Amakusa … คนที่นี่ภาคภูมิใจกับสะพานทั้งห้า (Amakusa Gokyo) มาก และถึงจะแลดูว่าเป็นแถบบ้านนอก (ห่างไกล) ตัวจังหวัด … พวกเขาก็สามารถรวบรวมเงินมาสร้างสะพานข้ามเกาะต่างๆ เพื่อให้การคมนาคมสู่แต่ละตำบล แต่ละหมู่บ้านในแถบนี้เป็นไปได้อย่างสะดวก โดยไม่ได้พึ่งพาแต่เงินหลวงนะ บอกเลย!
มาต่อกันให้จบสิคะ รออะไร (^^)
ตอนที่แล้วได้มาเล่าให้ฟังถึงประสบการณ์การเดินทางสู่ Amakusa ซึ่งตั้งอยู่บนเกาะ ทางตะวันตกเฉียงใต้ของจังหวัดคุมาโมโต้ แต่เราเพิ่งพูดไปถึงเรื่องงาน ONE KYUSHU FES ที่จัดขึ้นพร้อมกับงาน Amakusan SantaClaus Festival 2016 ที่เมือง Amakusa แห่งนี้เท่านั้น ยังไม่ได้เล่าเกี่ยวกับเกาะแห่งนี้สักเท่าไร งั้นเรามาทำตามสัญญาละกันนะ … มาดูสิว่า Amakusa มีอะไรน่าสนใจกันมั่ง
แถบ Amakusa* ตอนแรกก็เข้าใจว่าเป็นเกาะๆ หนึ่งในจังหวัดคุมาโมโต้ (Kumamoto Prefecture) ที่ไหนได้แถบนี้เรียกได้ว่าเป็นหมู่เกาะ Amakusa เลยทีเดียว เพราะนอกจากจะประกอบด้วยเกาะ Kami-shima, Shimo-shima และเกาะ Naga-shima ซึ่งเป็นเกาะหลักแล้ว ยังประกอบไปด้วยอีก 120 เกาะเล็กเกาะน้อย รวมกันอยู่ในอุทยานแห่งชาติ Unzen-Amakusa National Park ที่อยู่ในพื้นที่ติดกับคาบสมุทร Shimabara-hanto ของจังหวัดนางาซากิ (Nagasaki Prefecture) ใกล้กันชนิดที่เรียกว่าจาก Amakusa สามารถมองเห็นจังหวัดนางาซากิง่ายกว่าตัวจังหวัดคุมาโมโต้ซะอีก
*อ่านว่า อะมะคึสะ หรือถ้าเป็นคนญี่ปุ่นจะออกเสียงรวบๆ ว่า “อะมัคสะ”
จุดเด่นประการแรกของ Amakusa คือสะพานทั้งห้าแห่ง Amakusa หรือที่เรียกว่า “Amakusa Gokyo” ระหว่างการเดินทางสู่ Amakusa เราก็จะนั่งรถผ่านสะพานเหล่านี้ที่เชื่อมต่อเกาะต่างๆ ในแถบนี้


คนที่นี่ภาคภูมิใจกับสะพานเหล่านี้มากบอกเลย และถึงจะแลดูว่าเป็นแถบบ้านนอก (ห่างไกล) ตัวจังหวัด … พวกเขาก็สามารถรวบรวมเงินมาสร้างสะพานข้ามเกาะต่างๆ เพื่อให้การคมนาคมสู่แต่ละตำบล แต่ละหมู่บ้านในแถบนี้เป็นไปได้อย่างสะดวก กลายเป็นเส้นทางที่มีชื่อว่า “Amakusa Pearl Line” นี่ คนแถวนี้เขาไม่ได้พึ่งแต่เงินหลวงนะ บอกเลย!
สะพานที่ 1 Tenmon Bridge (นี่ก็กำลังสร้างสะพานใหม่ ที่เพิ่งรวบเงินมาสร้างได้อ่ะจ้ะ)
สะพานที่ 2 Oyano Bridge
สะพานที่ 3 Nakanohashi Bridge
สะพานที่ 4 Maeshima Bridge
สะพานที่ 5 Matsushima Bridge




