ญี่ปุ่นมีมหาวิทยาลัยเฉพาะทางที่เรียกว่า “มหาวิทยาลัยภาษาต่างประเทศ” ด้วยนะ แต่ก็ไม่ได้ให้ศึกษาเฉพาะภาษาต่างประเทศเท่านั้น แต่ศึกษาทุกสิ่งทุกอย่างเกี่ยวกับชาติที่เป็นเจ้าของภาษานั้นเลยล่ะ
หลายชาติที่ใช้อักษรจีนในภาษาของตัวเองอย่างจีน, ญี่ปุ่น, เกาหลี, และเวียดนาม (เวียดนามเคยใช้อักษรจีนในภาษาของตัวเอง แต่ภายหลังยกเลิกอักษรจีนแล้วหันไปใช้อักษรโรมันแทน) มีลักษณะร่วมกันอย่างหนึ่งคือ การมีมหาวิทยาลัยเฉพาะทางที่เรียกว่า “มหาวิทยาลัยภาษาต่างประเทศ (外国語大学)” หรือบางท่านจะแปลจากภาษาอังกฤษแทน เลยกลายเป็น “มหาวิทยาลัยศึกษาต่างประเทศ” หรือ “มหาวิทยาลัยการต่างประเทศ” ก็มี แล้วแต่การแปลของแต่ละท่านเอง แต่ในอักษรคันจิของญี่ปุ่นคือเขียนไว้ชัดเจนว่าเป็น “มหาวิทยาลัยภาษาต่างประเทศ”
Tokyo University of Foreign Studies
ในญี่ปุ่นแต่เดิมนั้น มีมหาวิทยาลัยภาษาต่างประเทศที่โด่งดังมากอยู่ 2 แห่งและเป็นมหาวิทยาลัยรัฐบาล คือ Tokyo University of Foreign Studies (東京外国語大学) ซึ่งก่อตั้งในปี ค. ศ. 1949 และยังดำเนินการมาจนถึงปัจจุบัน ในขณะที่อีกแห่งคือ Osaka University of Foreign Studies (大阪外国語大学) ซึ่งก่อตั้งในปี ค. ศ. 1949 เช่นกัน แต่ในปี ค. ศ. 2007 ถูกผนวกเข้าเป็นคณะภาษาต่างประเทศของมหาวิทยาลัยโอซาก้า (Osaka University: 大阪大学) และสิ้นสุดประวัติศาสตร์ของมหาวิทยาลัยลง
Tokyo University of Foreign Studies
ถึงแม้ชื่อในภาษาญี่ปุ่นจะเขียนว่า “มหาวิทยาลัยภาษาต่างประเทศ (外国語大学)” แต่มหาวิทยาลัยเหล่านี้ไม่ได้ศึกษาเฉพาะภาษาต่างประเทศเท่านั้น แต่ศึกษาทุกสิ่งทุกอย่างเกี่ยวกับชาติที่เป็นเจ้าของภาษานั้น เช่น ภาควิชาภาษาไทย ก็จะศึกษาทุกสิ่งทุกอย่างเกี่ยวกับเมืองไทย ทั้งภาษาไทย, ประวัติศาสตร์, เศรษฐกิจ, สังคม, วัฒนธรรม, จิตวิทยาของคนไทยก็ด้วย หรือ
Osaka University of Foreign Studies
มหาวิทยาลัยภาษาต่างประเทศเหล่านี้มีหน้าที่คือสร้างบุคลากรจำนวนมากที่มีบทบาทในด้านระหว่างประเทศของญี่ปุ่น ทั้งด้านธุรกิจระหว่างประเทศ, การขยายฐานการผลิตของกลุ่มบริษัทญี่ปุ่นในต่างประเทศ, บทบาทของการเมืองระหว่างประเทศของญี่ปุ่นในเวทีโลก ฯลฯ ผู้บริหารชาวญี่ปุ่นที่มาบุกเบิกตลาดเมืองไทยตั้งแต่เมื่อ 30-40 ปีก่อน ก็มีจำนวนไม่น้อยที่เรียนจบจาก 1 ใน 2 มหาวิทยาลัยที่กล่าวไปแล้ว จนยังกล่าวกันแบบทีเล่นทีจริงว่า ที่จริงแล้วมหาวิทยาลัยภาษาต่างประเทศเหล่านี้มีไว้เพื่อสร้าง “สายลับ” ที่รัฐบาลญี่ปุ่นส่งไปแทรกซึมตามประเทศต่าง ๆ ก็เป็นได้ แล้วที่รู้สึกทึ่งมากกว่านั้นอีกคือ มีภาควิชาภาษาเพื่อนบ้านของไทยอย่าง ภาษาลาว, พม่า, เขมร, เวียดนาม ด้วย ซึ่งแม้แต่ในประเทศไทยเองยังหาที่เรียนภาษาเหล่านี้ได้ไม่ง่ายเลย
