ตะลุยเที่ยว 3 จังหวัดบนเกาะชิโกกุ (Shikoku) ตอนที่ 2 “Ehime” .. ตอนที่แล้ว ไปเที่ยวกันที่ Kagawa จังหวัดที่เล็กที่สุดในญี่ปุ่นกันมาแล้ว ในตอนนี้เราจะมุ่งตะวันตก ไปเที่ยวกันต่อที่จังหวัด Ehime
มาเที่ยวเกาะชิโกกุ (Shikoku) กันต่อ…
หลังจากที่ในตอนที่แล้ว เราได้ไปเที่ยวกันในจังหวัด Kagawa จังหวัดที่เล็กที่สุดในญี่ปุ่นกันมาแล้ว ในตอนนี้เราจะมุ่งตะวันตก ไปเที่ยวกันต่อที่จังหวัด Ehime บ้านไกลเรือนเคียงกัน
Kirosan Observatory Park
เมื่อมาถึงจังหวัด Ehime เราก็ขับรถผ่านทุกสิ่งอย่าง ข้ามทุกเมืองไป แล้วข้ามทะเลในเซโตะ (Seto Inland Sea) ไปอีกครึ่งทาง จนเกือบข้ามไปฝั่งจังหวัด Hiroshima กันเลยทีเดียว เพื่อไปยังจุดชมวิวที่สวยมากๆ นั่นก็คือ “Kirosan Observatory Park” ซึ่งอยู่บนเกาะ Oshima หนึ่งในหกเกาะย่อยในระแวกนี้ ที่อยู่บนเส้นทางการปั่นจักรยานที่มีชื่อเสียง “Shimanamikaido”
จากจุดนี้ เราจะหันหน้าเข้าหากลับเข้าหาเกาะชิโกกุ จะเห็นจังหวัด Ehime เต็มๆ ตา ด้วยความสูงถึง 308 เมตรเหนือระดับน้ำทะเล แต่วิวที่โดดเด่นที่สุดของที่นี่ก็คือสะพาน Kurashima Kaikyo ที่เราเพิ่งจะข้ามกันมาจากฝั่ง Ehime นั่นแหล่ะ จุดนี้จะมีฉากหลักสวยงามเป็นเกาะเล็ก เกาะน้อย และวิวทะเลในเซโตะ ซึ่งหากเรามาในช่วงพระอาทิตย์ตกดินนะ จะยิ่งเลิศมาก เพราะแสงสีทองสะท้อนน้ำทะเล แบบว่า.. ทรงเสน่ห์สุดๆ ไปเลย
นอกจากนี้ ที่ Kirosan Observatory Park ยังได้รับการออกแบบก่อสร้างโดยสถาปนิกคนดังของญี่ปุ่นอีกด้วย (Kengo Kuma) จึงมีโครงสร้างที่แปลก แหวกแนว ไม่เหมือนใคร มีเอกลักษณ์มากทีเดียว … ย้ำอีกทีว่าสถาปนิกคนนี้ดังมาก ก็เขาเป็นผู้ออกแบบสนามกีฬาโอลิมปิกที่จะใช้ใน Tokyo 2020 Olympic ด้วยยังไงล่ะ
สำหรับสะพาน Kurushima Kaikyo ที่เราเห็นจากวิวนี้ ก็เป็น 1 ใน 3 สะพานที่ใช้เชื่อมต่อระหว่างเกาะใหญ่ Honshu ของญี่ปุ่น กับเกาะเล็ก Shikoku นั่นเอง โดยข้ามระหว่างจังหวัด Ehime (เมือง Imabari เกาะ Shikoku) และจังหวัด Hiroshima (เมือง Onomichi เกาะ Honshu)
สะพานนี้เป็นส่วนหนึ่งของเส้นทางปั่นจักรยานข้ามทะเล ชิมานามิไคโดะ (Shimanami Kaido) ที่มีความยาวรวมเป็นระยะทางถึง 60 กิโลเมตร เชื่อมเกาะสำคัญๆ อีก 6 เกาะ
Kirosan Observatory Park
ที่ตั้ง : 487-4 Minamiura, Yoshiumi-cho, Imabari-City, Ehime, 794-2114
เปิดบริการ : ตลอดปี ไม่มีวันหยุด
ค่าเข้าชม : ฟรี
การเดินทาง : ขับรถ, ปั่นจักรยาน (บรรดานักปั่นนิยมทำกัน แต่ไม่ใช่ปั่นขึ้นนะ แม้แต่มืออาชีพก็ต้องจูงขึ้นไป เพราะทางค่อนข้างชัน), เดินขึ้นเขาไปได้
เว็บไซต์ : http://www.oideya.gr.jp/spot/area_shimanami/view/kirosan.htm (ภาษาญี่ปุ่น)
