ซูชิ โอะมะคะเซะ ขอมอบหน้าที่ให้ (เพราะคุณรู้ดีที่สุด)
รูปประกอบโดย WALK on CLOUD
ทุกๆ คนเคยได้กิน “โอะมะเคะเซะ” กันไหมครับ
“โอะมะคะเซะ” ในอิมเมจของพวกเราคงเป็นร้านซูชิที่มีเชฟมาปั้นซูชิต่อหน้าเราสดๆ เพื่อยังคงอุณหภูมิของตัวข้าวให้กำลังอุ่นเหมาะสมที่สุด เมนูซูชิที่เสิร์ฟจะขึ้นอยู่กับเชฟแต่บะคน แต่ค่อนข้างมั่นใจได้ว่าจะได้กินปลาหลายๆ ชนิด ไม่ไปกระจุกอยู่ที่ปลาชนิดใดชนิดหนึ่งเพียงอย่างเดียว
ร้านที่ผมเคยไปกินโอะมะคะเซะมี course ซูชิให้เลือก ระดับ entry, intermediate หรือ advance จำนวนซูชิที่มาเสิร์ฟก็ตามแต่ระดับ level ของ course ซึ่งลักษณะของ course โอะมะคะเซะแตกต่างไปตามแต่ละร้าน แต่หลักๆคือ เชฟเป็นผู้เลือกซูชิมาเสริฟ์ให้เราตรงกับความหมายของคำว่า “โอะมะคะเซะ”
“โอะมะคะเซะ” เป็นภาษาญี่ปุ่นที่มีความหมายว่า “ฝากด้วย” “ฝากให้เป็นหน้าที่ด้วย” เขียนเป็นภาษาญี่ปุ่นได้ว่า
おまかせ
[โอะมะคะเซะ]
(ร้านอาหารแบบ) โอะมะคะเซะ
คำว่า おまかせ [โอะมะคะเซะ] เขียนเป็นอักษรฮิรางานะทั้งหมด ส่วนอักษรคันจิเขียนว่า
お任せします
[มะคะเซะชิมัส]
ฝากให้เป็นหน้าที่ด้วยครับ
ลักษณะประโยคข้างบนนี้ お任せします [มะคะเซะชิมัส] สามารถใช้กับสถานการณ์ในออฟฟิศได้ ตัวอย่างเช่น
今回のソフト開発は、外部のベンダーにお任せします
[คนไค โนะ โซะฟุโตะ ไคฮะซึวะ, ไกบุ โนะ เบนด้า นิ โอะมะคะเซะชิมัส]
การพัฒนาซอฟต์แวร์ครั้งนี้, จะฝากให้เป็นหน้าที่ของเวนเดอร์ข้างนอก
เราพอเห็นภาพกันแล้วว่า “โอะมะคะเซะ” คือการฝากให้เป็น ”หน้าที่ของผู้อื่น” ซึ่งในบริบทของร้านซูชิแล้วคือ “การฝากหน้าที่ในการคิดเมนูเป็นของเชฟ”
ผมลองไปค้นหาดูว่าประวัติศาสตร์ของการกินแบบโอะมะคะเซะนี้มีมานานแค่ไหน แล้วไปพบ blog ของคนญี่ปุ่นท่านนึงที่เป็นนักเขียนและนักชิมอาหารที่ชื่อว่า คะชิวะบะระ โคทาโร่ (柏原光太郎) เขาเล่าถึงประสบการณ์การกินซูชิในย่านรปปงิ โตเกียว ซึ่งในบทความนั้นได้กล่าวถึงที่มาของ “โอมะคะเซะ” แบบคร่าวๆ
ในช่วงยุค 90 ตอนปลายจนถึง 2000 ตอนต้นที่ผ่านฟองสบู่แตกมา วิถีการกินซูชิเปลี่ยนไปจาก
“กินปลาซาชิมิที่ถูกหั่นมาให้กินนิดหน่อย แล้วกินซูชิอีก 3 – 4 เสิร์ฟอยู่ไม่ถึง 1 ชั่วโมงก็กลับแล้ว”
กลายเป็น
“นั่งกินเหล้าและกับแกล้มแล้วปิดท้ายด้วยซูชิไม่กี่เซิร์ฟ”
