คั่นรายการ by Lordofwar Nick
“บะหมี่สาวจ้าวนักสู้” (そばっかす!) จงหา “ข้อดี” ในตัวเรา แล้ว “เอาดี” ให้ได้!!!
สวัสดีครับท่านผู้อ่าน วันนี้ก็ขอมา “คั่นรายการ” หรือพูดอีกอย่างก็คือ มารีวิวการ์ตูน กันอีกครั้งนะครับ วันนี้จะขอพูดถึงการ์ตูนที่ “เก่ามาก” เก่าขนาดที่ว่า out of print แบบว่าไม่มีทางหามือหนึ่งได้แล้วแหงๆ (แต่มือสองน่าจะยังหาได้) แถมเป็นการ์ตูนเกี่ยวกับ “ยูโดหญิง” เสียด้วย เนื่องจากการ์ตูนเก่าแล้วขอสปอยล์เนื้อเรื่องอย่างไม่เกรงใจเลยละกันนะครับ (ฮา)
“บะหมี่สาวจ้าวนักสู้” (そばっかす!) เป็นการ์ตูนที่เขียนโดยคิคุจิ โชตะ แห่งสำนักพิมพ์อะคิตะ ซึ่งฉบับแปลไทยตีพิมพ์โดยวิบูลย์กิจ เมื่อปี….ปี ปีอะไรก็ช่างมันเถอะ (ฮา) ซึ่งมันเป็นการ์ตูนยูโดที่ลายเส้นการ์ตู๊นการ์ตูน คือดูไม่มีความดุเดือดจริงจังเอาเสียเลย แต่ว่าการ์ตูนเรื่องนี้มี “คุณค่า” อะไรให้เราอ่านแล้วเรียนรู้นั้น ผมขอเล่าตรงนี้ไปพร้อมๆ กับเนื้อเรื่องเลยนะครับ
เรื่องเปิดมาก็คือมีร้านโซบะเจ้าดัง (ขนาดได้ลงนิตยสาร) อยู่ร้านหนึ่ง ซึ่งมีลูกสาวสองคน คนโตสวยมาก คอยรับลูกค้าอยู่ในร้าน อีกคนไม่สวย (ฮา) คอยช่วยพ่อนวดแป้งทำเส้น ไอ้คนไม่สวยนี่แหละนางเอกของเรื่อง ชื่อน้อง “ฮาจิเมะ” ซึ่งพอดีมาเจอกับปัญหาชีวิตของสาววัยรุ่น คืออกหัก โดนแฟนเท (เพราะว่า “ไม่สวย” ตัวเตี้ย หน้าตกกระ นมแบน) ขณะที่กำลังร้องไห้กับชีวิต โดนคนขับรถบรรทุกตวาดกลางถนนให้ ทันใดนั้นก็มี “พระเอก” สุดเท่ เป็นไอ้หนุ่ม (?) ผมยาว เข้ามาช่วย โดยจับคนขับรถบรรทุก “ทุ่มแม่มเลย”
การที่ได้เจอกับไอ้หนุ่ม (?) ผมยาว นี่แหละที่ทำให้ชีวิตน้องฮาจิเมะเปลี่ยนไปตลอดกาล
หลังจากที่น้องฮาจิเมะขึ้น ม. ปลาย ก็พยายามดั้นด้นไปที่ชมรมยูโดเพื่อตามหา “พระเอก” ที่เคยช่วยเธอตอนนั้ แต่ปรากฎว่า ไอ้หนุ่ม (?) ผมยาว น่ะ จริงๆ เป็นผู้หญิง! ชื่อ (สกุล) “ชิเงโยชิ” แถมเป็น “กัปตันชมรมยูโด” อีกต่างหาก น้องฮาจิเมะได้เห็น “ความเท่” ความเชื่อมั่นในตัวเองของ “กัปตันหญิง” คนนี้ ก็เลยอยากจะ “เรียนยูโด” บ้าง
อุปสรรคอย่างแรกเลยคือ “พ่อไม่ให้เรียน” พ่อของฮาจิเมะเป็นคนหัวเก่าที่คิดแต่ว่าลูกสาวควรจะมุ่งอยู่กับการทำโซบะเท่านั้น จะได้สืบทอดกิจการต่อได้อย่างเดียว ร้อนถึงแม่ที่ต้องอ้อนวอนขอร้อง ว่าสงสารลูกเถอะ ไปห้ามไม่ให้เขาได้ทำสิ่งที่อยากทำเดี๋ยวลูกจะเสียเซลฟ์เปล่าๆ จนพ่อใจอ่อน ไปซื้อชุดยูโดให้ลูกได้ใส่