Yoshiumiikiikikan Rest Area
กลับลงมาที่เชิงเขา Kironsan ที่บริเวณด้านล่างจะมีจุดแวะพักรถ เรียกว่า โยชิอุมิ อิคิอิคิคัง (Yoshiumi Ikiiki-kan) อยู่ ถือเป็นจุดแวะพักกลางทาง (Road Station) ที่ครบเครื่องมาก นอกจากจะมีห้องน้ำสะอาดๆ ให้แวะพัก มุมจำหน่ายของฝากแล้ว ยังมีร้านอาหารทะเล แบบจัดเต็มให้เราเลือกมานั่งปิ้ง นั่งย่างบนเตาถ่านกันได้อย่างสนุกสนาน อาจจะเป็นมื้อกลางวันที่ออกจะหัวเหม็นหน่อย แต่อร่อยคุ้มค่า จะเลือกแบบเซ็ตหรือไปจิ้มเอาเองเลยก็ได้ว่าอยากกินอะไร ราคาเท่าไร
ใกล้ๆ กัน ยังเป็นจุดขึ้นเรือชมกระแสน้ำขึ้น-น้ำลง แห่งช่องแคบ Kurushima ซึ่งอยู่ใต้สะพาน Kurushima Kaikyo นั่นเอง เป็นไฮไลน์สำคัญของกิจกรรมในแถบนี้เช่นกัน เดินไปแค่นาทีเดียวก็ถึงท่าเรือแล้ว
Yoshiumiikiikikan Rest Area
ที่ตั้ง : 4520-2, Yoshiumicho Myo, Imabari-shi, Ehime, 794-2114
เปิดบริการ : 09.00 – 17.00 น.
การเดินทาง : เป็นจุดแวะพักทางรถ แต่ใครปั่นจักรยานมา ก็เหมาะสมอยู่ แวะมาได้ ถ้าขับรถมาก็อยู่ห่างจาก Oshima South Interchange ประมาณ 2 นาทีเท่านั้น จอดรถฟรี ไม่เสียสตางค์
เว็บไซต์ :
http://www.imabari-shimanami.jp/ikiiki/barbecue.html
http://www.imabari-38.placereview.jp/yoshiumiikiikikan-rest-area.html
http://www.skr.mlit.go.jp/road/rstation/station/yoshiu.html
http://www.imabari-shimanami.jp/English-shimanami/English-no3.html
Sunrise Itoyama Rental Bike Terminal
เมื่อมายังเมืองที่มีเส้นทางปั่นจักรยานที่เรียกว่ามีชื่อเสียงติดอันดับโลก อย่าง “Shimanami Kaido” ทั้งที จุดที่เราจะไม่แวะไปเลย ก็คงจะเป็นร้านเช่าจักรยานนี่แหล่ะ มาเช็คราคา และวิธีการเช่า การคืนรถ สักหน่อย
(เสียดาย ถ้าพอมีเวลา ก็อยากจะลองปั่นดูสักหน่อย แต่คงต้องใช้เวลาอย่างน้อยหนึ่งวันถึงจะดี ดังนั้น .. ขอบายไปก่อนในคราวนี้ โอกาสหน้ายังมี ขออย่าให้คาดแคล้วกันอีกเลย สาธุ…)
เรามากันที่ Sunrise Itoyama ซึ่งตั้งอยู่ใน Imabari Central Cycling Terminal เชิงสะพาน Kurushima Kaikyo ทางฝั่งเมือง Imabari จังหวัด Ehime
โดยจักรยานก็มีหลายแบบให้เราเลือกเช่า ทั้งแบบปั่นธรรมชาติ และแบบไฟฟ้า สำหรับเด็ก สำหรับครอบครัว มีหมด ราคาจะต่างกันนิดหน่อย เริ่มต้นอยู่ที่ 1,000 เยนต่อวัน (มัดจำอีก 1,000 เยนด้วยนะ) ยกเว้นจักรยานไฟฟ้าที่ราคา 1,300 เยนต่อ 6 ชั่วโมง โดยมีจุดคืนจักรยานอยู่หลายแห่ง ไม่จำเป็นต้องคืนที่เดิมในจุดที่เราเช่าก็ได้
Sunrise Itoyama Rental Bike Terminal
ที่ตั้ง : 2 Chome-8-1, Sunabacho, Imabari-shi, Ehime, 794-0001
เปิดบริการ : 08.00 – 20.00 น. (เม.ย. – ก.ย.) / 08.00 – 17.00 น. (ต.ค. – มี.ค.)
