ตั้งแต่เขียนบทความมา คำถามที่น้องๆ ถามบ่อยเป็นอันดับ 2 รองจากเรื่องความรัก คือ เรื่องการเรียนภาษาญี่ปุ่นนี่แหละค่ะ “ทำยังไงถึงจะเก่งภาษาญี่ปุ่นคะ/ครับ” หรือ “เรียนภาษาญี่ปุ่นยังไงดี” เกตุวดีคิดว่า ปัจจัยความสำเร็จในการเรียนภาษาต้องมี 2 อย่าง คือ
ตั้งแต่เขียนบทความมา คำถามที่น้องๆ ถามบ่อยเป็นอันดับ 2 รองจากเรื่องความรัก คือ เรื่องการเรียนภาษาญี่ปุ่นนี่แหละค่ะ “ทำยังไงถึงจะเก่งภาษาญี่ปุ่นคะ/ครับ” หรือ “เรียนภาษาญี่ปุ่นยังไงดี” เกตุวดีคิดว่า ปัจจัยความสำเร็จในการเรียนภาษาต้องมี 2 อย่าง คือ “ความสนใจ” และ “ความอึด” ค่ะ สารภาพว่า ตอนเรียนภาษา ตัวเองขาดคุณสมบัติข้อแรก ไม่ค่อยรักภาษาญี่ปุ่นเท่าไร แต่ได้ความอึดเข้ามาทำคะแนน อยู่ญี่ปุ่น 2.5 ปีก็เลยสอบภาษาญี่ปุ่นระดับ 1 ได้
เรื่องที่จะเล่าต่อไปนี้ ขอให้เป็นกำลังใจให้น้องๆ ที่กำลังเรียนหรือคิดจะเรียนภาษาญี่ปุ่นจ้ะ (^^)
นักเรียนทุนรัฐบาลญี่ปุ่นทุกคนจะถูกส่งไปเรียนภาษาก่อน 1 ปี ก่อนไปญี่ปุ่น พวกเราเรียนภาษาญี่ปุ่นอยู่ 4 เดือน พอจำตัวอักษรฮิรากานะ คาตากานะได้บ้าง แกรมม่า จำได้แบบเลือนราง แต่พอไปเรียนที่โรงเรียนภาษา ความรู้ 4 เดือนที่เราสั่งสมมา ก็หมดไปภายใน 2 อาทิตย์ … เพราะเซ็นเซ (อาจารย์) สอนแบบนี้ค่ะ
“เอ้า ทุกคน ก.ไก่เขียนแบบนี้นะ” แล้วก็เขียนบนกระดาน พวกเราเขียนตาม 1 ตัว จากนั้น อาจารย์ก็ขึ้น ข.ไข่ ค.ควาย ไปเรื่อยๆ อักษรฮิรากานะมีทั้งหมด 46 ตัว อาจารย์สอน 3 ชั่วโมงจบ ที่เหลือพวกเธอไปท่องกันเอาเอง ชั้นไม่สน โฮะๆๆ แล้วเจ้าตัวฮิรากานะ มันก็มนๆ กลมๆ เหมือนๆ กันหมดเลย

ยังจำฮิรากานะแบบงงๆ วันถัดมา เซ็นเซก็จัดเต็ม….ตัวคาตากานะอีก 46 ตัว คาตากานะจะหน้าตาเหลี่ยมๆ ไม่น่ารักเท่าฮิรากานะ เอาไว้สะกดคำภาษาต่างประเทศค่ะ

