ผมเริ่มมีอิทธิพลมากขึ้นในย่านนั้น ลูกค้ามีปัญหากับร้านผมก็เป็นคนออกหน้า กับคนในแถบนั้นก็จะรู้ฤทธิ์ผมดี ภาพที่คนแถวนั้นเห็นประจำ คือผมใส่กางเกงมวย เดินถอดเสื้อ หรือไม่ก็ใส่เสื้อแขนกุด แทบทุกวัน นั่งสูบบุหรี่อยู่หน้าร้าน เหมือนอันธพาลยังไงยังงั้น
ภาพโดย : อ.วิโรจน์ สายดนตรี

จำได้ว่าไดน่ามาหาผมที่โอซาก้า หลังจากที่ผมมาอยู่ที่นี่ได้ประมาณ 1 เดือน มาวันแรกเธอก็มาพักอยู่ที่บ้านอาเทียรเหมือนกับผม เธอมากับเพื่อนหญิงคนนึงเป็นเพื่อนนักเรียน ผมเคยเห็นตอนที่ไปรับส่งเธอที่โรงเรียนเธอเหมือนเดิม เป็นช่วงปิดเทอมของเธอ คุยกันเหมือนไม่ได้เจอกันนาน
ไดน่าเป็นคนที่พูดภาษาไทยได้พอใช้เธอเรียนรู้จากนักเรียนไทยที่เธอรู้จัก เธอเล่าให้ฟังว่าพ่อเธอไม่ได้กลับมาที่บ้านนานแล้วเกือบเดือน พ่อเธอไปทำธุรกิจที่สิงคโปร์ จริงๆ แล้วพ่อไดน่าอยากให้ไดน่าไปที่โน่น แต่เธอไม่ยอมไป เธอผูกพันกับประเทศญี่ปุ่น ผมคิดว่าพ่อเธอน่าจะมีครอบครัวใหม่ที่นั่น ทำให้เธอไม่อยากไป เธอเป็นเด็กเข้มแข็ง สีหน้าแววตา ไม่เคยกังวลกับปัญหาอะไร
ผมเห็นเธอทีไรก็จะนึกถึงลูกสาวของผมที่เมืองไทยเสมอ ถ้าลูกสาวผมโตขึ้น อยากให้เข้มแข็งเหมือนกับเธอ หลายครั้งที่เวลาอยู่ที่โตเกียว ผมสังเกตไดน่าเวลาเธออยู่คนเดียว เธอจะนั่งเหม่อบ่อยๆ ผมไม่เคยถามว่าเรื่องอะไร แต่คิดว่าเป็นเรื่องพ่อของเธอที่ไปมีครอบครัวใหม่ เธอถึงพยายาม ใช้ชีวิตอยู่คนเดียวไม่ค่อยพูดถึงพ่อ มีผู้ชายมาจีบ เธอก็ไม่ค่อยสนใจ เป็นเพราะเธอคงผิดหวังกับชีวิตครอบครัว………
ไดน่าเธอมีความคิดว่าผมเป็นพี่ชายเธอ เธอเคยบอกผมว่า อยู่ใกล้ๆ ผมรู้สึกอบอุ่นแบบไม่เคยเป็น ผมจำคำพูดนี้ของเธอได้ดี แม้เราจะไม่ใช่พี่น้องกันจริงๆ แต่ความรู้สึกมันบอกได้ว่ามันเป็นอย่างนั้นจริงๆ ผมไม่เคยคิดเรื่องชู้สาวกับไดน่าเลย ตั้งแต่เห็นครั้งแรก รับส่งไปโรงเรียน พาไปเที่ยวกัน จนถึงวันนี้ เวลาผ่านไป 16 ปี ผมคิดว่าเธอคือน้องสาวที่แสนดี และผมก็คิดว่าเธอก็คิดกับผมแบบนี้เหมือนกัน เธอเป็นคนที่ผมอยากเจอมากที่สุดในเวลานี้ ความรู้สึกดีๆ เป็นอะไรที่รู้สึกได้โดยไม่ต้องพูดกันให้มากเรื่อง ต่างกับอาเทียร ผมยังมีแอบคิดในเชิงชู้สาวบ้างในบางครั้ง
ไดน่ามาหาผมครั้งนั้นผมแทบไม่ได้หลับได้นอนเลย กลางคืนก็ทำงาน เช้ามาก็ออกไปเที่ยว ในโอซาก้า ส่วนใหญ่เราจะไปไหว้พระกัน ไปกินของอร่อยๆ ในโอซาก้า ผมฝากให้ไดน่าส่งเงินกลับเมืองไทย ในส่วนที่ฝากไว้กับเธอ เพราะตอนนี้ผมมีรายได้ใหม่แล้ว ผมบอกกับเธอว่าคงอยู่ที่นี่ไปเรื่อยๆ เพราะอาเทียรกว้างขวางที่นี่ และหางานให้ผมทำได้ บอกเธอว่าไม่ต้องมาหาผม ผมจะไปหาเธอที่บ้านเองสัญญาว่าจะไปบ่อยๆ ถ้ามีวันหยุด และจะโทรไปหาทุกสองสามวัน