ทริปสั้นๆ ของเราคราวนี้ เราพักกันที่ Hotel Boyokaku เป็นโรงแรมที่บรรยากาศใช้ได้เลยทีเดียว ถึงจะไกลสุดลิบลิ่ว ชนิดที่เรียกว่าข้ามผ่านสะพานทั้งห้าไปจนถึงเกือบตะวันตกสุดของ Amakusa เลยทีเดียว โดยบริเวณนี้จะเป็นเส้นทางที่เรียกว่า Sunset Line เพราะเป็นชายฝั่งทางตะวันตกสุด มีจุดชมวิวถ่ายรูปพระอาทิตย์ตก (Sunset-view spot) เพียบ!!
ข้อมูลเพิ่มเติม Hotel Boyokaku >> http://www.boyokaku.jp










และอีกสิ่งหนึ่งที่เป็นเอกลักษณ์ของ Amakusa ก็คือโบสถ์ ด้วยความที่.. ที่นี่เป็นชุมชนชาวคริสต์ของแถบคิวชูที่สำคัญแห่งหนึ่ง เนื่องจากในสมัยเอโดะ (ศตวรรษที่ 17 – 19) ช่วงที่ศาสนาคริสต์ถูกแบนอย่างหนักในญี่ปุ่น ชาวญี่ปุ่นที่นับถือคริสต์ก็จะมาหลบซ่อนกันที่นี่นั่นเอง โบสถ์สำคัญๆ ก็มีทั้ง Oe-Tenshudo Church, Sakitsu-Tenshudo Church และอีกหลายแห่งที่สร้างขึ้นเมื่อศตวรรษที่ 20 นี่เอง โดยปัจจุบันกว่า 30% ของชาว Amakusa นับถือศาสนาคริสต์




Sakitsu-Tenshudo Church เป็นโบสถ์สไตล์โกธิค สร้างขึ้นในปี 1934 ตั้งอยู่ในบริเวณหมู่บ้านชาวประมงเล็กๆ ใครอยากมาชม ก็สามารถนั่งรถเมล์มาลงที่ป้าย Kyokai-iriguchi ได้