ค่าเข้าชม : ผู้ใหญ่ 1,000 เยน/วัน (มัดจำ 1,000 เยน) / เด็กต่ำกว่า 12 ขวบ 300 เยน/วัน (มัดจำ 500 เยน) / จักรยานไฟฟ้า 1,500 เยน/6 ชั่วโมง (มัดจำ 1,000 เยน)
เว็บไซต์ : http://www.sunrise-itoyama.jp/archives/english/
Towel Museum
พิพิธภัณฑ์ผ้าขนหนูที่หลายคนฟังแค่ชื่อ ก็คิดว่าไม่น่าจะมีอะไรน่าสนใจ แต่ที่นี่นะ บอกเลยว่าน่าประทับใจสุดๆ มีผ้าขนหนูสารพัดแบบ สารพัดลาย สารพัดสี สารพัดระดับของความนุ่ม และบางอย่างก็หาซื้อจากที่อื่นไม่ได้ รวมถึงบางอย่าง ต่อให้อยากได้ เขาก็ไม่ขาย
ที่นี่ถือเป็นพิพิธภัณฑ์ผ้าขนหนูแห่งแรกของโลก นอกจากจะมีการจัดแสดงกระบวนการการผลิตผ้าขนหนู ในระดับโรงงานแล้ว ยังมีสวนที่สวยงาม และมีคาเฟ่อย่าง Garden café กับ Moomin café ให้มาจิบน้ำชากาแฟกันอย่างชิลๆ อีกด้วย ที่สำคัญร้านจำหน่ายผลิตภัณฑ์ผ้าขนหนูเจ๋งๆ เยอะมากกกกก
และไม่ได้มีดีแค่ในส่วนของผ้าขนหนูแบบต่างๆ ที่ทำออกมาจำหน่ายเท่านั้น (แต่แค่เดินในร้านช้อปมากมายเหล่านี้ ก็ตาลาย อยากได้ อยากซื้อไปหมดแล้วล่ะ) ในส่วนของพิพิธภัณฑ์ก็เจ๋งโคตรๆ แถมยังเปลี่ยนธีมไปเรื่อยๆ ทุก 3 เดือน คุ้มค่าเข้าชม บอกเลย!
เอาจริงๆ นะ ถ้าให้เดินทั้งตึก แบบดื่มด่ำ ชิลไปเรื่อยๆ เพลิดเพลินไปกับมันจริงๆ 2 – 3 ชั่วโมงยังอยู่ได้เลย
มาที่นี่แล้ว จะไม่รู้สึกแปลกใจเลยว่า ทำไม “ผ้าขนหนู” จึงเป็นของขึ้นชื่อประจำเมือง Imabari และจังหวัดเอฮิเมะ
Towel Museum
ที่ตั้ง : 2930 Asakurakami-ko, Imabari City, Ehime, 799-1607
เปิดบริการ : เปิดบริการทุกวัน ตั้งแต่เวลา 09.30 – 18.00 น. (เสาร์-อาทิตย์ และวันหยุดต่อเนื่องนักขัตฤกษ์ เปิดถึง 20.00 น.)
