ญี่ปุ่นไม่เคยหยุดพัฒนา ด้วยแนวคิด คะจิ-สึสึเคะรุ (勝ち続ける) ที่แปลว่าต้องชนะอย่างต่อเนื่องครั้งแล้วครั้งเล่า
มีหลายคนกล่าวว่า “คนญี่ปุ่นเป็นคนที่สุดโต่ง” ซึ่งผู้เขียนค่อนข้างเห็นด้วย เนื่องจากคนญี่ปุ่นมีความยึดมั่นถือมั่นในบางเรื่องอย่างมากมายกว่าคนชาติอื่น ซึ่งก็เป็นทั้งเรื่องดีและไม่ดีในขณะเดียวกันเหมือนดาบสองคม โดยหากมองในแง่ดีคือ การที่ไม่รู้จักยอมแพ้ต่ออุปสรรคใด ๆ และพยายามอย่างหนักเพื่อพัฒนาแล้วพัฒนาเล่า จนเหมือนกับชนกำแพงแห่งวิวัฒนาการแล้วแต่ก็ยังไม่ยอมหยุดพัฒนา
วันนี้จะพูดถึงคำว่า Kachi-tsuzukeru (勝ち続ける) ซึ่งมาจากคำว่า คะ-ทสึ (勝つ) ที่แปลว่าชนะ และ คำว่า สึสึเคะรุ (続ける) ที่แปลว่าทำอย่างต่อเนื่อง กลายเป็น คะจิ-สึสึเคะรุ (勝ち続ける) ที่แปลว่าต้องชนะอย่างต่อเนื่องครั้งแล้วครั้งเล่า ซึ่งมีนักกีฬาดัง ๆ ของญี่ปุ่นหลายท่านที่มีแนวคิดนี้และไม่ได้แค่พูด แต่ว่าทำจริงด้วยการโชว์ผลงานชนะอย่างต่อเนื่องครั้งแล้วครั้งเล่าได้จริง ๆ อย่างเช่น ทะนิ เรียวโกะ นักยูโดชื่อดัง หรือ ซูซูกิ อิจิโร่ นักเบสบอลชื่อดัง เป็นต้น
สำหรับคนทั่วไปแล้ว การชนะในการแข่งขันใด ๆ ก็ตาม นับว่าเป็นเรื่องยากแล้ว แต่คนญี่ปุ่นจำนวนมากไม่ได้ตั้งเป้าเพียงการชนะครั้งเดียว แต่ตั้งเป้าที่ “ต้องชนะตลอดไป” ซึ่งเป็นการตั้งเป้าที่สุดโต่งมาก และคนญี่ปุ่นในทุก ๆ วงการ ไม่ใช่เพียงวงการกีฬา ที่มักจะมีแนวคิดสุดโต่งเช่นนี้ เมื่อพิจารณาดูแล้วจะพบว่าประวัติศาสตร์ญี่ปุ่นนั้นเต็มไปด้วยความพยายามที่จะ “คะจิ-สึสึเคะรุ” มาตลอดจริง ๆ
เคยกล่าวถึงไปแล้วเรื่อง “วะคง-โยไซ” ที่พยายามผสมผสานจิตวิญญาณญี่ปุ่นและวิทยาการแบบตะวันตก ( https://www.marumura.com/wakon-yosai/ ) และเรื่อง “อี้โทะโกะโดะริ” ( https://www.marumura.com/iitoko-dori/ ) คือชาวญี่ปุ่นไม่ลังเลที่จะผละออกห่างจากวิทยากรจีนเพื่อไปหาวิทยาการตะวันตกแทนทั้งระลอกแรกในยุคปฏิรูปเมจิ และ ระลอกสองคือหลังสงครามโลกครั้งที่สอง และไม่ลังเลที่จะ “ฉก” ของชาติอื่น ๆ ไปพัฒนาต่ออย่างไม่หยุดยั้งจนกลายเป็นของญี่ปุ่นเอง หากญี่ปุ่นสบโอกาสที่จะพัฒนาตัวเองอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นวงการกีฬาหรือวงการใด ๆ แล้วล่ะก็ ชาวญี่ปุ่นจะไม่หยุดปรับตัวเพื่อพัฒนาให้ “คะจิ-สึสึเคะรุ” อยู่อย่างสม่ำเสมอ
จะพบว่าญี่ปุ่นได้นำของ “ชาวบ้าน” ชาติอื่น ๆ มาพัฒนาปรับปรุงอย่างต่อเนื่องจนกลายเป็นของตัวเอง และคนจำนวนมากทั่วโลกก็รับรู้การพัฒนาโดยชาวญี่ปุ่นด้วย เช่น
1) ภาษาญี่ปุ่น – พัฒนามาจากภาษาจีนโบราณ จนกลายเป็นภาษาญี่ปุ่นปัจจุบัน