จุดเด่นอย่างต่อมาของ Amakusa ก็คือ… เป็นสถานที่ล่องเรือชมโลมา โดยเฉพาะโลมาปากขวดมีมากมายกว่า 200 ชีวิต ที่สำคัญชมกันได้ตลอดทั้งปี และแทบจะการันตีได้ว่าถ้านั่งเรือออกไป ต้องได้เห็น!! (โอกาสเห็นถึง 98% เชียวนะ)
L’isola Terrace Amakusa จุดช้อปปิ้ง พักผ่อน กินอาหาร กินขนม ชมวิว เดินชิล … แล้วยังเป็นจุดลงเรือไปชมโลมาของพวกเราด้วย (^^)
ข้อมูลเพิ่มเติม L’isola Terrace Amakusa >> http://www.lisolaterrace.com/#!page1
การมีโลมาที่นี่เป็นสิ่งที่ดีนะ นอกจากจะเป็นตัววัดความอุดมสมบูรณ์ของทรัพยากรทางทะเลแล้ว ยังสร้างความอุดมสมบูรณ์ด้วยนะ แล้วฝูงโลมายังช่วยป้องกันไม่ให้ฉลามเข้ามาในบริเวณชายฝั่ง ชาวประมงแถบนี้ก็สามารถดำรงชีวิตได้อย่างปลอดภัยเวลาดำน้ำทำประมงนู่นนี่ ดังนั้นคนที่นี่จึงทำประมงโดยไม่ใช่ตาข่าย คนกับสัตว์จะได้อยู่ร่วมกันได้อย่างมีความสุข
เพื่อนๆ คนไหนสนใจจะมาชม ก็สามารถจองและสอบถามทริปล่องเรือชมโลมาของที่นี่ได้ที่ Amakusa Treasure Island Tourism Association (โทร. 0969-26-4500) เรือออกวันละ 5 เที่ยว 10.00 น., 11.30 น., 13.00 น., 14.30 น. 16.00 น. (ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง) เที่ยวละประมาณ 15 คน ราคาผู้ใหญ่ 2,500 เยน เด็กประถม 1,500 เยน เด็ก 2 ขวบขึ้นไป 500 เยน
ข้อมูลเพิ่มเติม Dolphins Watching >> http://www.seacruise.jp/cruise/dcruise/index.html
นอกจากนี้ที่ Amakusa ยังมีกิจกรรมอีกหลากหลาย เช่น ล่องเรือท้องกระจก พายเรือคายัคในทะเล เล่นเวคบอร์ด ฯลฯ
ทริปนี้มาเกาะใต้ อาหารการกินก็เยอะ ของทะเลก็เพียบ งานนี้ก็ต้องจัดร้านซูชิดังแห่ง Amakusa นิ๊ดนุง Yakko Sushi ดูด้านนอกนึกว่าเป็นร้านเล็กๆ เข้าไปแล้วก็ไม่ได้เล็กอะไรมากมาย แต่ที่สำคัญปกติจะจองยากมากกกกก อยู่ไม่ไกลจากโรงแรม Amakusa Prince Hotel Kumamoto เท่าไร เปิด 2 เวลา 12.00 – 14.30 น. แล้วก็ 17.30 – 21.00 น.
ข้อมูลเพิ่มเติม ร้าน Yakko Sushi >> http://www.t-island.jp/gourmets/奴寿司
การเดินทางสู่ Amakusa นั้น สามารถนั่งรถบัสมาจากสถานี Kumamoto ไปลงป้าย Hondo Bus Center ที่ Amakusa ใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง 20 นาที นอกจากนี้ยังไม่ไฟล์ทในประเทศจากสนามบิน Fukuoka (35 นาที) และ Kumamoto (20 นาที) มาลงที่สนามบิน Amakusa ด้วยนะ …เจ๋งปะละ มีสนามบินเป็นของตัวเอง
เราอยู่กันที่ Amakusa กัน 3 คืน …ไปเที่ยวงาน ONE KYUSHU FES กันสองวัน แต่ก็ยังมีโอกาสได้เที่ยวที่อื่นๆ ใน Amakusa หลายจุดเหมือนกัน แต่ก่อนจะกลับเมืองไทย เราก็แวะเที่ยวในเมือง Kumamoto กันนิดนุง แล้วค่อยไปสนามบิน ไม่ได้เที่ยวในเมือง เดี๋ยวลงแดง ฮะ ฮะ
ขากลับแวะที่ Misumi Nishikou อีกสักรอบ (ขากลับโชคดี เป็นวันที่สะพานใหม่ที่จะสร้างขึ้นแทนสะพานที่ 1 ซึ่งเก่ามากแล้ว ประกอบมาชนกันพอดี คนย่านนี้เลยมาถ่ายรูปกันเพียบ) ที่นี่เปิดในปีค.ศ. 1887 เคยใช้เป็นท่าเรือขนส่งถ่านหินนะ แต่สร้างซะอย่างดูดีทีเดียว ยังเก็บสภาพเดิมๆ ไว้อย่างค่อนข้างสมบูรณ์ ไม่ว่าจะเป็นโกดังสินค้า (Old Misumi Marine Transportation Warehouse) อาคารสไตล์ตะวันตกที่เคยใช้ประโยชน์เป็นห้องสมุด ห้องซื้อขายสินค้า (Old Takada Shipping Office) โรงแรมในสมัยก่อน ฯลฯ ก็ยังอยู่ …เห็นนักท่องเที่ยวชาวญี่ปุ่นมากันเป็นกรุ๊ปบ้าง มากันเป็นคู่บ้าง เป็นแก๊งค์บ้าง มาดูอาคารประวัติศาสตร์พวกนี้กันเยอะเชียวค่ะ
เข้าเมืองก็แวะไปดูปราสาท Kumamoto แป๊บนึง … อย่างที่บอก มาถึงนี่ก็ต้องเข้าเมืองมาดูอะไรกันบ้าง แต่ที่ตั้งใจแวะมาที่ปราสาทแห่งนี้ เพราะเราอุตส่าห์มางาน ONE KYUSHU FES ที่เป็นส่วนหนึ่งของโครงการช่วยฟื้นฟูคุมาโมโต้จากเหตุการณ์แผ่นดินไหวใหญ่ งั้นก็ขอมาดูความคืบหน้าการบูรณะปราสาทที่เสียหายอย่างหนักกันหน่อย



