาร้องเพลงเช่นเดิม แต่ผู้คิดค้นรายการนี้ได้สร้างพลังบางอย่างให้คนญี่ปุ่นทุกคนลุกขึ้นมาก้าวเดินอีกครั้ง เราไม่ได้ลืมความเสียใจในครั้งนั้น แต่เราก็ไม่ควรจมอยู่กับมัน และแล้วรายการอันทรงเกียรตินี้ก็ได้ถือกำเนิดขึ้นจากความเศร้าโศกของคนในชาติ แต่ก็ได้สร้างรอยยิ้มบนใบหน้าของคนญี่ปุ่นให้ปรากฏขึ้นมาได้อีกครั้ง…
“ผมอยากต้อนรับปีใหม่ไปพร้อมกับทุกคน
ปีที่แตกต่างจากปีก่อนหน้า ผมอยากมอบเพลงให้พวกเขาลืมเรื่องเลวร้ายเหล่านั้น”
3. Amachan ละครฟื้นฟูบ้านเมืองที่เสียหายของญี่ปุ่น
ละครตอนเช้าของญี่ปุ่นที่ได้รับความนิยมอย่างสูงในปี 2013 แม้เนื้อหาหลักๆ จะแสดงให้เห็นถึงการเดินตามความฝันเพื่อเป็นนักดำหอยเม่นของเด็กสาวร่าเริงคนหนึ่ง แต่เชื่อว่า ไม่ว่าใครได้ดูละครเรื่องนี้ สิ่งหนึ่งที่ต้องนึกถึงก็คือ เหตุการณ์สึนามิที่เกิดขึ้นเมื่อปี 2011 ค่ะ เพราะเมืองที่อยู่ในละครเรื่องนี้ ก็อยู่ในโทโฮคุ บริเวณที่ได้รับความเสียหายจากสึนามิเช่นเดียวกัน หลังจากเหตุการณ์ครั้งนั้น ทำให้เมืองได้รับความเสียหายเป็นอย่างมาก แต่ละครเรื่องนี้ก็ได้กระตุ้นเศรษฐกิจ โปรโมตสถานที่ท่องเที่ยว ให้เมืองแห่งนั้นกลับมาคึกคัก และมีคนไปเยือนอีกครั้งผ่านละครค่ะ ละครได้ถ่ายทอดความรู้สึกร่าเริง สดใส พร้อมปลุกจิตสำนึกรักบ้านเกิด เห็นความสำคัญของอาชีพในตำนานอย่าง “อามะ” และสถานที่ท่องเที่ยวในบ้านเกิดของตัวเอง ที่ ณ เวลานั้นได้รับความเสียหายอย่างมาก และคงถึงเวลาแล้วที่เราจะต้องกลับมาฟื้นฟู ซึ่งคนญี่ปุ่นก็เลือกใช้ละครในการพัฒนาประเทศให้กลับคืนมา แม้เรื่องที่ผ่านมาจะเศร้าขนาดไหน แต่เราก็ต้องมีชีวิตอยู่ต่อไปด้วยความมีชีวิตชีวา
4. Tokyo ni Olympics o Yonda Otoko งานโอลิมปิคสร้างชาติหลังความสูญเสีย
เราคงทราบกันมาแล้วว่า เมืองโตเกียว แห่งประเทศญี่ปุ่นได้เป็นเจ้าภาพโอลิมปิคปี 2020 สร้างความดีใจแก่คนญี่ปุ่นเป็นอย่างมาก และรู้ไหมคะว่า “กีฬาโอลิมปิค” เป็นสิ่งที่มีความหมายสำหรับพวกเขามากค่ะ และเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ชาติญี่ปุ่นเป็นญี่ปุ่นได้อย่างทุกวันนี้ ละครเรื่อง Tokyo ni Olympics o Yonda Otoko ได้เล่าถึงความเป็นมาของเรื่องราวของประเทศญี่ปุ่นตอนที่กว่าจะก้าวขึ้นมาเป็นเจ้าภาพโอลิมปิกครั้งแรกของญี่ปุ่นและครั้งแรกในเอเชียได้ในปี 1964 การเป็นเจ้าภาพของญี่ปุ่นในตอนนั้นไม่ใช่เรื่องง่ายเลยค่ะ เพราะเป็นช่วงที่ประเทศญี่ปุ่นเพิ่งพ่ายแพ้สงครามโลกครั้งที่ 2 ไป บ้านเมืองกำลังอยู่ในช่วงกำลังพัฒนา คนต่างชาติไม่ให้ความเชื่อมั่นกับญี่ปุ่นต่อไป (ในเรื่องมีการพูดถึงการดูถูกดูแคลนจากคนอเมริกาด้วย) แต่ก็มีคนกลุ่มหนึ่งที่มีความฝันอยากจะให้ญี่ปุ่นฟื้นขึ้นมาได้อีกครั้ง ด้วยการประกาศศักดิ์ศรีผ่านกีฬาระดับโลกอย่าง “โอลิมปิค”