ตัวอักษรทั้งหมดที่ว่ามา บางโรงเรียนเรียนเป็นเทอม แต่พวกเราเรียนจบภายใน 2 วัน จากนั้น เราจะเริ่มเข้าสู่คอร์สนรกอย่างจริงจังค่ะ เราจะเรียนภาษาตั้งแต่ 9 โมงเช้าถึงบ่าย 3 โมง ชั่วโมงแรกเรียนเขียนคันจิ (อักษรจีน) อีก 5 ชั่วโมงก็เรียนแกรมม่ากับศัพท์ไป เรียนอย่างนี้ทุกวันตั้งแต่จันทร์ถึงศุกร์ค่ะ
ภาษาญี่ปุ่นอาภัพอยู่อย่างคือ เสียงสระน้อยมากค่ะ มีแค่ 5 ตัวเท่านั้นเอง คือ “อะ” “อิ” “อุ” “เอะ” “โอะ” ภาษาไทยเรามีสระตั้ง 32 รูป 21 เสียง แค่คำว่า “กะ” “กา” “กู” “แก” “เกียร์” ความหมายก็ต่างกันแล้ว แต่ภาษาญี่ปุ่นเค้าทำไม่ได้ค่ะ เพราะฉะนั้นศัพท์ญี่ปุ่นแต่ละคำ จะยาวหลายพยางค์มาก เช่น
ไทย
|
ญี่ปุ่น
|
|
ขอบคุณ (2 พยางค์) | …. | อา-ริ-กา-โต้ (4พยางค์) |
ขอบคุณมาก (3พยางค์) | …. | อา-ริ-กา-โต้-โก-ไซ-มัส (7 พยางค์) |
ขอบพระคุณมาก (4 พยางค์) | …. | โด-โหมะ อา-ริ-กา-โต้-โก-ไซ-มัส (9 พยางค์) |
ภาษาญี่ปุ่นนำไปหลายช่วงตัวเลยค่ะ
ส่วนเจ้าคันจินี่เราเรียนวันละ 10 ตัวค่ะ อาทิตย์หนึ่งก็ปาไป 50 ตัว มีสอบย่อยทุกอาทิตย์ ตอนแรกๆ ดิฉันใช้วิธีถึกทุย เขียนตัวนึงเป็นร้อยๆ ครั้ง แต่พอเรียนๆไป ไม่มีเวลาทำอย่างนั้น ก็ต้องใช้วิธีตาดูสมองจำเอา โดยใช้ปากกาเขียนคันจิใส่กระดาษแล้วเอาสก๊อตเทปแปะๆๆ ตรงกำแพงหน้าโต๊ะอ่านหนังสือในห้อง เวลาอ่านหนังสือแล้วเงยหน้าขึ้นมาหายใจเฮือก ก็ยังเห็นคันจิอยู่ เห็นบ่อยๆ จะได้จำได้ พอกระดาษหน้าโต๊ะหนังสือเริ่มเต็ม ก็ลามไปแปะที่ห้องน้ำ ห้องครัว ฝาห้องนอน แปะๆๆ ไปเรื่อยๆ ค่ะ
เรียนภาษาทั้งวันทั้งคืนมาได้ 3 เดือน ทางโรงเรียนก็เริ่มปรับหลักสูตร เปลี่ยนมาเรียนภาษาแค่ครึ่งวัน แต่อีกครึ่งวัน ต้องเรียนวิชาการต่างๆ แทน วันจันทร์-ประวัติศาสตร์ วันอังคาร-คณิตศาสตร์ วันพุธ-สังคมญี่ปุ่น วันพฤหัส-กฎหมายและเศรษฐศาสตร์ วันศุกร์-วิชาเรียงความ ที่ว่ามาทั้งหมด เรียนเป็นภาษาญี่ปุ่นค่ะ! เป็นการปูพื้นเพื่อเข้าสู่มหาลัย
เพราะฉะนั้น ดิฉันต้องจำศัพท์อื่นๆ นอกเหนือจากภาษาญี่ปุ่นด้วย
เช่น …
“มุมฉาก” “มุมแหลม” “มุมป้าน” “ยกกำลัง” “ฟังก์ชั่น” “log” (แล้วเค้าไม่เรียกทับศัพท์นะเอ้อ)
“ดีมานด์” “ซัพพลาย” (นี่ก็ไม่ทับศัพท์ ภาษาญี่ปุ่นเรียก จุโย-เคียวคิว)
“รัฐธรรมนูญ” “กฎหมาย” “รัฐบาล” “ฝ่ายค้าน” (เคมโป-โฮริทสึ-เซฝุ-โยะโต)


แต่ในที่สุด เราก็จบคอร์ส Intensive นรกนี้ภายในหนึ่งปีอย่างสวยงาม หนึ่งปีที่เราคลุกคลีอยู่กับภาษาญี่ปุ่นทั้งวันทั้งคืน เป็นปีที่เกตุวดีค้นพบว่า สมองมนุษย์นี่สุดยอดจริงๆ จำศัพท์อย่างน้อยประมาณหมื่นกว่าคำ รวมถึงแกรมม่า และตัวอักษรคันจิใหม่ๆ ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อว่าเกตุวดีสามารถเรียนรู้ภาษาใหม่ขนาดฟัง พูด อ่าน เขียนได้โดยใช้เวลาเพียงแค่ 1 ปีเท่านั้นเอง
หลายคนบอกว่าพวกเราเก่งมากที่ฝ่ามาได้ แต่ดิฉันอยากจะบอกว่าสภาพแวดล้อมมันบีบบังคับมากกว่า ใครมาอยู่ในจุดที่เรายืนก็คงทำได้เหมือนกัน ขอแค่ใจสู้ ใครกำลังท้อเรื่องเรียน ไม่ต้องกังวลนะคะ เกตุวดีรวมถึงเพื่อนๆ ฝ่าฟันกันมาได้แล้ว เรียนที่เมืองไทยอาจขลุกขลักกว่า มีโอกาสฝึกน้อยกว่า แต่ไม่เกินความมุ่งมั่น (และพลังถึกทุย) ของเราแน่นอนค่ะ!