ดูจากสภาพแล้ว หนักจริง! ปกติปราสาทแห่งนี้จะเปิดให้เข้าชมถึงด้านในปราสาทเลยนะ แต่มาคราวนี้ ได้แต่ยืนมองข้ามคูน้ำ อารมณ์ประมาณมองหลังคาบ้านสาวอะไรอย่างนี้เลย เขายังไม่เปิดให้เข้าชม… เสียหายหนักจริงจัง แต่บริเวณสวนสาธารณะด้านนอกปราสาทนี่ก็ยังมีนักท่องเที่ยว มาเที่ยว มาชม มาถ่ายรูปกันนะ ไม่ได้หายจ้อยไปหมดล่ะ จากนั้นเราก็เดินไปช้อปปิ้งไม่ไกลจากปราสาทเท่าไรนัก ก่อนจะเดินทางสู่สนามบินคุมาโมโต้ แล้วนั่งไปต่อเครื่องที่สนามบินฮาเนดะเพื่อกลับเมืองไทย

เอาจริงๆ แล้วทริปนี้เราเน้นอยู่ที่ Amakusa เป็นส่วนใหญ่ … แล้วก็มีระยะเวลาในการเดินทางแค่ไม่กี่วัน แต่กลับรู้สึกว่าได้อะเยอะแยะเลยแหล่ะ เวลาน้อย แต่คุ้มค่า แอบติดใจแล้ว คราวหน้ามาใหม่ เอาทริปสั้นๆ แบบนี้ แต่ได้เที่ยวไม่มากไป ไม่น้อยไปแบบนี้อีก ก็ดีนะ
หวังว่าเพื่อนๆ จะรู้จักกับสถานที่ท่องเที่ยวใหม่ๆ ในญี่ปุ่นกันมากขึ้นนะคะ คราวหน้าเราจะพาไปเที่ยวที่ไหนกันต่อ อย่าลืมติดตามกันนะคะ สำหรับคราวนี้ สวัสดีค่ะ (^^)/
เรื่องแนะนำ :
– เที่ยวคิวชู ตอน Amakusa เกาะสวรรค์แห่งคุมาโมโตะ 1
– รีวิวเที่ยวญี่ปุ่น ซัปโปโร – เกียวโต ทริปเดียวก็เที่ยวได้ ตอนที่ 3 : เที่ยวเกียวโต
– รีวิวเที่ยวญี่ปุ่น ซัปโปโร – เกียวโต ทริปเดียวก็เที่ยวได้ ตอนที่ 2 : Jozankei Onsen
– รีวิวเที่ยวญี่ปุ่น ซัปโปโร – เกียวโต ทริปเดียวก็เที่ยวได้ ตอนที่ 1 : มุ่งสู่ Sapporo
ขอบคุณข้อมูลและรูปภาพ :
http://www.travel-around-japan.com/k94-06-amakusa.html
https://www.jnto.go.jp/eng/regional/kumamoto/amakusa.html