วิชายุทธ วิถีเซน by Lordofwar Nick
มาอ่าน “คัมภีร์ห้าห่วง” ของมูซาชิด้วยกันเถอะ (18) คัมภีร์แห่งอาโป (น้ำ): สิ่งที่เรียกว่าวิถีของทะจิ
สวัสดีครับท่านผู้อ่าน มีอยู่วันหนึ่งผมเป็นลมอัดที่ลิ้นปี่ กินยาหอมแล้วเรอก็ไม่หาย กินอีโนแล้วเรอก็ยังไม่หาย ตอนไปนั่งกินแรปมังสวิรัติเลยสั่งรูทเบียร์ A&W มากินหนึ่งกระป๋อง ปรากฎว่าเรอแล้ว หาย ครับ ปกติผมพยายามเลี่ยงน้ำอัดลมเพราะมันเป็นตัวสร้างนิสัยการกินที่ไม่ดี (ต่อสุขภาพ) แต่รูทเบียร์ยี่ห้อนี้มันเป็นอะไรที่ เอิ่ม มันคือรสชาติที่เป็นความทรงจำของชีวิตวัยรุ่นน่ะนะ (ฮา) ผมยังเคยไปนั่งกินร้าน A&W ที่ยูเนียนมอลล์กับเฮียก๊อบเลย กินมาตั้งแต่ตอนแรกมันมีอยู่ที่เซ็นทรัลลาดพร้าวด้วยซ้ำเอ้า พอมาได้ข่าวว่าร้านยี่ห้อนี้ปิดกิจการแล้วก็ใจหาย ถึงจะรู้ว่า อนิจจัง วต สังขารา สังขารทั้งหลายไม่เที่ยง ก็ตามที ก็อย่างว่าแหละครับเมื่อคนเราอายุมาถึงตรงนี้แล้วย่อมมีความทรงจำค้างอยู่ในจิตเยอะแยะ แต่เราก็ต้องไปข้างหน้าต่อไป ว่าแล้วก็ กินหมดกระป๋องจนได้ก่อนไปซ้อม อ้อ อย่าลืมกินน้ำเปล่าตามเยอะๆ ด้วยล่ะ 555
นอกเรื่องเยอะละ เข้าเรื่องกันเลยนะครับ
คำแปลข้อความต้นฉบับ
水の巻
คัมภีร์แห่งอาโป
八 一 太刀の道と云事
แปด สิ่งที่เรียกว่าวิถีของทะจิ
`太刀の道を知る `と云事は `常に我さす刀をゆび二ツにて振る時も道すぢ能知りては自由に振もの也 `太刀をはやく振らんとするによつて太刀の道ちがひて振がたし `太刀は振りよき程に静に振る也 `或は扇或は小刀など遣ふ様に `はやく振らん `と思ふによつて太刀の道ちがひて振がたし `夫は `小刀きざみ `といひて太刀にては人のきれざるもの也 `太刀を打さげてはあげよき道にあげ横に振りては横にもどりよき道へもどしいかにも大きにひぢをのべて強く振る事是太刀の道也 `我兵法の五ツの表を遣ひ覚ゆれば太刀の道定まりて振よき所也 `能々鍛錬すべし
สิ่งที่เรียกว่า “รู้ซึ่งวิถีของทะจิ” นั้น คือแม้ยามที่แกว่งดาบที่คาด (เอว) ตัวเองอย่างเป็นนิตย์ด้วยสองนิ้ว ก็รู้ดีซึ่งเส้นทางวิถี แกว่งไกวได้โดยอิสระ โดยอาศัยการแกว่งไกวทะจิเอาเร็วๆ จักพลาดซึ่งวิถีของทะจิ แกว่งไกวได้ยาก ทะจินั้น แกว่งไกวอย่างสงบแกว่งไกวให้พอดีๆ หากอาศัยนึกว่า “จะแกว่งไวๆ” อย่างใช้พัดหรือดาบเล็ก จักพลาดซึ่งวิถีของทะจิ แกว่งไกวได้ยาก นั้นคือ การที่เรียกว่า “กรีดดาบเล็ก” ด้วยทะจินั้น เป็นของที่ฟันคนไม่ได้ ฟันทะจิลงแล้วจึงยกขึ้นมาเป็นวิถีอันดี แกว่งดาบไปทางขวางแล้วกลับมาทางขวางเป็นวิถีอันดี ไม่ว่าอย่างไรการยืดข้อศอกให้ใหญ่ แกว่งไกวให้แรงนั้นเป็นวิถีของทะจิ หากใช้เบื้องหน้าทั้้งห้าของพิขัยสงครามของข้าฯ จนจำได้แล้วละก็ วิถีแห่งทะจิจะตั้งมั่น แกว่งไกวได้ดีเอง ควรฝึกฝนให้บ่อยๆ
การตีความและอภิปราย
เนื้อหาในตอนนี้ ถ้าพูดเจาะจงเรื่องวิชาดาบ มูซาชิก็กล่าวไว้ตรงตัวอยู่แล้ว