ช่วงเวลานี้ (ทศวรรษที่ 1990 ตอนปลาย-ทศวรรษที่ 2000 ตอนต้น) ที่ “โอะมะคะเซะ” เริ่มเป็นที่แพร่หลายมากขึ้น สำหรับลูกค้าแล้วไม่จำเป็นต้องจดจำชื่อของปลา เดี๋ยวทางร้านก็จะเสิร์ฟมาให้เรื่อยๆ สำหรับทางร้านก็สามารถลดปริมาณของที่ขายไม่หมดจนต้องทิ้งได้ ระบบนี้ถือว่ามีประโยชน์กับทั้งสองฝั่ง
เท่าที่ค้นหามาก็แลดูไม่มีบันทึกที่มีรายละเอียดมากกว่านี้เกี่ยวกับที่มาของ “โอะมะคะเซะ”
สุดท้ายนี้เสริมให้นิดนึงว่าของหน่วยในการเรียกซูชิหนึ่ง”เสิร์ฟ” ในภาษาญี่ปุ่นจะเรียกว่า
貫 [คัน]
จากอิมเมจรูปข้างล่างคือ
一貫
[อิคคัน]
หนึ่งเสิร์ฟ
一貫 [อิคคัน] หนึ่งเสิร์ฟ อาจจะหมายถึงซูชิหนึ่งชิ้นหรือสองชิ้นก็ได้แล้วแต่ร้านจะกำหนด ซึ่งปัจจุบันไม่ได้มีกฎตายตัวแต่เพียงอย่างใด
ณ ปัจจุบันเราซูชิโอะมะคะเซะได้รับความนิยมมากขึ้นไม่เฉพาะในประเทศไทย แต่รวมถึงประเทศอื่นๆอย่างเช่น แคนาดา
แม้ซูชิโอะมะคะเซะราคาจะสูงกว่าซูชิสายพาน ( 回転寿司 [ไคเทนสุชิ] ) แต่ผู้คนโหยหาความอร่อยจากวัตถุดิบที่ดีกว่าของ “โอะมะคะเซะ” แถมมีข้อดีที่ไม่ต้องจำชื่อปลา เดี๋ยวเชฟจัดมาให้ และที่สำคัญเป็นการฝากให้เป็นหน้าที่ของเชฟคัดเลือกเมนู เพื่อให้ผู้บริโภคได้ค้นพบเมนูใหม่ๆที่ตัวเองไม่เคยคิดจะสั่งมาก่อน หรือมีประสบการณ์แย่ๆมาจากร้านที่ไม่อร่อย จนมาพบว่า “เฮ้ยยย กินของวัตถุดิบดีๆ ปั้นมาใหม่ๆ มันก็อร่อยนี่หว่า”
ค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นใน Course โอะมะคะเซะ นั้นคุ้มหรือไม่ขึ้นอยู่กับมุมมองของผู้บริโภคแต่ละคนตัดสินใจครับ ซึ่งผมว่าทุกคนมี Range ราคาที่เรารับได้ แล้วก็หาร้านที่ราคาตรงกับ Range นั้น โชคดีที่ว่ายุคสมัยนี้มี Youtuber แนะนำร้านซูชิโอะมะคเซะในไทย ให้เราได้ศึกษารีวิวก่อนตัดสินใจใช้เงินที่หามาด้วยน้ำพักน้ำแรงของเรา
รูปประกอบโดย WALK on CLOUD
เรื่องแนะนำ :
– ทำไมเจแปนไม่รีไซเคิลเยอะเท่ายุโรป
– ทำอย่างไรให้มีสมาธิ บทความจากผู้เชี่ยวชาญคนญี่ปุ่น
– เปเล่ ซาโยนาระ เกม อิน เจแปน
– คนญี่ปุ่นมาจากไหน
– แมวขนสามสีทะเคะชิ
อ้างอิง
– https://magazine.tabelog.com
– https://cityworks.jp
– https://prtimes.jp
#ซูชิ โอะมะคะเซะ ขอมอบหน้าที่ให้ (เพราะคุณรู้ดีที่สุด)