ค่าเข้าชมพิพิธภัณฑ์ : ผู้ใหญ่ 800 เยน / มัธยม 600 เยน / ประถม 400 เยน
การเดินทาง : จากสถานี JR Imabari ต่อแท็กซี่มาประมาณ 25 นาที (^^)”
เว็บไซต์ :
http://www.towelmuseum.com/information.php (ภาษาญี่ปุ่น)
https://www.imabaritowel.jp/en
Dogo Onsen
มาถึงจังหวัดเอฮิเมะทั้งที ถ้าไม่ได้มาเยือนเมืองออนเซ็นเก่าแก่ที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานกว่า 3,000 ปี อย่าง Dogo Onsen ถือได้ว่า … มาไม่ถึง จริงๆ เพราะถือเป็นจุดท่องเที่ยวไฮไลท์สำคัญของจังหวัดเลยทีเดียว
โดยในครั้งนี้ เราไม่ได้เข้าไปที่โรงแช่น้ำแร่ออนเซ็นเก่าแก่ (Dogo Onsen Honkan) ซึ่งกำลังจะปิดปรับปรุงขนานใหญ่ (มันสวยงาม และดูขลังมากๆ แต่มันก็เก่าจริงๆ จำเป็นต้องบูรณะแล้วล่ะ) แต่เราเข้าไปชมโรงแช่น้ำแร่ออนเซ็นที่สร้างขึ้นมาใหม่ (Dogo Onsen Annex หรือ Asuka no yu) เพื่อรองรับนักท่องเที่ยวที่จำนวนมากขึ้น และรับมือกับการปิดปรับปรุงโรงแช่น้ำแร่ออนเซ็นเก่าด้วย มิฉะนั้น เมืองออนเซ็นที่มีชื่อเสียงแห่งนี้ อาจจะรับมือกับนักท่องเที่ยวที่ต้องการมาแช่น้ำแร่ออนเซ็นของเมืองนี้ไม่อยู่ก็เป็นได้ ข้อดีอีกอย่างหนึ่งก็คือ ในส่วนของ Annex นี้ มีห้องแบบ Private เยอะมาก มาเป็นแก๊งค์ เป็นครอบครัว ได้เลย (^^)/
ในส่วนที่สร้างใหม่นี้ อยู่ไม่ไกลมากจากโรงแช่น้ำแร่ออนเซ็นเก่า ใช้ชื่อว่า ‘Asuka no yu’ ซึ่งอยู่ติดกับส่วนที่เรียกว่า ‘Tsubaki no yu’ สองส่วนนี้ ดูรวมๆ แล้ว ค่อนข้างใหญ่ น่าจะพอจะรับมือกับนักท่องเที่ยวจำนวนมากได้ แม้ว่าขนาดตอนที่เราไปเยือน จะไม่ใช่ช่วงเทศกาล ก็ยังมีคนมาใช้บริการกันเยอะเชียวนะ
แอบเสียดายที่โรงอาบน้ำเก่า (Dogo Onsen Honkan) ซึ่งได้ 3 ดาว Michelin Green Guide Japan เมื่อปี 2009 แถมยังเคยบูรณะไปแล้วเมื่อปี 1894 จะต้องเริ่มทยอยบูรณะครั้งใหญ่อีกแล้ว และคงใช้เวลานานพอสมควรเลยทีนี้ แต่.. มันก็จำเป็นอ่ะนะ (><)
อ้อ! มีอีกหนึ่งเกร็ดเล็กเกร็ดน้อยมาฝากด้วย ขอเอาใจแฟนๆ animation จากค่าย Studio Ghibli ด้วยการบอกว่า Dogo Onsen นี่แหล่ะ ที่เป็นต้นแบบของฉากในเรื่อง Spirited Away แล้วจะพลาดกันได้อย่างไรล่ะ 😉
Dogo Onsen Annex Asuka no Yu
ที่ตั้ง : 19-22 Dogo Yunomachi, Matsuyama, Ehime 790-0842
เปิดบริการ : แต่ละส่วนเวลาเปิดทำการแตกต่างกันเล็กน้อย โดยรวมแล้วจะอยู่ระหว่าง 06.00 – 10.00 น.
