ปรากฏการณ์ “เทอิน-วะเระ (定員割れ)” ของระบบการศึกษาญี่ปุ่น
เคยพูดเรื่องระบบการศึกษาของญี่ปุ่นไป 2 ครั้งใน https://www.marumura.com/japanese-ph-d/ และใน https://www.marumura.com/university-of-foreign-studies/ วันนี้จะเปลี่ยนมุมมองมาพูดเรื่องปัญหา “เทอิน-วะเระ” ในระบบการศึกษาของญี่ปุ่นบ้าง
อย่างที่ทราบกันว่าญี่ปุ่นกำลังประสบปัญหาประชากรลดลงอย่างรวดเร็ว โดยในปัจจุบันมีประชากรที่มีอายุเกิน 65 ปีอยู่ประมาณ 36 ล้านคนจากประชากรทั้งหมดราว ๆ 120 ล้านคน ทำให้คิดแบบคร่าว ๆ ได้ว่าคนญี่ปุ่นทุก ๆ 4 คนจะเป็นผู้สูงอายุไปแล้ว 1 คน ในขณะเดียวกันยังประสบปัญหาเด็กเกิดน้อยอีกด้วย โดยในปี ค. ศ. 2021 มีอัตราเด็กเกิด เพียง 1.3% เท่านั้น
อัตราผู้สูงอายุพุ่งสูง และอัตราเกิดลดลงอย่างต่อเนื่อง จึงมีผลกระทบกับเศรษฐกิจญี่ปุ่นอย่างมากในทุกแง่มุมเพราะขาดกำลังซื้อ, ขาดแคลนแรงงาน, และที่กระทบอย่างหนักคือระบบการศึกษานั่นเอง
คำว่า “เทอิน-วะเระ (定員割れ)” ในภาษาญี่ปุ่นหมายถึงจำนวนผู้สมัครเข้าเรียนมีน้อยกว่าจำนวนที่สถาบันการศึกษาตั้งเป้ารับเอาไว้ เช่นโรงเรียนนี้ชั้นปีนี้เปิดรับ 200 คน แต่มีผู้สมัครเพียง 100 กว่าคน อาจถึงขั้นต่ำกว่าจุดคุ้มทุนก็เกิดขึ้นได้ หากเกิดสภาพเทอิน-วะเระดังกล่าวขึ้น สถาบันการศึกษาที่ไม่มี “สายป่าน” ที่ยาวพอก็จำใจจะต้องรับเข้าเรียนทั้งหมด ทำให้ขาดโอกาสในการคัดเลือกคุณภาพของผู้เรียน และมีผลในระยะยาวให้คุณภาพการศึกษาและคุณภาพของบัณฑิตจากสถาบันนั้น ๆ ด้อยลงไปเรื่อย ๆ ได้
อย่างที่เรารับรู้กันดีว่าหลายทศวรรษมานี้ ระบบการศึกษาที่ญี่ปุ่นค่อนข้างมีการแข่งขันสูงมากติดอันดับโลก พ่อแม่จะกวดขันให้ลูก ๆ ตั้งใจเรียนหนักเพื่อให้เข้าโรงเรียนดี ๆ และสอบเข้ามหาวิทยาลัยดี ๆ เพื่อมีโอกาสได้ทำงานในบริษัทดี ๆ (ระบบการสมัครงานที่ญี่ปุ่นมีการพิจารณาโควต้าจำนวนบัณฑิตที่เรียนจบจากแต่ละมหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียง ดังนั้นถ้าจบจากมหาวิทยาลัยโนเนมจนเกินไป ชั่วชีวิตก็ยากจะเข้าบริษัทดี ๆ ที่หวังได้ เพราะบริษัทนั้น ๆ ไม่ได้เปิดโควต้าให้มหาวิทยาลัยโนเนมระดับนั้น เป็นต้น) ถึงขั้นมีการนำคำศัพท์คำว่า “โรนิน (浪人)” ที่แปลว่า “ซามูไรไร้นาย” มาใช้เรียกนักเรียนที่สอบเข้ามหาวิทยาลัยที่หวังไว้ไม่ติด แล้วยอมไม่มีสถานภาพนักเรียนหรือนักศึกษาใด ๆ เพื่อเรียนกวดวิชาใหม่แล้วไปสอบใหม่อีกครั้งในมหาวิทยาลัยที่ตัวเองต้องการจะเข้าให้ได้ กันเลยทีเดียว ก็น่าจะบรรยายการแข่งขันรุนแรงในระบบการศึกษาของญี่ปุ่นในยุคที่ผ่านมาได้ดี
อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันเกิดปรากฏการณ์ “เทอิน-วะเระ” หนักขึ้นเรื่อย ๆ ทุกปี สำหรับสถาบันการศึกษาที่มี “สายป่าน” ยาวเพียงพอ คือสถาบันที่มีชื่อเสียง, มีประวัติศาสตร์ยาวนาน, หรือมีธุรกิจอื่น ๆ รองรับ ก็ยังพอจะอยู่ในจุดที่คัดเลือกผู้เรียนได้เหมือนเดิม เพียงแต่อาจต้องลดระดับความเข้มงวดลงไปบ้าง แต่สถาบันที่ไม่มีสายป่านยาวดังกล่าวก็จะประสบเคราะห์กรรมต้องจำใจรับผู้สมัครเข้าเรียนกันหมด และควบคุมคุณภาพของบัณฑิตที่จบได้ยาก และในระยะยาวก็ค่อย ๆ ล้มละลายหรือเลิกดำเนินกิจการไปเองในที่สุด
อย่างไรก็ตามนับเป็นโอกาสอันดีสำหรับนักเรียนชาวไทยที่มอง ๆ หาโอกาสจะไปศึกษาต่อที่ประเทศญี่ปุ่น เนื่องจากภาคการศึกษาญี่ปุ่นต้องการผู้เรียนจากนานาชาติเพิ่มขึ้นเพื่ออุดรูของปรากฏการณ์ “เทอิน-วะเระ” ดังกล่าว เราจึงสังเกตได้ว่าหลายทศวรรษก่อนจะมีคนไทยเรียนจบจากสถาบันการศึกษาในญี่ปุ่นน้อยมาก และเกือบทั้งหมดก็เรียนด้วยหลักสูตรที่มีการเรียนการสอนเป็นภาษาญี่ปุ่นเท่านั้น แต่ในปัจจุบันมีสถาบันการศึกษาในญี่ปุ่นจำนวนมากที่เปิดกว้างยินดีต้อนรับนักศึกษาต่างชาติ และยังมีหลักสูตรหรือวิชาที่สอนด้วยภาษาอังกฤษเพิ่มมากขึ้นอีกด้วย นอกจากนี้เราจะเริ่มเห็นปรากฏการณ์ที่สถาบันการศึกษาในญี่ปุ่น “รวมตัวกัน” คล้าย ๆ ลักษณะของ Mergers and Acquisitions (M&A) เกิดขึ้นเพื่อแบ่งปันทรัพยากรที่มีและรวมพลังกันเพื่อให้อยู่รอดและรักษา “สายป่าน” ของสถาบันตัวเองไว้ให้ได้ ในยุคที่ประชากรญี่ปุ่นลดฮวบฮาบอย่างต่อเนื่องเช่นนี้
สำหรับประเทศไทยเองก็น่าจะมีอะไรให้เรียนรู้จากปรากฏการณ์ดังกล่าวของญี่ปุ่น เพราะประเทศไทยก็เพิ่งเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุอย่างสมบูรณ์แบบแล้วตั้งแต่ปี พ. ศ. 2565 ที่ผ่านมา คือมีประชากรที่มีอายุเกิน 60 ปีแตะ 20.55% คิดง่าย ๆ คือ คนไทยทุก ๆ 5 คนจะเป็นผู้สูงอายุไปแล้ว 1 คน เรียกได้ว่าอาการน่าเป็นห่วงไม่แพ้ญี่ปุ่นเลย จึงอยากฝากประเด็นนี้เอาไว้ให้ผู้อ่านทุกท่านได้เตรียมตัวรับแรงกระแทกจากปรากฏการณ์อีกหลายเรื่องที่จะมาพร้อมภาวะประชากรน้อยแบบนี้
ติดตามผลงานเขียนทั้งหมดของวีรยุทธได้ที่ >> https://www.facebook.com/Weerayuths-Ideas
เรื่องแนะนำ :
– การเรียนการสอนวิชา “มังงะ เกมส์ อนิเมะญี่ปุ่น” ที่คณะมนุษยศาสตร์ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย
– ทำไมญี่ปุ่นจึงพัฒนาวงการกีฬาของตัวเองไปได้ไกลระดับต้น ๆ ของเอเชีย
– อาหารญี่ปุ่น 3 ระดับ: วะโชะคุ, ชูกะเรียวริ, และโยโชะคุ
– The Karate Kid และ Cobra Kai: พลังแห่งอารยธรรมญี่ปุ่นในอเมริกาและคุณค่าทางประวัติศาสตร์ในเรื่อง
– บทบาทของ J-Pop และ K-Pop ที่น่าจับตามองจากนี้ต่อไป
#ปรากฏการณ์ “เทอิน-วะเระ (定員割れ)” ของระบบการศึกษาญี่ปุ่น