มูจิความเรียบง่ายที่ดีต่อใจ
มูจิ (無印良品) มีที่มาจากคำว่า Mujirushi (ไม่มีแบรนด์) Ryōhin (สินค้าคุณภาพ) เอกลักษณ์ของสินค้า คือ การที่เป็นสินค้าคุณภาพดีแต่ไม่มียี่ห้อ มูจิไม่มีโลโก้ที่แสดงความเป็นตัวตน ไม่เน้นการโฆษณา ใช้เป็นการบอกปากต่อปาก สิ่งที่ขับเน้นความเป็นมูจิเป็นตัวสินค้าที่ออกแบบเรียบง่าย ใช้งานดี (Less is more) กลมกลืนกับสิ่งแวดล้อมโดยรอบ
ผลิตภัณฑ์ของ Mujirushi Ryōhin เริ่มนำมาวางขายในปี 1980 ตามร้านค้าต่างๆ จุดเด่นที่แตกต่างไปจากสินค้าคู่แข่ง คือ ผลิตภัณฑ์ของมูจิมีคุณภาพมากกว่าเจ้าอื่น ข้อความสำคัญที่ต้องการสื่อกับผู้บริโภคเป็นสโลแกนว่า “ราคาถูก ด้วยเหตุผล” ราคาขายปลีกของผลิตภัณฑ์แต่ละอย่าง “ต่ำกว่าปกติ” แต่ละผลิตภัณฑ์ผ่านการคัดเลือกวัสดุที่ดี มาจากธรรมชาติ ลดขั้นตอนการผลิต ออกแบบให้เรียบง่าย มีคุณสมบัติที่ผู้ใช้ต้องการ
แนวคิดที่มาของมูจิเกิดจากยุคนั้นเป็นยุคที่ญี่ปุ่นมีการแข่งขันในวงการค้าปลีกอย่างหนัก สินค้าแบ่งออกเป็น 2 ขั้วที่แตกต่างกันมาก ขั้วแรก คือ การสร้างแบรนด์ให้โดดเด่น จนผู้บริโภคพากันคลั่งแบรนด์ ไม่ว่าจะเป็นแบรนด์ของในประเทศญี่ปุ่นเองหรือต่างประเทศ ส่วนอีกขั้วหนึ่งเนื่องจากมีผู้ขายจำนวนมาก ทำให้แข่งขันกันตัดราคา ส่งผลให้ต้องลดต้นทุนการผลิต สินค้าที่ได้มีคุณภาพไม่ดี มูจิเลยตีโจทย์สร้างผลิตภัณฑ์ที่แตกต่างจากสองขั้วนี้ กลุ่มเป้าหมายที่เป็นลูกค้า คือ คนที่มองหาสินค้าคุณภาพดี ตัดสิ่งที่ไม่จำเป็นออก ไม่ต้องยึดติดกับแบรนด์ ราคาไม่สูง “มูจิไม่ได้ต้องการเป็นแบรนด์ แต่ต้องการเป็นไลฟ์สไตล์”
ดีไซเนอร์ที่ออกแบบผลิตภัณฑ์ของมูจิมีคอนเซ็ปต์ “ให้ผลิตภัณฑ์เปรียบเสมือนภาชนะที่ว่างเปล่า” ดังนั้นรูปแบบสินค้าที่ออกมาจะมีความเรียบง่าย (Minimalist) สีหลักของสินค้าเป็นสีน้ำตาล ขาว ดำ เทา น้ำเงิน สีเงิน มีลักษณะเป็น Unisex ไม่ว่าเพศไหนก็ใช้สินค้านั้นได้ ลูกค้าที่ใช้สามารถออกแบบใส่ความเป็นตัวเองเพิ่มได้อย่างอิสระ ดังนั้นใครๆ ก็สามารถใช้มูจิได้ด้วยความสบายใจ
>> ความเรียบง่ายดีต่อใจ
ความเรียบง่าย (Minimalist) หมายถึง การลดทอนรายละเอียดที่ไม่จำเป็น เหลือเฉพาะสิ่งที่เป็นประโยชน์กับผู้ใช้
มีงานศึกษาวิจัยทางจิตวิทยาเกี่ยวกับเรื่องความเรียบง่ายที่ส่งผลดีต่อสภาพจิตใจ ตัวอย่างเช่น
@ ความเรียบง่ายช่วยเติมเต็มความต้องการขั้นพื้นฐานทางจิตใจ (Basic Psychological Needs)
ตามทฤษฎีความสามารถในเลือกตัดสินใจสิ่งต่างๆ ด้วยตัวเอง (The self-determination theory) เชื่อว่ามนุษย์มีความต้องการพื้นฐาน 3 อย่าง คือ การได้เป็นตัวเอง (Autonomy), ความเชื่อมั่นในศักยภาพของตัวเอง (Competence), ความเชื่อมโยงกับสิ่งแวดล้อม (Relatedness)
มีการศึกษาว่าคนที่ใช้ชีวิตอย่างพอเพียง บริโภคเท่าที่จำเป็นมีแนวโน้มที่จะพึงพอใจกับชีวิตที่เป็นอยู่มากกว่าคนที่เป็นวัตถุนิยม (Materialism) เนื่องจากหาความสุขทางใจได้ง่ายกว่า (Emotionally positive experiences)