ค่าบริการ : เริ่มต้นที่ผู้ใหญ่ 600 เยน เด็ก 300 เยน ถ้าใช้บริการอะไรๆ ที่พิเศษหน่อย ก็จะเป็นราคาที่สูงขึ้น
การเดินทาง : อยู่ไม่ไกลจากสถานีรถราง (tram) Dogo Onsen เดินเท้าไม่ถึง 5 นาที
เว็บไซต์ :
https://dogo.jp/en/
http://en.matsuyama-sightseeing.com/special/asukanoyu/
https://dogo.jp/en/honkan.php
https://dogo.jp/en/tsubaki.php
Yamatoya Honten
ทริปนี้ เราเที่ยวกันในจังหวัดเอฮิเมะกัน 2 วัน 1 คืน โดยพักกันที่ Dogo Onsen ที่โรงแรมใกล้ๆ กับโรงแช่ออนเซ็นเก่าแก่ประจำเมือง ชื่อว่า “Yamatoya Honten”
ที่นี่เป็นโรงแรมแบบญี่ปุ่น (Ryokan) แต่ก็มีห้องพักทั้งสองแบบ ทั้งแบบญี่ปุ่น และแบบตะวันตก โดยรวมของโรงแรมแห่งนี้แล้ว มีความสวยงามในแบบดั้งเดิม ผสมความทันสมัยด้วย ดีงามอยู่
Yamatoya Honten
ที่ตั้ง : 20-8 Yunomachi, Matsuyama, Ehime 790-0842
การเดินทาง : นั่งแท็กซี่จากสถานี JR Matsuyama มาประมาณ 20 นาที แต่เดินมาจากสถานีรถราง Dogo Onsen ได้ ประมาณ 5 นาที
เว็บไซต์ : http://www.yamatoyahonten.com/english/footer/
Botchan Train
Dogo Onsen ตั้งอยู่ในเมือง Matsuyama ซึ่งเป็นเมืองหนึ่งที่มีรถรางเก่าแก่ และยังคงให้บริการอยู่ มีขบวนไฮไลท์ชื่อว่า “Botchan” ซึ่งในยามที่ยังไม่ได้วิ่งให้บริการ ก็จะจอดอยู่หน้าสถานี Dogo Onsen เลย แต่เมื่อถึงเวลาที่ต้องออกมาวิ่งให้บริการ … ก็จะถูกถอยมาเข้ารางปกติ แล้วก็วิ่งบริการ บนรางเดียวกับรถรางที่มีหน้าตาสมัยใหม่ ที่ให้บริการอยู่ในทุกวันนี้ และสามารถเดินทางไปยังจุดสำคัญๆ ต่างๆ ในเมือง Matsuyama โดยเฉพาะจุดท่องเที่ยวต่างๆ
แล้ว Botchan ยังถูกกล่าวถึงในนิยายของนักเขียนคนดัง Soseki Natsume อีกด้วย ซึ่ง Botchan นี้ แต่เดิมเป็นรถรางเก่า ที่ปลดประจำการไปแล้ว กระทั่งนำกลับมาให้บริการอีกครั้งในเดือนตุลาคม ปี 2001 ก็กลายเป็นจุดดึงดูดนักท่องเที่ยวอย่างหนึ่งของเมือง Matsuyama ไปเลย
Matsuyama Castle Raku-toku Ticket (Botchan Train by Iyo Railway)
จุดจำหน่าย : 6 แห่งในเมือง Matsuyama รวมทั้งที่ Dogo Onsen Station Ticket Counter
เปิดบริการ : ตารางเดินรถ Botchan Train แต่ละวันแตกต่างกัน ต้องเช็คล่วงหน้า
ค่าบัตรรถไฟ : บัตรรถไฟพิเศษ Botchan 2 วัน ผู้ใหญ่ 1,700 เยน เด็ก 740 เยน (รวมค่าเข้าปราสาทมัตสึยามะ ค่ากระเช้า ค่าเข้าชมสวน Ninomaru Historical Garden)
เว็บไซต์ : http://www.iyotetsu.co.jp/bus/global/en/
Matsuyama Castle
ปราสาทสำคัญประจำแถบนี้ มีชื่อว่า ‘Matsuyama Castle’ ซึ่งเราสามารถนั่ง Botchan หรือรถรางปกติมาได้ โดยในครั้งนี้ เราใช้ตั๋วรวม ที่สามารถนั่งทั้ง Botchan หรือรถรางปกติ รวมไปถึงสามารถใช้ขึ้นโรปเวย์ หรือแชร์ลิฟต์ และใช้เป็นบัตรเข้าชมปราสาทมัตสึยามะได้ด้วย คุ้มค่า แถมไม่ต้องเสียเวลามาคอยจ่ายสตางค์ในทุกๆ จุดอีกด้วยนะ
