Isfnet มีนโยบายมุ่งมั่นในการจ้างงานคนพิการ โดยปัจจุบันบริษัทได้จ้างงานคนพิการมากถึง 800 คน จากจำนวนพนักงานทั้งหมด 3,100 คนใน 18 ออฟฟิศทั่วโลก และบริษัทมีเป้าหมายในการจ้างงานคนพิการให้ได้ถึง 1,000 คนในปี 2020
บริษัทไอเอสเอฟเน็ตเป็นบริษัทที่ให้บริการด้านไอทีและอินเตอร์เน็ทชั้นนำที่ได้รับการยอมรับจากลูกค้าทั้งที่ญี่ปุ่นและในเอเชียว่าเป็นบริษัทที่ “นำบริการแบบโรงแรม 5 ดาวมาใช้ในแวดวงไอที”
นอกจากนี้ Isfnet ยังมีนโยบายมุ่งมั่นในการจ้างงานคนพิการ โดยปัจจุบันบริษัทได้จ้างงานคนพิการมากถึง 800 คน จากจำนวนพนักงานทั้งหมด 3,100 คนใน 18 ออฟฟิศทั่วโลก และบริษัทมีเป้าหมายในการจ้างงานคนพิการให้ได้ถึง 1,000 คนในปี 2020
มุ่งมั่นจ้างงานคนด้อยโอกาสในการทำงาน
บริษัท Isfnet ถูกตั้งในปี 2000 โดยคุณยูกิโยชิ วาตานาเบะ การช่วยเหลือสังคมเป็นวิสัยทัศน์ในการตั้งบริษัทของเขาแต่เริ่มแรก เขารู้ว่าภาคไอทีและการบริการด้านอินเตอร์เน็ทนั้นสามารถให้โอกาสในการทำงานแก่คนทุกประเภท จึงคิดนโยบายให้บริษัทได้ทั้งกำไรและได้ช่วยเหลือคนให้มากที่สุด ในตอนเริ่มแรกก่อตั้ง บริษัทมีพนักงานเพียง 4 คน แต่ปัจจุบันมีพนักงานมากถึง 3,100 คน กระจายอยู่ใน 18 ออฟฟิศทั่วโลก โดยมีพนักงาน 800 คนเป็นคนพิการ
บริษัทยังได้เริ่มธุรกิจการสรรหาและอบรมบุคลากรในการทำงาน และได้พบว่ายังมีคนอีกมากมายในสังคมที่อยากจะทำงานแต่ไม่มีโอกาส บริษัทจึงตั้งเป็นเป้าหมายในการจ้างงานสำหรับคนเหล่านี้ได้แก่
• คนพิการทั้งทางร่างกาย การเรียนรู้ และสติปัญญา
• คนที่ถูกกดขี่ค่าแรงหรือความสามารถ
• คนว่างงานแฝง เป็นการใช้แรงงานต่ำกว่าความสามารถจริง เช่น อาชีพที่ไม่ต้องใช้ทักษะมากนัก
• คนวัยกลางคนหรือสูงวัยที่ตกงาน
• ผู้ที่เป็นหลักในการต้องรับผิดชอบดูแลผู้ป่วย
• คนที่แยกตัวจากสังคม
• คนว่างงาน
• คนมีปัญหาทางจิต
• เหยื่อความรุนแรงในครอบครัว
• ผู้อพยพและผู้ลี้ภัย
• คนไร้บ้าน
• คนที่มีปัญหาสุขภาพหรือมีประวัติปัญหาด้านสุขภาพ
• คนที่ฟื้นฟูจากการติดยาหรือเหล้า
• เกย์ เลสเบี้ยน รักร่วมเพศ แปลงเพศ
• คนที่มาจากครอบครัวอุปถัมภ์
• คนที่เคยต้องโทษ
• กลุ่มอื่นๆ ที่หางานยากลำบาก หรือถูกกีดกันไม่ให้ทำงาน
ทุกคนล้วนมีศักยภาพของตัวเอง
ความคิดเบื้องหลัง Isfnet ก็คือ การจะสร้างมาตรฐานการยอมรับคนที่มีความต่างทางสภาพจิตใจ ร่างกาย และสติปัญญา โดยบริษัทต้องการพิสูจน์ให้เห็นว่าการที่คนบางกลุ่มมักได้รับการปฏิบัติที่แตกต่างในสังคมนั้นเป็นเรื่องที่น่าตำหนิ เพราะคนเหล่านี้ก็มีส่วนช่วยพัฒนาสังคมและเป็นพนักงานที่ดีของทุกองค์กรได้เช่นกัน
