หนังสือญี่ปุ่นเรื่อง 負け犬の遠吠え (เสียงเห่าหอนของสุนัขขี้แพ้) ของ Sakai Junko มีการให้คำนิยามผู้หญิงวัย 30 กว่าที่ไม่ได้แต่งงานและไม่มีบุตรว่าเป็น “สุนัขขี้แพ้” ในทางตรงกันข้าม ผู้หญิงที่แต่งงานและมีลูกจะเปรียบเสมือนผู้ชนะ
ปี 2003 มีหนังสือญี่ปุ่นเรื่อง 負け犬の遠吠え (เสียงเห่าหอนของสุนัขขี้แพ้) ของ Sakai Junko ที่เป็นที่กล่าวขานถึงในสื่อต่างๆ มากมาย
ในหนังสือมีการให้คำนิยามผู้หญิงวัย 30 กว่าที่ไม่ได้แต่งงานและไม่มีบุตรว่าเป็น “สุนัขขี้แพ้” ในทางตรงกันข้าม ผู้หญิงที่แต่งงานและมีลูกจะเปรียบเสมือนผู้ชนะ
Sakai ผู้เขียนในวัย 37 ปีได้นิยามตัวของเธอเองว่าเป็น “สุนัขขี้แพ้” ด้วยเช่นกัน เพราะเธอมักถูกตราหน้า ดูถูก และกดดันจากสังคมที่ทำงาน เพื่อนๆ และครอบครัวถึงความโสดของเธอตั้งแต่วัย 35 ปี
คำๆ นี้สะท้อนให้เห็นถึงลักษณะสังคมญี่ปุ่นและในอีกหลายๆ ประเทศทั่วโลก หรือแม้แต่ประเทศไทยเองที่สังคมมักมองว่า ผู้หญิงควรแต่งงาน มีครอบครัวและมีลูก ในฐานะโค้ชด้านความสัมพันธ์จึงมักมีคนโสดมาปรึกษาดิฉันเพราะรู้สึกกดดันที่อายุ 30 กว่าแล้วยังหาคู่ไม่ได้ โดยเหตุผลหลักๆ ก็มีดังนี้ค่ะ
1 ความกังวลเรื่องความมั่นคง
คนโสดอายุ 30 กว่ามักมีความกังวลเรื่องความมั่นคงในอนาคตทั้งในด้านการเงินและสุขภาพ เช่น การต้องหารายได้คนเดียวจนถึงวัยชรา หากเจ็บป่วยจะเดือดร้อน เป็นต้น
2 ความเหงา
คนโสดส่วนมากมักต้องการเพื่อนคู่หูที่สามารถไปไหนมาไหนด้วยกัน เป็นเพื่อนคู่คิด เพื่อนกิน เพื่อนเที่ยว ฯลฯ หลายๆ คนอาจไม่ได้ต้องการแต่งงานแต่ต้องการเพียงมีคนรู้ใจที่สามารถปรึกษาหารือได้ทุกเมื่อ
3 ความกดดัน
คนโสดหลายๆ คนคงต้องเคยถูกถามจากพ่อแม่และญาติๆ ว่า “เมื่อไรจะแต่งงาน” หลายๆ คนสั่งสอนลูกว่า การแต่งงานมีครอบครัวเป็นสิ่งที่ควรทำในชีวิตถึงจะเรียกได้ว่าเป็น “คนที่สมบูรณ์” คนโสดจำนวนมากยังมีความกังวลว่าถ้าพ่อแม่ไม่อยู่แล้ว อีกหน่อยจะอยู่กับใคร
4 ความรู้สึกแปลกแยก
ในหนังสือ Sakai ผู้เขียนได้กล่าวว่า เธอรู้สึกแปลกแยกกับเพื่อนๆที่แต่งงานมีครอบครัว และเพื่อนหลายๆคนที่แต่งงานไปแล้วมักพูดเล่นกับเพื่อนที่ยังโสดว่า “อย่าอิจฉากันเลย” เปรียบดังพวกคนที่มีครอบครัวแล้วประสบความสำเร็จในชีวิตมากกว่า
5 ความร้อนรนกระวนกระวาย
สาวโสดในวัย 30 กว่า มักจะเร่งรีบที่จะแต่งงานและมีคู่ให้เร็วที่สุด เพราะกังวลว่านับวันความสาวย่อมจะเหลือน้อยลงทุกที และนาฬิกาชีวิตที่เดินหน้าทุกวันทำให้โอกาสที่จะมีลูกได้ก็น้อยลงทุกทีเช่นกัน ทำให้พวกเขาต้องการหาคู่ให้เร็วที่สุด
6 ความสบาย
สำหรับสาวญี่ปุ่นหลายๆ คนอยากเป็นแม่บ้านเต็มเวลาเพราะไม่อยากทำงานหาเงินอีกต่อไป เพราะที่ญี่ปุ่นนิยมให้ผู้หญิงที่แต่งงานแล้วลาออกมาเป็นแม่บ้านดูแลสามีและลูก หลายๆ คนบอกว่าเป็นแม่บ้านสบายกว่า เพราะมีหน้าที่ทำอาหารสามมื้อและทำงานบ้าน จึงมีผู้หญิงจำนวนมากอยากเป็นแม่บ้านมากกว่าต้องเผชิญกับความเคร่งเครียดในการทำงานบริษัท
