จากเก่าสู่รัฐบาลใหม่เมจิ ภาษี และ สี่ชนคนเท่ากัน
รูปประกอบโดย WALK on CLOUD
เมื่อรัฐบาลเมจิเข้ามาใหม่ ก็มีนวัตกรรมใหม่ๆ เพื่อเปลี่ยนแปลงประเทศญี่ปุ่น
อย่างแรกคือรูปแบบการจัดเก็บภาษีที่เปลี่ยนไป
ต้องเท้าความไปในยุคสมัยก่อนของรัฐบาลเก่า รัฐบาลเอะโดะบะคุฟุ ส่วนใหญ่ภาษีที่จัดเก็บได้จะอยู่ในรูปแบบของเมล็ดข้าว
ข้อมูลสถิติในปีค.ศ. 1838 ภาษีที่เก็บได้อยู่ในรูปแบบเป็นเงินทั้งหมด 42% และเก็บในรูปแบบเมล็ดข้าว 57% อื่นๆอีก 1%
ปัญหาของการจัดเก็บภาษีรูปแบบของเมล็ดข้าว คือการที่โดนหนูกัดกิน หรือประสบปัญหาในการขนมาทางเรือ ถูกน้ำทะเลท่วม หรือการทุจริตของผู้รับเหมาขนส่ง ทำให้การจัดเก็บภาษีนั้นไม่มีความเสถียรภาพ
เมล็ดข้าวนั้นมีค่าขนส่งกับค่าจัดเก็บ และมีค่าใช้จ่ายในการตรวจสอบว่าในปีนั้นๆผลิตข้าวได้มากน้อยแค่ไหน เพื่อวิเคราะห์ว่าปริมาณเมล็ดข้าวที่จัดเก็บภาษีได้เหมาะสมไหม
เมล็ดข้าวที่จัดเก็บได้นั้นต้องนำไปขายเพื่อนำรายได้เข้ามา แต่ราคาข้าวก็เปลี่ยนแปลงตามตลาด เป็นปัญหาในการตั้งงบประมาณ
พอเป็นยุคสมัยรัฐบาลเมจิ ในปีเมจิที่ 6 (ค.ศ. 1873) รัฐบาลใหม่ จึงมีการระบุผู้ที่เคยจ่ายภาษีเมล็ดข้าวกำหนดใหม่ให้พวกเขากลายเป็นผู้ถือครองที่ดินและมีการออกโฉนดและระบุราคาของที่ดินให้กับผู้ถือครอง และระบุหน้าที่ให้ผู้ถือครองที่ดินจ่ายภาษี 3% ของราคาที่ดิน จึงเป็นผลให้การจัดเก็บภาษีไม่ต้องขึ้นอยู่กับว่าปีนั้นจะปลูกข้าวไ้ด้มากแค่ไหน สามารถจัดเก็บภาษีได้อย่างมีเสถียรภาพ
อย่างที่สองคือสโลแกนกล่าวว่าบุคคลสี่อาชีพให้มีความเท่าเทียมกัน ในภาษาญี่ปุ่นเขียนว่า 四民平等[ชิมินเบียวโด] แปลตรงๆได้ว่า “สี่ชนที่เท่าเทียม” ผมอยากจะลองเรียกว่า “สี่ชนคนเท่ากัน”
สี่อาชีพที่ว่านี้ได้แก่ บุชิ (ชนชั้นนักรบ) เกษตรกร ช่าง และ พ่อค้า
ปีค.ศ.1870 อนุญาตให้คนธรรมดามีนามสกุล, ปีค.ศ. 1871 อนุญาตให้คนธรรมดาสามารถแต่งงานกับคนในชนชั้นนักรบหรือชนชั้นสูง (ที่เรียกว่า “คะโซะคุ” 華族 ในยุคนั้น 華[คะ] มีความหมายว่า “ดอกไม้” ส่วน 族[โซะคุ] มีความหมายว่า “ครอบครัว” )
และมีการเกณฑ์ทหารสำหรับผู้ชายอายุ20ปีขึ้นไป และต้องเป็นทหาร 3 ปี ด้วยเหตุนี้ทหารที่พร้อมรบนั้นไม่ได้มาจากอาชีพชนชั้นนักรบเพียงอย่างเดียว แต่มาจากประชาชนทุกอาชีพ