แต่ถ้าาจะพูดถงการประยุกต์ใช้กับการเรียนรู้สิ่งต่างๆ ในชีวิตละก็ ผมขอสรุปเป็นสูตรว่า ทำเร็วๆ = ทำลวกๆ ทำลวกๆ = สักแต่ว่าทำไปหยาบๆ สักแต่ว่าทำไปหยาบๆ = ผลลัพธ์ (ผลงาน ผลที่ได้) เลวๆ
อยากทำสิ่งต่างๆ ให้ได้ดี เวลาเรียนรู้ฝึกหัด ต้อง ช้าๆ ใส่ใจรายละเอียด แล้วค่อยขัดเกลาไป อย่าทำลวกๆ หยาบๆ แค่ให้มันพ้นๆ ไป
ปัญหาของคนสมัยนี้ ผมมองว่า คนสมัยนี้ให้ราคากับ “ความเร็ว” มาก แต่ไม่ให้ราคากับ “คุณภาพของผลงาน” เพราะเราอยู่ในยุคที่เทคโนโลยีอำนวยให้เราสามารถทำอะไรได้เร็วแบบแทบไม่ต้องคิด แต่สภาพแวดล้อมเช่นนี้แหละที่จะหล่อหลอมให้เรากลายเป็นคน “ทำอะไรไม่คิด” “ทำอะไรเอาเร็วเข้าว่า” เคยคิดไหมครับว่า เราปล่อยให้สิ่งนอกตตัว (เทคโนโลยี) มากลายเป็นตัวกำหนดชีวิตเราว่า ในเมื่อมันเร็ว คนเราก็ต้องเดินให้เร็วไปตามมัน! แทนที่มันจะมารับใช้เรา กลายเป็นว่าเราต้องเร่งจังหวะตัวเองให้เร็วไปตามมัน
ถ้าปล่อยให้มันเข้ามาในชีวิตมากๆ เราจะกลายเป็นทาสของมัน จะถูกมันครอบงำความคิดจิตใจ
หนทางที่จะคลายตัวเองออกจากตรงนี้คือ ไปเรียนรู้การทำอะไรให้ช้าและละเอียดบ้าง นั่นคือต้องใช้เวลาอยู่กับการสร้างงาน “ศิลปะ” ครับ
การไปนั่งวาดรูป ระบายสี ทำงานฝีมือ มันจะกลายเป็นช่วงเวลาที่เราได้อยู่กับตัวเอง ได้ทำสิ่งต่างๆ ไปตาม “จังหวะ” จากใจของตัวเราเอง หากจะมุ่งหวังอะไรก็คงมุ่่งหวังแค่ให้ “ผลงาน” ออกมาดี โดยไม่ต้องมาพะวงเรื่อง “เวลา”
ชีวิตงานการคนเรา “เร่งร้อน” มาเยอะแล้ว หากปล่อยให้เร่งร้อนไปเรื่อยๆ โดยไม่มี “ผ่อนเย็น” มาเบรคบ้างเลย สมดุลของจิตจะพังเอาสักวัน การรักษาสมดุลของใจด้วยศิลปะนั้น เอาง่ายๆ นะครับ มูซาชิเองก็ได้สร้างสรรค์งานศิลปะภาพวาดเอาไว้เหมือนกัน ซึ่งเท่าที่เห็น จะชอบวาดรูป “นก” ดังเช่นรูปนี้ครับ
ภาพ “นกกาน้ำ” (อุซุ 鵜図) ไม่ปรากฎปีที่วาด ที่มา https://bunka.nii.ac.jp/heritages/detail/126164
เขาว่าคนชอบวาดรูปนกเนี่ย หากเป็นชาย จะเป็นคน รักอิสระ ไม่ชอบการถูกตีกรอบ ชอบลุย ไม่ชอบการโดนผูกมัด ดูจากมูซาชิแล้วผมคงเชื่อได้ว่าคำทายนิสัยอันนี้น่าจะเชื่อถือได้ 555
พอพูดถึงตรงนี้แล้วขอระบายนิดนึง ผมก็เข้าใจนะว่าคนที่เอาเรื่องราวของมิยาโมโตะ มูซาชิ มานำเสนอให้คนไทยได้รู้จักนั้น เขาเอาเรื่องราวที่ไปอิงกับ “นิยาย” ของโยชิคาวะ เอย์จิ ซึ่งทำให้วาดภาพมูซาชิออกมาให้ดูเทพ คือเก่งกล้ามาก ดูไม่เป็นปุถุชน ที่พีคสุดคือเรื่องราวที่ว่ามูซาชิ “วิ่งหนีความรัก” ค๊าบ แม้แม่นางโอซือที่ว่าเป็นคู่หมั้นของเพื่อนจะพยายามตาม แต่มูซาชิก็พยายามหนี มันเป็นการวาดภาพอุดมคติทำนองว่าเกิดเป็นชาย (ชาวญี่ปุ่น) ต้องมุ่งสู่การบรรลุเป้าหมายที่จะเก่งกล้าเท่านั้น