ผู้ที่เป็นตัวตั้งตัวตีของการพาญี่ปุ่นให้ก้าวขึ้นสู่เจ้าภาพโอลิมปิคในครั้งแรกก็คือ “เฟรด วาดะ อิซามุ” ลูกครึ่งอเมริกา-ญี่ปุ่น ซึ่งเป็นประชาชน คนธรรมดาทั่วไป ที่ไปปักหลักปักฐานที่อเมริกา และเคยให้ความช่วยเหลือนักกีฬาญี่ปุ่นตอนไปแข่งขันว่ายน้ำที่เมืองลอสแองเจลลิส เลยทำให้เขาได้รู้จักกับประธานสหพันธ์ว่ายน้ำญี่ปุ่น และทำให้ทั้งคู่ตัดสินใจจับมือกัน เดินตามความฝัน นำพาญี่ปุ่นก้าวขึ้นสู่โอลิมปิคให้ได้
ในสมัยนั้นทุกอย่างเป็นไปด้วยความยากลำบากค่ะ เพราะญี่ปุ่นเป็นประเทศที่แพ้สงคราม สภาพบ้านเมืองตอนนั้นก็ยังฟื้นฟูไม่หมด แต่ก็ต้องพรีเซนต์ให้ทุกคนเห็นให้ได้ว่า ประเทศเราพร้อมแล้ว และเพื่อจะได้เป็นเจ้าภาพ วาดะต้องออกตระเวนขอคะแนนเสียงจากกลุ่มประเทศในแถบลาตินอเมริกาให้ได้ทั้งหมด! และด้วยความพยายามอย่างหนัก ทำให้ญี่ปุ่นได้เป็นเจ้าภาพโอลิมปิกในปี 1964 ซึ่งเป็นครั้งแรกของญี่ปุ่นและของเอเชียอีกด้วย แม้ในช่วงเวลานั้นญี่ปุ่นกำลังเผชิญอยู่กับความลำบาก แต่มีคนกลุ่มหนึ่งคิดขึ้นมาได้ว่า ชีวิตเราและประเทศญี่ปุ่นต้องดำเนินต่อไป และเร่งฟื้นฟูพัฒนาประเทศให้เทียบเท่านานาชาติให้ได้โดยเร็วที่สุด
“เส้นแบ่งพรมแดนไม่สำคัญหรอกครับ กีฬาก็เช่นเดียวกัน
ฉะนั้น ผมถึงอยากให้ประเทศที่ห่างเหินสันติสุขมานานอย่างญี่ปุ่น
ได้เห็นมันมากที่สุด”
นี่ก็คือละครญี่ปุ่นส่วนหนึ่งที่มีเนื้อหาสร้างขวัญและกำลังใจให้กับคนดูค่ะ นอกจากเราจะได้ความเพลิดเพลินแล้ว ในขณะเดียวกันก็ได้ทั้งความรู้ประวัติศาสตร์ ข้อคิด และพลัง เราจะเห็นว่า สื่อบันเทิงไม่ได้มีหน้าที่แค่มอบความสนุก รื่นเริง บันเทิงใจ แต่มันก็เป็นสิ่งที่เยียวยาจิตใจของผู้คนให้เดินหน้าต่อไปได้เช่นกัน อยู่ที่ว่าเราจะใช้สื่อบันเทิงไปในรูปแบบไหน
เรื่องแนะนำ :
– มารู้จักเพลงประกอบเพิ่มความอินให้ละครญี่ปุ่นกัน!
– Okitegami Kyoko แฟนเดย์ เป็นนักสืบแค่วันเดียว
– เทคนิคที่ละครญี่ปุ่นใช้เล่าเรื่องยากๆ ให้เข้าใจง่าย
– ประโยชน์จากซีรีส์สืบสวนญี่ปุ่น ที่ได้มากกว่าความสนุก
– ศิลปินญี่ปุ่นที่มาพร้อมกับเพลงที่ฟังแล้ว Feel Good
ขอบคุณข้อมูลและรูปภาพจาก :
http://asianwiki.com/
http://www.vap.co.jp/category/1360308867957/
http://avan87.blogspot.com/2011/12/kaseifu-no-mita-ep-11-final.html