วาตานาเบะ ยกตัวอย่างการสร้างมาตรฐานใหม่ของบริษัทว่า โดยปกติคนพิการมักถูกกดขี่ให้ทำงานง่ายๆ ทั้งๆ ที่จริงๆ แล้วพวกเขาสามารถทำงานได้หลากหลาย งานเป็นสิ่งสำคัญที่เขาจะพิสูจน์ความสามารถ ทักษะการมีส่วนร่วมกับสังคม และงานยังเป็นแหล่งรายได้เพื่อเลี้ยงดูตัวเอง พวกเขาต้องการสภาพแวดล้อมในการทำงานที่เพื่อนร่วมงานยอมรับในความสามารถ ในขณะเดียวกันต้องไม่ทำให้พวกเขารู้สึกว่า พวกเขากำลังสร้างความเดือดร้อนให้กับคนอื่นๆ
วาตานาเบะกล่าวว่า “ผมมั่นใจว่าหากเราลดความเห็นแก่ตัวลง เราจะพบว่าทุกคนที่เราพบล้วนมีศักยภาพของตัวเอง เราสอนพนักงานทุกคนถึงปรัชญาการทำงานโดยไม่เห็นแก่ตัว และการทำงานตามหลักจริยธรรม”
ผลของการทำงานไม่สำคัญไปกว่าความพยายามภายใต้ข้อจำกัดของตัวเอง
กลุ่มพนักงานที่มีความพิเศษเหล่านี้ส่วนมากไม่ได้ทำงานประจำมาเป็นเวลานาน ก่อนเริ่มทำงานบริษัทจะมีจัดอบรมให้เป็นเวลา 3 เดือนโดยจะอบรมตั้งแต่มารยาทและการสื่อสารทางธุรกิจ การบริหารเวลา โดยวิธีวัดผลของบริษัทก็คือ ผลของการทำงานไม่สำคัญไปกว่าความพยายามภายใต้ข้อจำกัดของตัวเอง
สิ่งสำคัญอันดับแรกคือ ให้พนักงานมีความสุขกับการทำงาน และรู้สึกได้รับการยอมรับในการใช้ความสามารถทำงานเพื่อผู้อื่น ลักษณะการทำงานเหมือนครอบครัว พนักงานที่ไม่พิการก็จะพูดคุยทั้งเรื่องงานรวมไปถึงเรื่องส่วนตัวกับพนักงานผู้พิการคนอื่นๆ ไม่ว่าจะเรื่องครอบครัว การรักษาพยาบาล ฯลฯ
นางสาวเค (นามสมมติ) เคยป่วยเป็นโรคซึมเศร้าตั้งแต่ยังเรียนอยู่มหาวิทยาลัย ทำให้เธอต้องทำงานง่ายๆ ที่ซุปเปอร์มาร์เก็ตใกล้บ้าน และต่อมาได้เข้าทำงานด้านไอทีที่บริษัทแห่งหนึ่ง แต่ต้องออกจากงานกลางคันหลังจากทำไปไม่นานเพราะอาการป่วยกำเริบ เธอได้เข้าทำงานที่ไอเอสเอฟเน็ตในปี 2011 เธอเล่าว่าบริษัทเพียงขอให้ทุกคนตั้งใจทำงานเป็นเวลา 8 ชั่วโมงต่อวัน ให้มุ่งมั่นพัฒนาตัวเอง และปฏิบัติตามกฎบริษัท โดยหากทุกคนทำงานหนักร่วมกัน บริษัทก็จะพัฒนาได้ ปัจจุบันเธอได้ทำงานเป็นวิศวกรอยู่ที่ประเทศสิงคโปร์ซึ่งเป็นอะไรที่ไกลเกินฝันของเธอไปมาก ฝันต่อไปของเธอก็คือการเปิดบริษัทด้านไอทีของตัวเอง
นายเอ (นามสมมติ) ซึ่งเป็นผู้พิการนั่งรถเข็นกล่าวว่า เขาเคยทำงานด้านการพิมพ์ที่ศูนย์ฝึกอาชีพในโตเกียว แต่ได้รับค่าแรงไม่มากจึงคิดจะเปลี่ยนงานที่มั่นคงกว่าเพราะต้องเลี้ยงดูตัวเอง ผู้จัดการศูนย์ฝึกอาชีพจึงแนะนำมาสมัครงานที่ ไอเอสเอฟฮาร์โมนี ที่นี่เขามีหน้าที่พิมพ์นามบัตรให้พนักงานในองค์กรและลูกค้าอื่นๆ นอกองค์กร เขาบอกว่า “ผมชอบที่นี่เพราะเราทำงานกันเป็นทีมกับพนักงานคนอื่นๆ ที่พิการในส่วนต่างๆ แต่เราก็ช่วยเติมเต็มสิ่งที่ไม่มีและเพิ่มจุดแข็งให้แก่กันและกัน ผมฝันอยากทำธุรกิจของตัวเองเกี่ยวกับการออกแบบอุปกรณ์สำหรับผู้พิการ เช่น รถเข็น ไม้เท้า อุปกรณ์ช่วยฟัง ฯลฯ”