ดิฉันเองเป็นผู้หญิงคนหนึ่งที่แต่งงานในวัยเลย 35 ปี และเข้าใจถึงความกังวลของคนโสดหลายๆ คน และเมื่อแต่งงานแล้วก็คิดว่า การเป็นโสดและการแต่งงานก็มีทั้งข้อดีข้อเสียต่างกันแบบที่เรียกว่า “คนในอยากออก คนนอกอยากเข้า” อยู่ที่เราจะเลือกใช้ชีวิต ข้อดีของผู้หญิงในวัย 30 ที่ยังโสดเช่น
1 มีอิสระในการดำเนินชีวิต
คนโสดสามารถทำตามใจตัวเองได้ร้อยเปอร์เซ็นต์ อยากกินอะไรก็กิน อยากไปไหนก็ไป อยากซื้ออะไรก็ซื้อ คนโสดหลายๆคนเป็นเจ้าของคอนโดหรู เลือกอาหารดีๆให้กับตัวเอง ดูแลรักษาสุขภาพ ออกกำลังกาย ทำบุญ ลงเรียนคอร์สต่างๆที่ตัวเองสนใจ และสามารถท่องเที่ยวต่างประเทศได้อย่างอิสระ ต่างจากคนมีครอบครัวที่ไหนจะต้องดูแลสามีและวุ่นวายกับการเลี้ยงดูเด็กๆ
2 ทำงานได้อย่างเต็มที่
สาวโสดหลายคนประสบความสำเร็จในการทำงานและมีตำแหน่งหน้าที่บริหารในระดับสูง เพราะเมื่อไม่มีความกังวลเรื่องครอบครัว พวกเธอสามารถทุ่มเทกับการทำงานได้อย่างเต็มที่ หลายๆคนมีความสุขกับการทำงานและพัฒนาตัวเองในแบบที่เธอพอใจ
3 ชีวิตมีสีสัน
คนโสดหลายๆ คนรักความท้าทาย ท่องเที่ยวไปในหลายประเทศ ทำกิจกรรมต่างๆเพื่อหาประสบการณ์ใหม่ๆอย่างเต็มที่ หรือมีกลุ่มเพื่อนสนิทที่อาจจะโสดเหมือนกันประเภทเฮไหนเฮนั่น พูดคุย เล่าสารทุกข์สุกดิบ เป็นกำลังใจให้กันและกัน
ดิฉันคิดว่าความกังวลต่อความเป็นโสดนั้นแท้จริงแล้วเกิดจากภาพมายาในใจหรือการคิดฟุ้งซ่านว่าจะต้องเหงา โดดเดี่ยวเมื่อแก่ตัวลง ไร้คนเหลียวแล ฯลฯ
ซึ่งความคิดเหล่านี้จะบั่นทอนจิตใจลงไปทุกวัน เราจึงควรฝึกสติให้รู้ตัวรู้ทันความคิดของตัวเอง และจดจ่ออยู่กับปัจจุบันขณะ (ง่ายที่สุดคือลมหายใจของเรานั่นเอง) โดยฝึกไม่ให้จิตคิดไปเรื่องอื่นๆ เพียงเท่านี้เราก็จะไม่กังวลมากเกินไป และจะรู้สึกใจสงบถึงแม้จะต้องอยู่คนเดียวก็ตาม
สิ่งสำคัญคือ เราต้องมีความสุขได้ไม่ว่าเราจะเป็นโสดหรือแต่งงาน และอย่าหวังพึ่งคนอื่นที่จะทำให้เรามีความสุข เพราะมีเพียงตัวเราที่สามารถสร้างความสุขให้ตัวเองได้ไม่ว่าจะอยู่ในสถานการณ์เช่นใดค่ะ
ติดตามอ่านเรื่องราวการทำธุรกิจด้วยใจรักจนประสบความสำเร็จได้ในหนังสือ “Japan Success ธุรกิจสำเร็จได้ด้วยใจรัก” และ หนังสือจิตวิทยาความรักความสัมพันธ์ “เมื่อจิตวิทยา ทำให้คนรักกัน” สามารถพูดคุยสื่อสารกับพิชชารัศมิ์ได้ที่ FB: Life Inspired by พิชชารัศมิ์
เรื่องแนะนำ :
– Umaji หมู่บ้านส้มยูสุที่โด่งดังได้เพราะความมุ่งมั่นไม่ท้อถอย
– บริษัทสาเก วากาเซะ (Wakaze) ฝันไกล ไประดับโลก
– ISFnet บริษัทไอทีที่มุ่งมั่นจ้างงานคนด้อยโอกาส
– The Departure ความสุขนั้นนิรันดร
– ผู้ชายญี่ปุ่นชอบผู้หญิงแบบไหนกันนะ
– มลพิษการท่องเที่ยวที่ประเทศญี่ปุ่นกำลังเผชิญ