ปราสาทมัตสึยามะ (Matsuyama) เป็นปราสาทที่ใหญ่ที่สุดบนเกาะชิโกกุ สามารถนั่งรถราง (tram) มาลงที่สถานี Okaido จากนั้นก็ข้ามถนนไปยังสถานีกระเช้า จะนั่งกระเช้าหรือแชร์ลิฟต์ขึ้นไปบนเขา เพื่อเดินต่อไปยังปราสาทได้อย่างที่บอกไปก่อนหน้านี้
เมื่อขึ้นกระเช้าหรือแชร์ลิฟต์ไปบนภูเขา ใกล้บริเวณหน้าปราสาท เป็นสวนที่ปลูกต้นซากุระ ถือเป็นจุดชมดอกซากุระที่มีของเกาะชิโกกุอยู่เหมือนกัน
จากบนปราสาท Matsuyama สามารถมองเห็นวิวทิวทัศน์รอบเมือง รวมไปถึงทะเลในเซโตะ (Seto Inland Sea) อีก ด้วย
Matsuyama Castle
ที่ตั้ง : 1 Marunouchi, Matsuyama-shi, Ehime
เปิดบริการ : 09.00 – 17.00 น. (แล้วแต่ฤดูกาล)
ค่าเข้าชม : ผู้ใหญ่ 510 เยน / เด็กต่ำกว่า 12 ขวบ 150 เยน
การเดินทาง : จากสถานี JR Matsuyama นั่งรถรางไปลงสถานี Okaido ต่อกระเช้าหรือแชร์ลิฟต์ขึ้นไปยังปราสาทได้เลย
เว็บไซต์ : http://www.matsuyamajo.jp (ภาษาญี่ปุ่น)
Goshiki Somen
กลับลงมาจากปราสาท Matsuyama เราก็แวะไปกินกลางวันกันที่ร้านอาหารที่มีเอกลักษณ์ และเป็นที่รู้จักในหมู่นักท่องเที่ยวไม่น้อย นั่นก็คือ Goshiki Somen หรือร้านโซเม็ง 5 สี
เส้นโซเม็งที่นี่ รสชาติดี เส้นนุ่มละมุนละไม น้ำซุปก็อร่อย เป็นสูตรลับที่ตกทอดกันมากจากรุ่นสู่รุ่นกว่า 360 ปี และแต่ละสี เป็นสีธรรมชาติ ที่ได้มาจากแหล่งที่แตกต่างกัน (สีเหลือง ได้จากไข่ สีเขียว ได้จากผงชาเขียว สีน้ำตาล ได้จากผงแป้งโซบะ สีแดงได้จากบ๊วย และสีขาว เป็นสีดั้งเดิมของตัวแป้ง) เส้นทั้งหมดทำด้วยมือ เหนียวนุ่ม เป็นทั้งอาหารตาและอาหารปาก
โดยแม้โซเม็งจะอาหารประเภทเส้นที่นิยมกินกันมากในช่วงฤดูร้อน แต่ที่ร้านนี้ เป็นที่นิยมตลอดทั้งปี
และนอกจากจะสามารถแวะมาลิ้มลองกันได้แล้ว ยังเป็นของฝากที่น่าสนใจไม่น้อย ถ้าซื้อไปฝากคนที่ชอบทำอาหาร หรือคนที่ชอบลิ้มลองของอร่อย น่าจะชอบกันอย่างแน่นอน
Goshiki Somen
ที่ตั้ง : 3-5-4 Sanbancho, Matsuyama-shi, Ehime 790-0003
เปิดบริการ : 11.00 – 15.00 น. / 17.00 – 23.00. น. (ปิดช่วงส่งท้ายปีเก่า ต้อนรับปีใหม่)
ค่าอาหาร : มื้อกลางวัน ราว 1,000 เยน มื้อเย็น ราว 3,000 เยน
การเดินทาง : เดินจาก Tram สาย Jonan ของ Iyo Railway สถานี Okaido ไปประมาณ 6 นาที
เว็บไซต์ : https://s422500.gorp.jp/ (ภาษาญี่ปุ่น)
Garyu Sanso Mountain Villa
หลังจากนั้น เราก็ได้เวลาเดินทางออกนอกเมือง ไปยังหมู่บ้านดั้งเดิม Garyunofuchi ในเมือง Ozu ทางตะวันตกเฉียงใต้ของจังหวัด Ehime ที่ตั้งอยู่เลียบแม่น้ำ Hiji วิวทิวทัศน์จากบ้านเรือนยุคเก่าแถบนี้จึงสวยงามมากๆ โดยมีวิวแม่น้ำเป็นฉากหลัง มีสวนญี่ปุ่นแบบเก่า ที่ดูทั้งสงบ และงดงาม ให้บรรยากาศคล้ายๆ กับเมืองเก่าเกียวโตในหลายๆ จุด จึงเป็นอีกสถานที่หนึ่งที่ได้รับฉายานามว่า Little Kyoto