ในใจผมเป็นห่วงเธอ เพราะถ้าพ่อเธอไม่อยู่ เท่ากับว่าเธอต้องอยู่คนเดียว นานๆ ถึงจะมีเพื่อนมานอนด้วย ญาติพี่น้องเธอผมก็ไม่เคยเห็น วันที่เธอกลับ ผมอยากไปส่งเธอมาก แต่ก็ทำไม่ได้ เธอมาอยู่ที่นี่ 3 – 4 วัน แล้วเธอก็กลับไป…… ก่อนกลับเธอซื้อโทรศัพท์ไว้ให้ผมเครื่องนึงไว้ติดต่อกับเธอ
ชีวิตต้องดำเนินต่อไป ผมไปค่ายมวยเกือบทุกวัน ชอบการต่อยมวยมาก หลังจากมีอุปกรณ์ครบ ยิ่งบ้าเข้าไปใหญ่นอกจากซ้อม แล้วยังขี้นเวที เป็นคู่ซ้อมให้คนมาเรียนด้วย ที่นี่เองทำให้ผมรู้จักคนเยอะมากขึ้น เจอทั้งคนไทย คนญี่ปุ่นหลากหลายอาชีพ การขึ้นเป็นคู่ซ้อมบนเวทีได้เงินด้วย ไม่มาก แต่ก็เป็นโอกาสที่ดี ช่วงนั้นร่างกายผมฟิตมาก โช…เพื่อนร่วมงานของผม บอกผมว่า ผมมีความสามารถ หาเงินได้ไม่อยาก ไม่ต้องมาเป็นพนักงานที่ผับก็ได้ ผมก็ถามว่าแล้วผมจะไปทำอะไร มันบอกให้ผมคุยกับอาเทียร เธอช่วยผมได้มากกว่านี้ ………
อาเทียรเริ่มพูดภาษาไทยได้มากขึ้น ทำให้การสื่อสารดีขี้น เธอบอกว่าไม่อยากให้ผมเปลี่ยนงาน อยากให้ผมอยู่อย่างนี้ไปก่อน แล้วอย่าไปฟังโชมาก ให้เชื่อเธอ แล้วจะดีเอง ซึ่งจริงๆ แล้วผมก็คิดแบบนั้น ทุกอย่างดูดีไปหมด ไม่มีปัญหาในการใช้ชีวิตอยู่ และทำงาน เกินที่คาดไว้ไปหน่อย เดือนแรกรายได้ผม คิดเป็นเงินไทยประมาณ สี่หมื่นกว่าบาทรวมจากรายได้ทุกอย่าง คราวนี้ผมเก็บเงินไว้เอง ไม่ได้ฝากอาเทียร เหมือนกับที่เคยฝากกับไดน่า ไม่ใช่ไม่ไว้ใจแต่ไม่รู้ทำไมเหมือนกัน วิธีเก็บเงินของผม คือเอาไว้ในห้องที่บ้านพักนั่นแหละ เอาไว้ใต้ที่นอน คิดไว้ว่าครบแสนก็จะส่งไปเมืองไทย
ผมเริ่มมีอิทธิพลมากขึ้นในย่านนั้น ลูกค้ามีปัญหากับร้านผมก็เป็นคนออกหน้า กับคนในแถบนั้นก็จะรู้ฤทธิ์ผมดี ผมกลับจากการซ้อมมวย ภาพที่คนแถวนั้นเห็นประจำ คือผมใส่กางเกงมวย เดินถอดเสื้อ หรือไม่ก็ใส่เสื้อแขนกุด แทบทุกวัน นั่งสูบบุหรี่อยู่หน้าร้าน เหมือนอันธพาลยังไงยังงั้น
เริ่มออกไปทำงานกับโช ไปทวงเงินกับลูกค้าที่ติดการพนันกับที่ร้านถ้าทวงได้ ก็ได้เปอร์เซนต์ด้วย ไปทวงตามบ้านหรือไม่ก็ที่ทำงาน ส่วนใหญ่เป็นลูกค้าที่มาเที่ยวที่ร้าน แล้วขึ้นไปเล่นไพ่ข้างบนร้านแล้วเสีย หรือไม่ก็เป็นพนักงานที่กู้เงินที่ร้านแล้วหนีไป ผมก็ต้องไปตาม งานพวกนี้ทำให้ผมเกเรมากขึ้น ทำให้ชีวิตต้องเข้าเกี่ยวข้องกับยากูซ่าในโอซาก้า อย่างจำเป็น
หลังจากที่ไดน่ากลับไป ผมคิดถึงเธอทุกวัน อย่างไม่เคยเป็น มีความเป็นห่วง แต่ก็ไม่รู้ว่าจะแสดงอะไรออกที่มากกว่านั้น เรื่องอย่างนี้มันทำให้เรากลุ้มใจมาก ผมโทรไปหาไดน่า สั่งให้เธอโทรหาผมทุกวัน นั่นคือนิสัยผม ผมจะมีความผูกพันกับคนที่รู้สึกได้ว่าเป็นคนที่หวังดีกับเรา ยิ่งมารู้ว่าพ่อเธอไม่ค่อยกลับบ้าน ยิ่งกังวลมากขึ้นอีก ผมชวนอาเทียรกลับไปหาไดน่ากันเธอทำหน้า งงๆ เพราะไดน่าเพิ่งกลับไป แต่เธอก็รับปากว่าจะพาไป………..
อ่านญี่ปุ่นในมุมมืดทั้งหมด คลิ๊ก >>> ญี่ปุ่นในมุมมืด