อุปสรรคอย่างที่สองคือ พอเข้าไปเรียนพื้นฐานยูโดแล้ว ปัญหาคือ ฮาจิเมะไม่มีทักษะทางกีฬาเลย คือไม่มีทักษะการเคลื่อนไหว (mobility) ขนาดแค่เรียนม้วนหน้า (เซ็มโปอุเคะมิ 前方受け身) ยังทำไม่ได้ จนรุ่นพี่ในชมรมมองว่าดูท่าจะเอาดีทางยูโดไม่ได้ละ จะปัดให้ไปเป็น “ผู้จัดการชมรม” คอยดูแลเรื่องจับฉ่ายแทนละ
แต่พอดีขณะที่กัปตันชิเงโยชิเดินกลับบ้านกับฮาจิเมะ บังเอิญกัปตันได้เห็น “ของดี” ในตัวฮาจิเมะอยู่อย่างหนึ่ง
“ของดี” ที่ว่าก็คือ ฮาจิเมะสามารถเอาสองมือ “ฉีก” ลูกแอปเปิ้ลออกเป็นสองซีกได้!
สำหรับยูโด (อ้อ บีเจเจด้วย) พลังมือมหาศาลหมายถึงความสามารถในการคว้าจับ (grip) ผมบอกเลยว่าของแบบนี้นักยูโดหรือบีเจเจหลายคนเขาก็อยากได้กัน (ผมยังอยากได้เลย) และมันก็ไม่ได้ได้มาง่ายๆ นะ แต่น้องฮาจิเมะมีของแบบนี้ได้ เพราะช่วยพ่อนวดแป้งทำโซบะขายมาเป็นสิบปี!
งานนี้กัปตันเลยต้องจัดให้สมาชิกชมรม พวกเด็กใหม่ ปีนเชือกไต่ขึ้นเสาธง ให้พวกรุ่นพี่ดูกันจะๆ ไปเลยว่าน้องฮาจิเมะ “มีของ” จริงๆ หรือเปล่า จนรุ่นพี่ต้องยอมรับให้ฮาจิเมะมา “เรียนยูโด” แบบเต็มตัวได้
จากนั้นมาชีวิตของฮาจิเมะในทางยูโดก็ครื้นเครงเลยทีเดียว ด้วยความที่เป็นมือใหม่สายขาว ทุ่มเป็นอยู่แค่ไม่กี่ท่า มีดีแค่พลังมือกับแรงฮึด ก็ได้ต้องไปร่วมการแข่งขัน ซึ่งก็มีปรากฎการณ์ฮาๆ เช่น ตอนเจอกับ “นานะ” ยูโดแรงควายจากอเมริกา กัปตันได้บอกวิธีเอาชนะสุดฮา (ซึ่งถ้าเป็นสมัยนี้จัดว่าผิดกติกา) คือไปแกล้งตบมือตรงหน้าให้คู่ต่อสู้ตกใจ แล้วเล่นทีเผลอรวบสองขาเทคดาวน์เลย (double-leg takedown ถ้าในยูโดก็เรียก โมโรเทะการิ 諸手刈り ท่านี้เห็นว่าถูกทาง IJF แบนไปเมื่อปี 2013 แต่ BJJ ยังใช้กันอยู่เป็นปกตินะครับ) นานะเจอท่านี้เข้าไปนี่ไปไม่เป็นเลยทีเดียว
แน่นอน การ์ตูนญี่ปุ่นต้องมี “บอสใหญ่” คือศัครูตัวฉกาจที่ต้องล้ม เรื่องนี้ก็มีเช่นกัน ก็คือ “ซาไก” อดีตเด็กมวยปล้ำที่มีพ่อเป็นอดีตเหรียญเงินโอลิมปิก ฝีมือดี นิสัยไม่ดี ด้วยความที่ถูกพ่อเคี่ยวเข็ญอยากให้เก่งอยู่อย่างเดียว เลยกลายเป็นคนชอบเอาชนะถึงขั้นที่สะใจที่ได้ทำร้ายคู่ต่อสู้ จึงเคยมีคดีว่าแต่ก่อนในการ “ซ้อมประลอง” กับกัปตันชิเงโยชิ เคยหักขากัปตันจนต้องเลิกเล่นยูโดไปครึ่งปี! ซึ่งพอได้ยินว่าซาไกจะลงมา “แข่งยูโด” ในแมทช์ที่จะมีขึ้นต่อไป ชมรมยูโดของน้องฮาจิเมะก็ต้องพร้อมลุย ถึงขั้นไปรับการฝึกสุดโหดจากยายของกัปตันชิเงโยชิ ไหนฮาจิเมะเองก็ต้องไปฝึก “บ็อกซิ่ง” เสริมอีก (ตรงนี้เป็นการชี้ให้เห็นความสำคัญของ cross training คือเราฝึกวิชาอะไรสักอย่างเป็นหลักได้ แต่การที่เราลองเรียนรู้ฝึกฝนวิชาอื่นบ้างมันก็ทำให้เราสามารถเห็นจุดบกพร่องของตัวเองแล้วแก้ไขได้ ซึ่งมันก็จะไปเสริมทักษะให้กับวิชาหลักของเรา) ซึ่งทำให้ในที่สุดในรอบชิงชนะเลิศประเภททีม ฮาจิเมะนางเอกของเรื่องก็ได้เอาชนะ “ซาไก” ยอดมวยปล้ำหญิงได้ แล้วกัปตันชิเงโยชิก็มา “กวาด” พวกที่เหลืออีกสี่คนในทีมคู่แข่งแบบขาดลอย ชนะเลิศแบบใสๆ ไปเลย
ตั้งแต่นั้นมาฮาจิเมะก็เอาดีทางยูโดได้ พออยู่ ม. 6 ก็กลายเป็นกัปตันทีม แข่งชนะเลิศระดับประเทศ พ่อของฮาจิเมะบอกว่าฮาจิเมะนั้น “เป็นลูกสาวที่ฉันภูมิใจ”
การ์ตูนเรื่องนี้ดีครับ อ่านแล้วมีคติสอนใจที่สำคัญมาก นั่นก็คือ จงหา “ข้อดี” ในตัวเรา แล้ว “เอาดี” ให้ได้ การที่คนเราฝึกวิชาต่อสู้นั้น สิ่งที่สำคัญไม่แพ้ร่างกายคือเทคนิค ก็คือ “จิตใจ” ซึ่งถ้ามองในมุมกว้างนั้นก็ต้องรวมถึงทัศนคติที่มีต่อตัวเองด้วย ไม่ว่าเริ่มต้นมาเราจะห่วยแค่ไหน จงลองมองหา “ข้อดี” ในตัวเรา เกาะมันเอาไว้ ใช้มันเป็นจุดเริ่มต้นในการพัฒนาต่อยอดให้กับตัวเองไป เมื่อเราพัฒนาตัวเองจนถึงจุดที่สามารถทำได้ในสิ่งที่เราเคยทำไม่ได้ ความภูมิใจในตัวเองมันจะมาเอง
ก็ฝากไว้ให้เป็นข้อคิดนะครับ วันนี้ขอจบแต่เพียงเท่านี้ก่อน ขอตัวไปบีบลูกบอลยางแป๊บ เผื่อจะได้มี good grip กะเขาบ้าง (ฮา)
เรื่องแนะนำ :
– เซนกับบราซิลเลียนยูยิตสู (8) “ล้มให้เป็น” ว่าด้วยความหมายที่แท้ของคำว่า “สุเตมิ” 捨て身
– เซนกับบราซิลเลียนยูยิตสู (7) ประชุมวิทยายุทธแมว
– เซนกับบราซิลเลียนยูยิตสู (6) การบำบัดใจด้วย “กายคตาสติปัฏฐาน” ผ่านการฝึก BJJ
– เซนกับบราซิลเลียนยูยิตสู (5) แมวสามตัว กับการจัดการกับ Ego ของตัวเองในการเรียน BJJ
– เซนกับบราซิลเลียนยูยิตสู (4) กาย เทคนิค ใจ จากซามูไรถึงยูยิตสู
#บะหมี่สาวจ้าวนักสู้ (そばっかす!) จงหา “ข้อดี” ในตัวเรา แล้ว “เอาดี” ให้ได้!!!