โดยมีบ้านเก่า “Garyu Sanso Mountain Villa” เป็นจุดท่องเที่ยวที่สำคัญ เนื่องจากเป็นบ้านดั้งเดิมของพ่อค้าใหญ่ Kochi Torajiro ในสไตล์ Sukiya-zukuri ที่สร้างขึ้นราวปี 1907 มีอีกฉายานามหนึ่งว่า “Katsura Imperial Villa” แห่งเมือง Ozu เพราะมีสวยงามที่ความคล้ายคลึงกันกับ Katsura Imperial Villa ของราชวงศ์ญี่ปุ่นในเมืองเกียวโต สงบและงดงาม สมชื่อ Garyu (Sleeping Dragon) จริงๆ
ที่นี่ได้รับการบันทึกให้เป็นสมบัติทางวัฒนธรรมแห่งชาติของญี่ปุ่นเมื่อปี 2016 และ Michelin Green Guide Japan ยังบันทึกให้ Garyu Sanso Mountain Villa ได้เป็นสถานที่ท่องเที่ยวระดับ 1 ดาวของญี่ปุ่น เมื่อปี 2011 อีกด้วย
Garyu Sanso Mountain Villa
ที่ตั้ง : 411-2 Ozu-shi, Ehime 795-0012
เปิดบริการ : 09.00 – 17.00 น. (ในวันอาทิตย์และวันหยุดนักขัตฤกษ์ ระหว่างเดือนเม.ย. – ต.ค. จะมีการแสดงพิธีชาด้วย)
ค่าเข้าชม : ผู้ใหญ่ 500 เยน เด็ก 200 เยน (มีบัตรรวมค่าเข้าทั้ง Garyu Sanso Mountain Villa และ Ozu Castle ด้วย ผู้ใหญ่ราคา 800 เยน เด็ก 300 เยน)
การเดินทาง : นั่ง Taxi จากสถานี JR Ozu ไปประมาณ 5 นาที หรือจะเดินชมย่านเมืองเก่า Ozu ไปเรื่อยๆ ก็ได้ (จากสถานี Iyo-Ozu เดินประมาณ 25 – 30 นาที)
เว็บไซต์ :
http://www.garyusanso.jp/ (ภาษาญี่ปุ่น)
http://www.city.ozu.ehime.jp/uploaded/attachment/23271.pdf
Omoide Souko (Omoide Warehouse)
ไม่ไกลจาก Garyu Mountain Villa เป็นที่ตั้งของ Omoide Souko ที่ตั้งอยู่ติดกับตึกอิฐแดง (Ozu Redbrick Hall) ที่เป็นจุดไฮไลท์ทางประวัติศาสตร์สำคัญของย่านเมืองเก่า Ozu นี้เช่นกัน เพราะเคยเป็นธนาคารพาณิชย์เก่าแก่ สร้างขึ้นในสไตล์ตะวันตกที่นิยมกันในช่วงสมัยเมจิ ปัจจุบันเป็นแกลอรี่และเป็นจุดนั่งพักของนักท่องเที่ยวที่มาเยือนเมืองนี้
โดย Omoide Souko แห่งนี้เป็นส่วนหนึ่งของ Pokopen Yokocho Plaza ตรอกที่จะเปิดให้บริการเฉพาะวันอาทิตย์ ในเดือนเม.ย. – พ.ย. และทุกวันอาทิตย์ที่ 3 ของเดือนธ.ค. – มี.ค. ตั้งแต่ 10.00 – 15.30 น.) เป็นลักษณะของร้านค้าแผงลอย ทำจากไม้ สร้างขึ้นมาใหม่ จำลองบรรยากาศของย่านการค้าที่นี่ในช่วงปี 1950s
ในส่วนของ Omoide Souko นั้น จะเป็นพิพิธภัณฑ์ขนาดเล็ก แสดงข้าวของสไตล์ Retro ในยุคโซวะ (1926 – 1989) มีทั้งของเล่น ยานพาหนะ จำลองร้านตัดผมมาทั้งร้าน และที่โดดเด่นมาก คือมุมผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับ Coco Cola ที่น่าจะมีคนชื่นชอบกันอยู่ไม่น้อย
Omoide Souko
ที่ตั้ง : 103 Ozu, Ehime
เปิดบริการ : 09.30 – 16.30 น. (ปิดบริการ 29 – 31 ธ.ค.)