ฉะนั้้นต้องห้ามสนเรื่องผู้หญิง ซึ่งฟังดูอารมณ์เหมือนแบบ จะบำเพ็ญเพียร ต้องประพฤติพรหมจรรย์ ห้ามแตะผู้หญิง อะไรประมาณนี้เลย (จนมีคำว่า “ในวิถีแห่งดาบ ผู้หญิงไม่จำเป็น” ฮา) แต่ผมว่าถ้าเราจะไม่สนอุดมคติที่นำเสนอในนิยาย แล้วมองมูซาชิเป็น “คน” ที่ไม่ใช่เทวดามาจากไหน ผมว่าที่วิ่งหนีไม่ใช่อะไรหรอก ไม่อยากโดนผู้หญิงจับทำสามีซะมากกว่า (ชีวิตเราใช้ซะ) 555
ผมไปอ่านเจอใน Yahoo! จิเอะบุกุโระ มีคนบอกว่า ในหนังสือรวมเรื่องเบ็ดเตล็ด “อิฮอนโดโบโกะเอ็น” (異本洞房語園) ที่มีคนรวมรวมในปี พ.ศ. 2263 ยังบรรยายเลยว่ามูซาชิชอบไปเที่ยวที่ โยชิวาระ (吉原) ซึ่งเป็น “ย่านโคมแดง” ชื่อดังแห่งเมืองเอโดะ แถมมีน้องหนูขาประจำด้วย มาทีนี่ น้องๆ นี่แห่กันไปยืนส่งแขกเลยทีเดียว (ประมาณว่า พี่ขาวันหลังมาใหม่นะค๊า แสดงว่า เที่ยวบ่อย 555) มูซาชิเป็นผู้ชายนะครับจะไม่ให้เอ๊กอี๋เอ๊กเอยก็คงกระไรอยู่ 555 ฉะนั้นข้อนี้ผมเชื่อครับ
วิชาต่อสู้เองนั้นก็มีแง่มุมที่จะเรียนให้เป็น “ศิลปะ” ก็ได้เช่นกันครับ การจัดตำแหน่งส่วนต่างๆ ของร่างกายให้ถูกต้อง เคลื่อนไหวให้เหมาะสม รู้จังหวะเร็วช้าแรงเบา มันก็เป็นศิลปะอย่างหนึ่งเช่นกัน ลูกชายผมเขาชอบวาดรูปมาแต่ห้าขวบผมก็เอาไปเรียนศิลปะเด็ก ตอนนี้แปดขวบแล้วก็ยังชอบวาดรูปอยู่ ตัวผมไม่ได้ชอบวาดรูปไม่ได้วาดรูปเก่งเหมือนลูก ทุกวันนี้ก็เรียน “ศิลปะ” ผ่าน “กีฬาต่อสู้” อย่าง bjj นี่แหละ
เดี๋ยวถ้ามีโอกาสจะสอดแทรดเกร็ดชีวประวัติของมูซาชิมาให้อ่านกันอีกนะครับ สุดท้ายนี้ขอฝากรูป “แรปกรีกฮูมมูส” ของร้านพันพรรณ มาร์เก็ต ที่หางดง มาให้ดูเล่นกันนะครับ ช่วงนี้อดคิดไม่ได้ว่า ถ้าสามารถกินอาหารอย่างนี้ได้ทุกวันละก็ น่าจะมีสุขภาพและรูปร่างที่ดีกว่านี้แน่นอนครับ
แรป Greek Hummus
ช็อกโกแลตเย็น จ้ะ
พบกันใหม่สัปดาห์หน้านะครับสวัสดีครับ
เรื่องแนะนำ :
– มาอ่าน “คัมภีร์ห้าห่วง” ของมูซาชิด้วยกันเถอะ (17) คัมภีร์แห่งอาโป (น้ำ): เรื่องของการตั้งท่าห้าแบบ
– มาอ่าน “คัมภีร์ห้าห่วง” ของมูซาชิด้วยกันเถอะ (16) คัมภีร์แห่งอาโป (น้ำ): เรื่องของการใช้เท้า
– มาอ่าน “คัมภีร์ห้าห่วง” ของมูซาชิด้วยกันเถอะ (15) คัมภีร์แห่งอาโป (น้ำ): เรื่องของอาการถือทะจิ
– มาอ่าน “คัมภีร์ห้าห่วง” ของมูซาชิด้วยกันเถอะ (14) คัมภีร์แห่งอาโป (น้ำ): สิ่งที่เรียกว่าการจับตาดูแห่งพิชัยสงคราม
– มาอ่าน “คัมภีร์ห้าห่วง” ของมูซาชิด้วยกันเถอะ (13) คัมภีร์แห่งอาโป (น้ำ): เรื่องของการแต่งกายแห่งพิชัยสงคราม
#มาอ่าน “คัมภีร์ห้าห่วง” ของมูซาชิด้วยกันเถอะ (18) คัมภีร์แห่งอาโป (น้ำ): สิ่งที่เรียกว่าวิถีของทะจิ