ปัจจุบันญี่ปุ่นมีมหาวิทยาลัยภาษาต่างประเทศอยู่อีกหลายแห่ง และเกือบทุกแห่งเป็นของเอกชน เช่น Kanda University of International Studies (神田外語大学), Nagoya University of Foreign Studies (名古屋外国語大学), Kyoto University of Foreign Studies (京都外国語大学), Kansai Gaidai University (関西外国語大学), Nagasaki University of Foreign Studies (長崎外国語大学) เป็นต้น และในปัจจุบันที่ญี่ปุ่นมีนักศึกษาต่างชาติมากถึงประมาณ 300,000 คน มหาวิทยาลัยภาษาต่างประเทศเหล่านี้ก็เป็นส่วนหนึ่งของการเผยแพร่ภาษาและวัฒนธรรมญี่ปุ่นไปสู่นักศึกษาต่างชาติ และช่วยให้นักศึกษาต่างชาติสามารถศึกษาต่อในประเทศญี่ปุ่น และหางานทำในประเทศญี่ปุ่นได้อย่างราบรื่นและมีความสุขมากกว่าการไม่รู้ภาษาญี่ปุ่นเลย
นอกจากในญี่ปุ่นแล้ว ในจีนก็มีมหาวิทยาลัยภาษาต่างประเทศลักษณะคล้ายกันเช่น Beijing Foreign Studies University (北京外国語大学), Shanghai International Studies University (上海外国語大学) ในเกาหลีก็มีเช่น Hankuk University of Foreign Studies (한국외국어대학교) และ Busan University of Foreign Studies (부산외국어대학교) ส่วนในเวียดนามก็มี Hanoi University ที่เมื่อก่อนมีชื่อเดิมคือ Hanoi University of Foreign Studies แล้วก็ยังมี VNU University of Languages and International Studies ที่มีชื่อเดิมคือ College of Foreign Languages
จะเห็นว่าประเทศเหล่านี้ที่กล่าวมา ล้วนมีความตื่นตัวและความพยายามในการเรียนรู้ทุกสิ่งทุกอย่างจากต่างประเทศ เพื่อให้ตัวเองสามารถแข่งขันกับนานาชาติได้ จึงแสดงออกมาให้เห็นในรูปแบบของมหาวิทยาลัยเฉพาะทางดังกล่าว น่าเสียดายที่ประเทศไทยยังไม่มีแนวคิดดังกล่าว ทำให้ยังไม่พบว่ามีมหาวิทยาลัยในไทยที่มีลักษณะคล้ายกับมหาวิทยาลัยภาษาต่างประเทศแบบนี้เลย
เรื่องแนะนำ :
– ที่มาของเสียงอ่านคันจิอันหลากหลายในภาษาญี่ปุ่น
– ทำไมพระโพธิสัตว์กวนอิมในประเทศญี่ปุ่นถึงมีทั้งปางบุรุษและปางสตรี?
– คาราเต้: ความเป็นมาก่อนจะกลายเป็น 1 ในกีฬาโอลิมปิก 2020
– อะวะโมะริ (泡盛) เหล้าเชื่อมสัมพันธ์ไทย-ญี่ปุ่น
– ทำไมเรียนปริญญาเอกสายศิลป์ที่ญี่ปุ่นถึงจบยากกกกกกก!?
ที่มาและรูปภาพ :
https://www.oiu.ac.jp/en/
https://www.stofficetokyo.ch/
https://jassofair.studyinjapan.go.jp/en/
#ญี่ปุ่นมีมหาวิทยาลัยเฉพาะทางที่เรียกว่า “มหาวิทยาลัยภาษาต่างประเทศ” ด้วยนะ