ถ้าเข้ามาอยู่ในไทย แล้วจะไม่ฟังคนไทยตาดำๆ อย่างนี้มันเรียกไม่เคารพกัน ยังกับเหมือนในละครบุพเพฯ ตอนนี้เลย เหมือนพวกฟะรังคีทำอะไรก็ดูดี แต่พอคนไทยทำก็จะต้องคิดต้องระแวง ดูสู้คนผมทองทำไม่ได้ นี่ก็เหมือนกันถ้าคาโต้ทำ ดี ถ้าเกศสุรางค์ทำ ต้องดูดีๆ
กาลครั้งหนึ่งนานมากเลย คือเมื่อแค่เดือนที่แล้ว… ผมได้นั่งเสวนากับเพื่อนๆ พี่ๆ น้องๆ ที่ทำงานกับบริษัทญี่ปุ่น ผมรู้สึกว่าหากเรามีความเจ็บปวด…การได้ระบายกับคนที่เข้าอกเข้าใจ มันสมานแผลใจได้ดีกับเบียร์สี่แก้วด้วยซ้ำ
“เบคาราสุ べからず :Bekarazu” เป็นศัพท์ตรงกันข้ามกับคำว่า เบคิ べき:Beki ที่แปลว่าควร
ดังนั้นถ้าเข้าใจง่ายๆ หากญี่ปุ่นบอกว่าเบคาราสุ (หรือถ้าเป็นภาษาพูดจะบอกว่า べきではない Beki de wa nai) ก็คือไม่ควรนั่นเอง
เขียนมาขนาดนี้ ผู้อ่านยังนึกภาพไม่ออก… งั้นเด๋วผมจะเล่านิทานแสนสยอง ไม่สิแสนสนุกให้ฟัง
“ไง ออเจ้า… โดนท่านนายด่ามาเหรอ” ผมถามรุ่นน้อง (ให้ดูเหมือน) ด้วยความเป็นห่วง
“คือข้าเจ้า ไม่ใช่สิหนูก็ทำงานกับบริษัทญี่ปุ่นมาสามสี่ปีแล้ว จะบอกว่าหนูเป็นระดับกูรูกรรมการบริษัทก็พูดไม่ได้ แต่เราก็ใช่ว่าจะไม่รู้อะไรเลย วันนี้หนูคุยงานกับหัวหน้า หนูบอกเขาเป็นครั้งที่สามแล้วว่าลูกค้าไม่เอาแบบนี้แน่ แล้วเหตุผลเขาก็ make sense แต่หัวหน้าแม่งก็บอกเหมือนเดิมว่าทางบริษัทแม่เขาเลือกแบบนี้แล้ว ถึงจะผิดจะพลาดยังไง ก็จะเป็นความรับผิดชอบของทางบริษัทแม่ ตรงกันข้ามถ้าเราจะเสี่ยงคิดเองทำเอง คุณจะรับผิดชอบได้ไง”
รุ่นน้องสาวแกร่งพูดเสร็จพร้อมซดเบียร์หมดแก้วภายในไม่กี่วินาที
ผมและรุ่นพี่ที่เคยเจอเคยเจ็บมาเยอะ ไม่แปลกใจกับเรื่องประมาณนี้เลย ก่อนอื่นก็ยื่นไก่ยากิโทริ พร้อมกับผ้าเย็นให้น้องก่อน
พวกเราค่อนข้างเข้าใจ กระบวนการการตัดสินใจของเหล่าชาวญี่ปุ่นที่มาไทย โดยส่วนมากหรือแทบทุกเคส คนญี่ปุ่นจะคุยกันเอง และตัดสินใจประเด็นใหญ่ๆ ไว้เรียบร้อย การที่เราจะพยายามแย้งหรือง้าง ทิศทางการตัดสินใจของพวกเขาเหล่านี้ เป็นเรื่องที่ทำได้แหล่ะ แต่ไม่ควรทำ (เข้าข่าย bekarazu เบคาราสุเลย)
“ถ้าเข้ามาอยู่ในไทย แล้วจะไม่ฟังคนไทยตาดำๆ อย่างนี้มันเรียกไม่เคารพกัน ยังกับเหมือนในละครบุพเพฯ ตอนนี้เลย เหมือนพวกฟะรังคีทำอะไรก็ดูดี แต่พอคนไทยทำก็จะต้องคิดต้องระแวง ดูสู้คนผมทองทำไม่ได้ นี่ก็เหมือนกันถ้าคาโต้ทำ ดี ถ้าเกศสุรางค์ทำ ต้องดูดีๆ”
ผมและรุ่นพี่ยังงงๆ ว่ามันเอาเรื่องของนครโตเกียวศตวรรษนี้ มาเทียบกับเรื่องของอยุธยาเมื่อสามร้อยสามสิบกว่าปีที่แล้วได้ไง (วะ)
พี่เข้าใจน้อง… อย่างว่านี่คือบริษัทญี่ปุ่น คนญี่ปุ่นจะถกกันจนเป็นเนื้อเดียวกันก่อน ดังนั้นเขาต้องยอมรับว่าความคิดการตัดสินใจของเขาถูกกรองมาแล้ว อย่าคิดสั้นไปขวางเขา จะยกเว้นคือ คุณคือบอร์ดหรือระดับ Management บริษัทเช่นกัน !!
งั้นพี่เล่าเรื่องเพื่อปลอบใจน้องละกัน… แต่แกต้องฟังเรื่องนี้อย่างใจเป็นกลางนะ *อาจมีข้อความไม่เหมาะสม กรุณาใช้จักรยานและใจเป็นกลางในการอ่าน
นิทานซ้อนนิทาน…
.

หากใครเคยทำงานกับญี่ปุ่น หากไม่รู้การคาดคะเนเองเป็นเรื่องที่อันตรายมาก ยิ่งคุณมั่นใจมากแต่ไม่มีหลักฐานที่เป็นรูปธรรม ยิ่งอันตราย
จากนิทานข้างต้นสอนให้รู้ว่า
เมื่อเราคนไทยไม่ลงรอยกับเจแปน จงสูดหายใจ… เพราะเราคือมนุษย์เงินเดือนที่ทำงานกับญี่ปุ่น…. เมื่อญี่ปุ่นเขาคิดจะทำแล้ว จงเคารพและจงยอมรับ ไม่ควรสวน !! (ทำได้ครับ ไม่ใช่ห้าม แต่ไม่แนะนำ)
ผู้เขียนยังไม่ได้เขียนของตัวเอง เพราะฟังสองคนนี้เล่าเบียร์ก็หมดไปสิบกว่าแก้วแล้ว…. ไว้ต่อภาคหน้านะครับ
ตัวละครหรือสถานที่ในเรื่อง ไม่ขอเอ่ยชื่อจริง เพราะกลัวว่าจะกระทบกับชีวิตเหล่าทำงานเพื่อนพี่น้องผู้เขียน
เบคาราสุ (べからず) ไม่ถึงห้าม แต่อย่าทำดีกว่า ^^
เรื่องแนะนำ :
– นิทาน ทำงานกับญี่ปุ่น : เบคาราสุ (べからず) ไม่ถึงห้าม แต่อย่าทำดีกว่า (EP.1)
– (13+) In my memory หญิงเหล็ก working woman เจแปน
– ชื่อ (ไฟล์และโฟลเดอร์) นั้นสำคัญไฉน?
– นิทาน “48”
-The Darkest hours : ท้อได้แต่อย่าป่วย อย่าตาย และงานต้องเสร็จ