@ ความเรียบง่ายตัดสิ่งไม่จำเป็นออกจากชีวิต
การที่เรามีทางเลือกมากเกิน ไปหมกมุ่นกับการสะสมวัตถุ หรืออยู่ในสิ่งแวดล้อมที่มีสิ่งเร้าเยอะๆ (Overstimulation) ส่งผลให้เราไม่ได้ใช้เวลาอยู่กับตัวเอง เพื่อที่จะทำความเข้าใจความคิด ความรู้สึก หรือความต้องการที่แท้จริงของตัวเรา
@ ความเรียบง่ายทำให้เรามีความตระหนักรู้ (Self-awareness)
การมีของน้อยชิ้นเท่าที่จำเป็น ทำให้เรารู้จักตัวเองได้ดีขึ้น มีชีวิตอยู่กับปัจจุบัน
>> ทำอย่างไรให้ใช้ชีวิตแบบเรียบง่าย (Minimalist Lifestyle)
@ หาแรงบันดาลใจ
หากเราเริ่มคิดที่จะเปลี่ยนวิถีการใช้ชีวิตในช่วงแรกเราต้องการข้อมูลจากผู้รู้ที่เขียนหนังสือหรือบอกเล่าวิธีการใช้ชีวิตแบบ Minimalist ผ่านสื่อต่างๆ เพื่อที่เราจะได้เรียนรู้วิธี และได้แรงบันดาลใจ/กำลังใจจากประสบการณ์ของคนอื่น
ตัวอย่างหนังสือ เช่น หนังสือการจัดบ้านของ “คนโด มาริเอะ” ที่มีวิธีการคัดเลือกของที่จะอยู่ต่อในบ้านหรือเอาไปไว้ที่อื่น คือ การจุดประกายความสุข (Spark Joy) ทำได้โดยการหยิบสัมผัสของสิ่งนั้น หากเรารู้สึกดีมีความสุขกับของชิ้นไหน ให้เก็บชิ้นนั้นไว้ แต่ถ้าไม่ก็ให้ทิ้งไปเลย
คนโด มาริเอะ
@ คิดทบทวนและหาทางปรับเปลี่ยน (Reflect/ Revise)
ก่อนที่เราจะเปลี่ยนแปลงตัวเองไปใช้ชีวิตแบบ Minimalist ได้ เราต้องถามตัวเองในเรื่องต่างๆ เช่น “ของสิ่งนี้เรายังจำเป็นต้องใช้มันอยู่มั้ย”, “เรามีความจำเป็นอะไรที่จะต้องหันกลับมาสำรวจความรู้สึก ความต้องการของตัวเอง”
@ วางแผนและกำหนดวันที่จะเปลี่ยนแปลงตัวเอง
เตรียมตัวเตรียมใจเรื่องการจัดของว่ายังไงเราก็ต้องทิ้งของบางอย่างไป เหลือไว้แต่ของที่จำเป็น
วางแผนในการจัดที่อยู่/ที่ทำงาน หรือที่อื่นๆที่ต้องการให้ Minimalist
ควรกำหนดวันและพื้นที่ที่จะทำในแต่ละวัน เพราะไม่อย่างนั้นเรามีแนวโน้มที่จะเลื่อนผัดผ่อนออกไปเรื่อยๆ ไม่ว่าจะด้วยใจยังไม่พร้อมหรือยังขี้เกียจทำอยู่
หากคิดว่าใจไม่แข็งพอที่จะทิ้งของ ให้หาคนมาช่วย บางที่ให้เราทิ้งของเอง เราอาจตัดใจทิ้งไม่ลง แต่ถ้ามีคนอื่นมาช่วยทิ้ง เราจะทำใจได้มากกว่า
ว่าแล้วเราลองหันไปสำรวจสิ่งของที่อยู่รอบๆตัวกันค่ะ…ว่ามีอะไรที่เราสปาร์คจอยกับมัน เพื่อที่จะเอาของที่ไม่จำเป็นออกไป ชีวิตจะได้เรียบง่ายมากขึ้น:))
ทักทายพูดคุยกับหมอแมวน้ำเล่าเรื่องได้ที่ www.facebook.com/sealpsychiatrist
เรื่องแนะนำ :
– นกกระเรียนแทนคุณ: การทำดีโดยไม่หวังผลตอบแทน
– ว่าด้วยเรื่องแมวกับคนญี่ปุ่น: เราจะเลี้ยงแมวดีมั้ยนะ
– Peach Girl โมโมะกับซาเอะ: ทำไมมิตรภาพของเพื่อนผู้หญิงมันช่างซับซ้อน
– “ช็อคโกแลตวาเลนไทน์กับวันไวต์เดย์: หากรักไม่สมหวัง”
– อุระชิมะ ทาโร่ x พาวเวอร์แพท: การปรับตัวกับความเปลี่ยนแปลง
คลินิก JOY OF MINDS
ทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านการดูแลรักษาปัญหาด้านสุขภาพจิตโดยเฉพาะ
https://www.facebook.com/Joyofminds/
Tel: 090-959-9304
#มูจิความเรียบง่ายที่ดีต่อใจ