“Wakaze” ก็แปลว่า “ลมญี่ปุ่น” ที่จะพัดไปทั่วโลก เพราะเขาต้องการให้สาเกของเขาเป็นที่นิยมไปทั่วโลกนั่นเอง
ในตอนที่ดิฉันยังเป็นเด็ก มองไปรอบตัว ของใช้ในบ้าน ตั้งแต่ทีวี พัดลม หม้อหุงข้าว เครื่องซักผ้า ตู้เย็น กล้องถ่ายรูป ฯลฯ ล้วนเป็นสินค้าจากญี่ปุ่นทั้งสิ้น ทำให้ดูเหมือนประเทศญี่ปุ่นเป็นชาติที่ผูกขาดด้านสินค้าเทคโนโลยีและเครื่องใช้ไฟฟ้า
แต่จนมาวันนี้ 20 ปีผ่านไปกลับเกิดคู่แข่งจากประเทศอื่นๆ มากมาย ทำให้อนาคตผู้ผลิตสินค้าของญี่ปุ่นดูไม่สดใสนัก ถึงขนาดต้องทยอยลดขนาดลง หรือบางแห่งต้องปิดตัวไปเลย Takuma Inagawa คือชาวญี่ปุ่นรุ่นใหม่คนหนึ่งที่ต้องการที่จะผลิตสินค้าญี่ปุ่นให้กลับมาสร้างชื่อและมีอนาคตที่สดใสอีกครั้ง สินค้าที่เขาเลือกจะผลิตก็คือ “เหล้าสาเก”
ผู้ผลิตสัญชาติญี่ปุ่นจะต้องกลับมามีชื่อเสียง
พ่อของอินางาวะ เป็นเจ้าของบริษัทสัญชาติญี่ปุ่นแห่งหนึ่งที่ดำเนินธุรกิจผลิตเลนส์สำหรับกล้องถ่ายรูป แต่ความต้องการการใช้กล้องถ่ายรูปลดลงอย่างมากเนื่องจากคนหันไปใช้สมาร์ทโฟนต่างๆ ในการถ่ายรูปแทนทำให้ธุรกิจถดถอย เขารู้สึกเจ็บปวดที่บริษัทสัญชาติญี่ปุ่นต้องประสบความล้มเหลว
ต่อมาเขาไปศึกษาต่อที่ประเทศฝรั่งเศสเป็นเวลา 2 ปี และทำงานที่บริษัทที่ปรึกษาด้านธุรกิจ ในช่วงนั้นเขารู้สึกถึงความเป็นญี่ปุ่นที่ฝังรากลึกในตัวตนของเขาชัดเจนมากยิ่งขึ้น และต้องการที่จะสร้างบางสิ่งที่เป็นอุตสาหกรรมญี่ปุ่นดั้งเดิมให้กลับมามีชื่อเสียงอีกครั้ง
จนกระทั่งได้ไปชิมสาเกรสชาติยอดเยี่ยมที่ภัตตาคารซูชิแห่งหนึ่งที่โตเกียว เขาจึงเกิดความคิดที่จะตั้งบริษัทผลิตสาเกขึ้นเอง ในเดือนมกราคม 2016 บริษัทสาเก Wakaze ก็ถูกตั้งขึ้นที่ Tsuruoka จังหวัด Yamagata โดยผ่านการระดมทุนสาธารณะ “Wakaze” ก็แปลว่า “ลมญี่ปุ่น” ที่จะพัดไปทั่วโลก เพราะเขาต้องการให้สาเกของเขาเป็นที่นิยมไปทั่วโลกนั่นเอง
เหล้าสาเกที่ทันสมัยและเป็นเอกลักษณ์
ถึงแม้สาเกจะยังไม่เป็นที่รู้จักทั่วโลก แต่เมื่อใดก็ตามที่อินางาวะ ได้พบกับสาเกที่มีรสชาติยอดเยี่ยม เขานึกอยากจะพัฒนาสาเกแบบใหม่ๆ ที่มีความเป็นเอกลักษณ์และนำไปเสนอขายทั่วโลกโดยทำให้แตกต่างจากการผลิตสาเกแบบดั้งเดิม ชาวฝรั่งเศสมักจะดื่มไวน์กับอาหาร เขาจึงหวังจะเห็นคนจำนวนมากขึ้นที่ดื่มสาเกกับมื้ออาหาร ซึ่งรสชาติสาเกแบบดั้งเดิมอาจจะไม่เข้ากับอาหารที่มีเนื้อสัตว์เป็นหลัก แต่ถ้าสาเกมีรสชาติออกเปรี้ยวคล้ายไวน์ก็น่าจะเข้ากับอาหารฝรั่งได้ดีกว่า
Wakaze จึงได้เปลี่ยนการผลิตจากการบ่มสาเกแบบดั้งเดิมมาเป็นการบ่มในถังไม้โอ๊คเหมือนกรรมวิธีการผลิตไวน์ โดยเลือกสาเกจากสองโรงผลิตที่เข้ากับวิธีการผลิตของเขา นั่นก็คือ Watarai Brewery และ Kidosumi Brewery
เขาได้ผลิตสาเกภายใต้ 2 ยี่ห้อหลัก คือ Orbia ซึ่งเป็นแบรนด์หลักที่เขาต้องการให้เป็นสาเกที่นำมาดื่มเคล้าอาหารฝรั่งได้ เพราะมีรสเปรี้ยวหวานและกลิ่นหอมจากการหมักในถังไม้โอ๊ค และอีกยี่ห้อคือ Fonia เป็นพฤษศาสตร์สาเก ซึ่งนำกลิ่นที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวของผลไม้และเครื่องเทศญี่ปุ่น เช่น ยูซุ และ ซันโช (พริกไทยญี่ปุ่น) ใส่ลงในสาเกระหว่างการหมักด้วย