2) คาราเต้ – พัฒนาจากเพลงมวย “เทะ” ของราชอาณาจักรริวกิว (จังหวัดโอกินาวาในปัจจุบัน)
3) เหล้าโชจู – พัฒนามาจากเหล้ากลั่นอะวะโมะริซึ่งถ่ายทอดวิธีกลั่นมาจากอยุธยาไปสู่ราชอาณาจักรริวกิว แล้วค่อยถ่ายทอดวิธีกลั่นเหล้าจากโอกินาวาไปสู่ญี่ปุ่นแผ่นดินใหญ่ในภายหลัง
4) เครื่องดนตรีชะมิเซ็น – พัฒนามาจากเครื่องดนตรี “ซันชิน” ของราชอาณาจักรริวกิว
5) พุทธนิกายเซน – พัฒนามาจากพุทธนิกายฌาน (禅) ของเส้าหลิน
6) การดื่มชา – พัฒนามาจากการดื่มชาของจีน
7) อาหารจีนสไตล์ญี่ปุ่น – ที่เรียกว่า “ชูกะเรียวริ (中華料理)” พัฒนามาจากอาหารจีนต้นฉบับหลากหลายแหล่ง
8) อาหารฝรั่งสไตล์ญี่ปุ่น – ที่เรียกว่า “โยโชะคุ (洋食)” พัฒนามาจากอาหารฝรั่งหลายชาติ
9) บะหมี่กึ่งสำเร็จและบะหมี่ถ้วย – พัฒนามาจากบะหมี่แบบจีน ผสมกับ Know-How ของอเมริกัน
10) หมากล้อม – พัฒนามาจากหมากล้อมจีนที่เรียกว่า “เหวยฉี (围棋)” แต่ปัจจุบันแทบไม่ได้ยินใครเรียกสิ่งนี้ว่าเหวยฉี เพราะเรียกด้วยภาษาญี่ปุ่นกันหมดว่า “โกะ (碁)”
11) กีฬาหลายประเภท – แม้แต่วงการกีฬา ญี่ปุ่นก็สร้างระบบนิเวศน์ให้ธุรกิจกีฬาของตัวเอง มีระบบจ้างงานนักกีฬาอย่างเป็นรูปธรรม พัฒนาไปสู่ระบบสโมสรและระบบนักกีฬาอาชีพได้ จนเป็นที่ยอมรับของวงการกีฬาทั่วไป
12) วัฒนธรรมองค์กรญี่ปุ่น – แม้แต่วัฒนธรรมองค์กรญี่ปุ่น ก็มีแนวโน้มจะชื่นชอบพนักงานแบบเป็ดที่เก่งรอบด้านและไม่หยุดที่จะเรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ อีก แบบ Generalist มากกว่าพนักงานที่เก่งด้านเดียวแบบ Specialist
แม้ว่าแนวคิด “คะจิ-สึสึเคะรุ” หรือ “ต้องชนะตลอดไป” จะสุดโต่งอยู่บ้าง แต่นับเป็นแนวคิดที่น่าเอาเยี่ยงอย่างในการพัฒนาประเทศไทยและพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ของไทย ซึ่งนอกจากจะ “ชนะ” ในบางเรื่อง ควรจะเรียนรู้ที่จะปรับปรุงและพัฒนาอย่างต่อเนื่องเพื่อจะเปลี่ยนจาก “ชนะ” เป็น “ชนะตลอดไป” ได้บ้าง
ติดตามผลงานเขียนทั้งหมดของวีรยุทธได้ที่ >> https://www.facebook.com/Weerayuths-Ideas
เรื่องแนะนำ :
– ช็อกโกแลตวาเลนไทน์ของญี่ปุ่น ที่จริงเป็นอิทธิพลจากอเมริกา?
– การคำนึงถึง “ลูกค้าของลูกค้า” ในธุรกิจญี่ปุ่น
– จตุรเทพแห่งการสอนภาษาญี่ปุ่นของเมืองไทย
– พนักงานในอุดมคติของบริษัท – ญี่ปุ่นชอบพนักงานแนว Generalist แต่ไทยชอบพนักงานแนว Specialist
– การล่ามและการแปลภาษาญี่ปุ่นและภาษาไทย
ขอบคุณรูปภาพจาก
https://kazari.com.au/products/mi18ii277
#ญี่ปุ่นไม่เคยหยุดพัฒนา ด้วยแนวคิด คะจิ-สึสึเคะรุ (勝ち続ける) ที่แปลว่าต้องชนะอย่างต่อเนื่องครั้งแล้วครั้งเล่า