แต่การเปลี่ยนแปลงนี้ อำนาจเก่าอย่างกลุ่มชมชั้นนักรบเกิดความไม่พอใจ ในปีค.ศ. 1876 มีการประกาศยุบเขตการปกครองเดิมที่เรียกว่า “ฮัง” และสร้างเขตการปกครองใหม่ที่เรียกว่า “เคน”(Prefecture เทียบเท่าจังหวัดของไทยเรา) ทำให้เหล่าชนชั้นนักรบเหล่านี้สูญเสียเจ้านายเดิม และยกเลิกการมอบเงินเดือน(ซึ่งเป็นเงินประจำ)ให้กับเหล่าชนชั้นนักรบ แต่ให้เป็นตั๋วที่ใช้แทนเงินจำนวนนึง (ซึ่งเหมือนเงินก้อน) ให้เหล่านักรบเก่าใช้ดำรงชีวิตไปพลางก่อนที่จะประกอบอาชีพใหม่
เหล่าชนชั้นนักรบนั้นเสียสถานะจากนโยบายสี่ชนคนเท่ากันและกฎหมายใหม่ที่ห้ามพกพาดาบ ซึ่งทำให้พวกเขาเสียสิทธิพิเศษในการที่มีนามสกุล การพกพาดาบไปไหนมาไหน จึงเกิดการจราจลของกลุ่มชนชั้นนักรบ แต่ไซโก ทะคะโมะริ (西郷隆盛) ได้จัดตั้งกองทหารทำสงครามเซนัน(西南戦争:สงครามตะวันตกเฉียงใต้) รัฐบาลใหม่ได้ทำทุกวิถีทางเพื่อปราบปรามการจราจล หลังจากนั้นการล้มรัฐบาลนั้นเป็นไปไม่ได้เลย แต่สิ่งที่ก่อตัวขึ้นมาแทนคือการเคลื่อนไหวเพื่อสิทธิพลเมือง
การเคลื่อนไหวเพื่อสิทธิพลเมืองนี้เริ่มต้นมาจาก นักการเมืองอย่าง อิตะกะคิ ไทสุเกะ (板垣退助) ที่มาจากอดีตแคว้นโตสะ วิจารณ์รัฐบาลเผด็จการที่มาจากอดีตแคว้นซะซึมะกับแคว้นโจชู และร้องขอให้มีการตั้งสภาผู้แทนราษฎรเพื่อเลือกผู้แทนจากประชาชนให้มีส่วนร่วมทางการเมือง ซึ่งการเคลื่อนไหวเพื่อสิทธิพลเมืองนี้ผู้นำการเคลื่อนไหวได้เปลี่ยนจากอดีตชนชั้นนักรบที่ไม่พอใจ แพร่กระจายไปวงกว้างจนถึงชนชั้นเกษตรกรที่ร่ำรวย และไปยังประชาชนคนธรรมดา
รูปประกอบโดย WALK on CLOUD
เรื่องแนะนำ :
– 悩み [นะยะมิ] ความกังวลใจ
– หลังสงครามโบะชิน การยกเลิกแคว้น “ฮัน” และสร้าง “เคน” (prefecture : จังหวัด)
– จุดสุดท้ายของกลุ่มชินเซนกุมิ
– เหตุการณ์ประตูต้องห้าม และความเกี่ยวข้องกับกลุ่มชินเซนกุมิ
– เหตุการณ์ อิเคะดะยะ ที่สร้างชื่อให้กลุ่มชินเซนกุมิ
อ้างอิง
– https://www.nta.go.jp/
– https://detail.chiebukuro.yahoo.co.jp/
– https://www.nippon.com/
#จากเก่าสู่รัฐบาลใหม่เมจิ ภาษี และ สี่ชนคนเท่ากัน