แม่ของพนักงานอีกคนที่เป็นผู้พิการเล่าว่า ตั้งแต่เด็กลูกของเธอชอบเขียนพู่กันและมีลายมือที่สวยงาม ที่ไอเอสเอฟเน็ต งานของเขาก็คือ การเขียนตัวอักษรลงบนนามบัตร และทำป้ายโฆษณาต่างๆ ให้กับบริษัทและลูกค้าอื่นๆ แม่ของเขาเล่าว่า การทำงานที่ไอเอสเอฟเน็ตทำให้ลูกของเธอมีความมั่นใจมากขึ้นว่าเขามีความสามารถและทำสิ่งต่างๆได้ด้วยตนเอง
ความสามัคคีกลมเกลียวคือสิ่งสำคัญ
คุณค่าในการทำงานของ Isfnet จะเน้นความสามัคคีกลมเกลียวในการทำงาน ซึ่งบริษัทบอกว่า การจะมีความสามัคคีกลมเกลียวกันได้ ต้องมีความเห็นอกเห็นใจและร่วมมือซึ่งกันและกัน และในการที่จะสามารถให้บริการที่มีคุณภาพแก่ลูกค้าได้ ก่อนอื่นเราจะต้องให้ความเคารพและเข้าใจคนที่อยู่รอบตัวเราเสียก่อน เริ่มจากพ่อแม่ สมาชิกครอบครัว เพื่อนร่วมงาน เราถึงจะเรียนรู้ที่จะให้คุณค่าในการมีปฏิสัมพันธ์ที่ดีกับลูกค้าได้ ปรัชญาของบริษัทก็สอดคล้องกับคุณค่าของบริษัทเช่นกันดังนี้ค่ะ
• แสดงความขอบคุณทุกๆวัน
• “รู้จักให้” คนอื่นก่อน
• มีจิตใจในการทำเพื่อผู้อื่น
• ยอมรับในสิ่งที่เปลี่ยนแปลงไม่ได้
• รู้จักระมัดระวังอย่างเหมาะสม
• ให้คุณค่ากับสิ่งที่อยู่รอบๆตัว
• ชื่นชมกับสิ่งที่เรามี
• มีมารยาทที่ดี
• แบ่งปันความรู้และประสบการณ์แก่คนอื่นๆ
• มุ่งมั่นในการทำสิ่งต่างๆให้สมบูรณ์
สมแล้วที่ไอเอสเอฟเน็ตได้รางวัลจากกระทรวงเศรษฐกิจ การค้า และอุตสาหกรรมญี่ปุ่นในด้านความหลากหลายในการจ้างงานปี 2013 เพราะผู้ก่อตั้งบริษัทได้ทำตามปรัชญาพื้นฐานของบริษัทที่กล่าวว่า “รอยยิ้มของคนๆหนึ่งสามารถสร้างรอยยิ้มให้กับคนอื่นๆ ได้” ค่ะ
ติดตามอ่านเรื่องราวการทำธุรกิจด้วยใจรักจนประสบความสำเร็จได้ในหนังสือ “Japan Success ธุรกิจสำเร็จได้ด้วยใจรัก” และ หนังสือจิตวิทยาความรักความสัมพันธ์ “เมื่อจิตวิทยา ทำให้คนรักกัน” สามารถพูดคุยสื่อสารกับพิชชารัศมิ์ได้ที่ FB: Life Inspired by พิชชารัศมิ์
เรื่องแนะนำ :
– The Departure ความสุขนั้นนิรันดร
– ผู้ชายญี่ปุ่นชอบผู้หญิงแบบไหนกันนะ
– มลพิษการท่องเที่ยวที่ประเทศญี่ปุ่นกำลังเผชิญ
– Hobonichi เว็บสร้างความสุขที่ขายสินค้าได้ดี
– Cybozu บริษัทที่อนุญาตให้พนักงานเลือกเวลาและสถานที่ทำงานเองได้
– Kiyoko Ojima ผู้หญิงที่มอบโอกาสให้ผู้ไร้บ้านได้กลับมายืนบนลำแข้งตัวเองได้อีกครั้ง
https://www.linkedin.com/pulse/different-disabilities-working-together-yukiyoshi-watanabe
http://www.isfnet-harmony.co.jp/en/enphilosophy.html