ค่าเข้าชม : ผู้ใหญ่ 200 เยน เด็ก 100 เยน
การเดินทาง : เดินประมาณ 20 นาที จากสถานี Iyo-Ozu
เว็บไซต์ :
http://www.city.ozu.ehime.jp/site/kanko/1227.html
http://www.city.ozu.ehime.jp/uploaded/attachment/23271.pdf
Uchiko Town
ไม่ไกลกันมาจากเมือง Ozu คือเมือง Uchiko ซึ่งทั้งสองเมืองนี้ค่อนข้างเฟื่องฟูในสมัย Meiji (1912 – 1926) ถึงต้น Showa (1926 – 1989) โดยทั้งสองเมืองมีชื่อเสียงว่าเป็นแหล่งผลิตเทียนไข (ทำจากถั่ว) และผ้าไหมขึ้นชื่อในยุคนั้น
โดยเฉพาะ Uchiko เป็นศูนย์กลางการส่งออกเทียนไปยังต่างประเทศเลยทีเดียว ในยุคนั้นที่นี่จึงเจริญรุ่งเรืองมาก มีร้านค้า และอาคารที่มีกำแพงปูนสีขาว บ่งบอกความมั่งคั่งให้เห็นอยู่ทั่วไป
ปัจจุบันเมือง Uchiko เป็นเมืองอนุรักษ์ เป็นสถานที่ท่องเที่ยวทางประวัตศาสตร์ และไฮไลท์สำคัญก็คือโรงละครไม้เก่าแก่ (Uchiko-za) ที่สร้างขึ้นโดยพ่อค้าผู้มั่งคั่งแห่งเมือง Uchiko ราวปี 1916 เพื่อฉลองการขึ้นครองราชย์ ของกษัตริย์ Taisho สามารถจุผู้ชมได้ถึง 650 คน และมีจุดเทคนิคพิเศษแบบภูมิปัญญาชาวบ้านที่ใช้ในการแสดงอย่างน่าทึ่ง จนไม่น่าเชื่อว่าเป็นนวัตกรรมของยุคนั้น
Uchiko-za เคยใช้แสดงทั้งหุ่นกระบอกและละครคาบุกิ ปัจจุบันยังใช้เป็นโรงละครสำหรับให้นักเรียนในท้องถิ่นมาแสดงความสามารถกัน (ผู้ชมเนืองแน่นทุกครั้ง)
จะเห็นได้ว่าที่นี่ได้รับการปกป้อง และอนุรักษ์ไว้เป็นอย่างดีโดยชาวเมือง และเคยได้รับการบูรณะไปเมื่อปี 1985
Uchiko-za (Kabuki Theater)
ที่ตั้ง : 2102 Uchiko, Uchiko-cho, Kita-gu, Ehime 791-3301
เปิดบริการ : 09.00 – 16.30 น. (ปิดช่วงส่งท้ายปีเก่า ต้อนรับปีใหม่)
ค่าเข้าชม : 400 เยน (900 เยน รวมค่าเข้า Kamihaga Residence และ History Museum)
การเดินทาง : จากสถานี JR Uchiko เดินประมาณ 10 นาที
เว็บไซต์ : http://www.town.uchiko.ehime.jp/site/uchikoza/ (ภาษาญี่ปุ่น)
หลังจากนั้น เราก็นั่งรถกันยาวๆ มุ่งหน้าสู่จังหวัดโคจิ (Kochi Prefecture) ที่หมายสุดท้ายของเราในทริปนี้ แล้วมาติดตามกันต่อในตอนหน้าน๊าาาาา (^^)/
เรื่องแนะนำ :
– ตะลุยเที่ยว 3 จังหวัดบนเกาะชิโกกุ (Shikoku) ตอนที่ 3 “Kochi”
– ตะลุยเที่ยว 3 จังหวัดบนเกาะชิโกกุ (Shikoku) ตอนที่ 1 “Kagawa”
– เอฮิเมะ(Ehime) แดนแห่งผู้แสวงบุญ
– Kagawa แดนแห่งเมืองท่าเรืองาม
– เที่ยว SETOUCHI (5) : บุกทะเลในเซโตะ และไฮไลท์ ในจังหวัด Kagawa (เกาะชิโกกุ)