วากาเซะใช้เวลาในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ กว่าหนึ่งปี ทั้งสองยี่ห้อมีรสชาติที่เป็นเอกลักษณ์ให้ความรู้สึกที่แตกต่างอย่างชัดเจน ซึ่งไม่เคยมีมาก่อนในการผลิตสาเกจากที่อื่นๆ เขาและทีมงานยังได้เดินทางไปออกงานนิทรรศการและการปราศรัยทางธุรกิจเพื่อโปรโมทสาเกของพวกเขาทั่วโลก บริษัทได้เริ่มส่งออกสาเกไปยังกว่า 5 ประเทศภายในเวลาเพียง 5 ปี รวมทั้งประเทศไทย โดยขายผ่านร้าน Orihara
อินางาวะ กล่าวว่ารสชาติของสาเกวาเกเซะเข้ากับรสเผ็ดร้อนของอาหารไทยได้เป็นอย่างดี ภัตตาคารมิชลิน 3 ดาว หลายๆ แห่งในโลกก็ใช้สาเกของบริษัทวากาเซะด้วย
ทีมงานที่ประกอบด้วยคนรุ่นใหม่ที่มีความกระตือรือร้น
อินางาวะ ได้ใช้ประสบการณ์ที่เคยเป็นที่ปรึกษาด้านยุทธศาสตร์การจัดการมาวางแผนการตลาดของบริษัท และได้ลงมือศึกษาหาความรู้เกี่ยวกับการบ่มสาเกโดยละเอียดและนำมาใช้ในการผลิตจริง
อินางาวะ กล่าวว่า วาเกาเซะ สามารถผลิตสาเกที่มีความเป็นเอกลักษณ์ได้ เพราะว่าทีมงานของเขาประกอบไปด้วยกลุ่มคนที่มีทักษะยอดเยี่ยมในด้านต่างๆ ทั้งในการบ่มสาเก การออกแบบผลิตภัณฑ์ การบริหารงาน เกณฑ์ในการคัดเลือกพนักงานของเขาก็คือ “ต้องมีความกระตือรือร้นและมีทักษะในการทำงาน”
สมาชิกทุกคนในทีมเป็นคนรุ่นใหม่ที่มีความกระตือรือร้น มีความเป็นมืออาชีพ แต่ก็ยอมรับความแตกต่างและเปิดใจรับฟังสิ่งใหม่ๆ โดยสมาชิกทุกๆคนจะได้รับโอกาสในการทำสิ่งที่ท้าทาย ภายใต้คอนเซ็ปต์ของบริษัทซึ่งก็คือ “มีความคิดสร้างสรรค์” “มีความเป็นนานาชาติ” “มีความรอบรู้” และ “มีความเป็นมิตร” เขากล่าวว่า “ผมมีหน้าที่แค่สร้างสภาพแวดล้อมการทำงานที่ทีมงานสามารถแสดงศักยภาพสูงสุดออกมา”
วากาเซะขายสาเกไปกว่า 10,000 ขวดในปี 2017 และคาดการณ์ว่าจะมีการขายสาเกถึง 30,000 ขวดในปี 2018 เขาหวังว่ายอดขายจะพุ่งขึ้นถึงสามเท่า เพราะความต้องการของสาเกในตลาดเพิ่มมากขึ้น ถึงแม้ราคาสาเกวากาเซะ จะสูงกว่าสาเกยี่ห้อดังอย่าง Sake Dassai ถึงสามเท่า แต่เพราะความแตกต่างจากสาเกรสดั้งเดิมโดยสิ้นเชิง ทำให้วากาเซะสามารถขายความต่างที่มีเอกลักษณ์นี้ได้อย่างไม่ยาก
จุดมุ่งหมายของ อินางาวะ คือ เป็นแบรนด์แอลกอฮอล์อันดับหนึ่ง ในแง่ของผลิตภัณฑ์ที่มีนวัตกรรมใหม่ๆ และต้องการให้สาเกได้รับการจัดอยู่ในประเภทแอลกอฮอล์ที่มีคนดื่มกันทั่วโลกอย่างเช่น ไวน์ วิสกี้ บรั่นดี เบียร์ ฯลฯ
ติดตามอ่านเรื่องราวการทำธุรกิจด้วยใจรักจนประสบความสำเร็จได้ในหนังสือ “Japan Success ธุรกิจสำเร็จได้ด้วยใจรัก” และ หนังสือจิตวิทยาความรักความสัมพันธ์ “เมื่อจิตวิทยา ทำให้คนรักกัน” สามารถพูดคุยสื่อสารกับพิชชารัศมิ์ได้ที่ FB: Life Inspired by พิชชารัศมิ์
เรื่องแนะนำ :
– ISFnet บริษัทไอทีที่มุ่งมั่นจ้างงานคนด้อยโอกาส
– The Departure ความสุขนั้นนิรันดร
– ผู้ชายญี่ปุ่นชอบผู้หญิงแบบไหนกันนะ
– มลพิษการท่องเที่ยวที่ประเทศญี่ปุ่นกำลังเผชิญ
– Hobonichi เว็บสร้างความสุขที่ขายสินค้าได้ดี
– Cybozu บริษัทที่อนุญาตให้พนักงานเลือกเวลาและสถานที่ทำงานเองได้
ที่มา : https://www.japantimes.co.jp/news/2018/01/07/business/yamagata-brewing-venture-makes-splash-abroad-sake-aged-wine-barrels/ การสัมภาษณ์ประธานบริษัท สาเกวากาเซะ คุณ ทากูมะ อินางาวะ