มีงานพิเศษสำหรับเด็กหนุ่มเด็กสาวญี่ปุ่น ที่สามารถทำได้ในวันหยุด กล่าวคือพวกเขาแต่ละคนจะได้รับการมอบหมายให้ไปเยี่ยมคนชราทั้งที่อยู่กันสองคนตายาย หรืออยู่คนเดียวในบ้าน
มีงานพิเศษสำหรับเด็กหนุ่มเด็กสาวญี่ปุ่น ที่สามารถทำได้ในวันหยุด กล่าวคือพวกเขาแต่ละคนจะได้รับการมอบหมายให้ไปเยี่ยมคนชราทั้งที่อยู่กันสองคนตายาย หรืออยู่คนเดียวในบ้าน

เมื่อไปถึงบ้านของลูกค้า เด็กที่ได้รับการมอบหมายจะเคาะประตูบ้าน พอเจ้าของบ้านเปิดประตูออกมา ก็จะโค้งกล่าวทักทายเจ้าของบ้านอย่างสุภาพอ่อนน้อมว่า
“สวัสดีครับคุณพ่อ”
“สวัสดีค่ะคุณแม่”
จากนั้น ตลอดทั้งวันหรืออาจจะครึ่งวัน แล้วแต่การตกลงล่วงหน้า ผู้ที่ได้รับมอบหมายให้ทำงานพิเศษก็จะพยายามทำตัวเป็นลูกที่ดี ใช้เวลาดังกล่าวอยู่กับผู้ว่าจ้าง
ส่วนใหญ่ก็จะนั่งฟังเรื่องราวที่พ่อแม่ผู้จ้างเล่าให้ฟัง เออๆ ค่ะๆ ไปตามเรื่อง เวลากินข้าวก็จะชมว่า “อร่อยจังเหมือนที่เคยกินตอนเด็กๆ”
แรกๆ งานนี้ก็ดูแปลกๆ ดูปลอมๆ แต่เวลาก็พิสูจน์ว่า อย่างน้อยของปลอม หรือลูกปลอมๆ เสแสร้งแกล้งทำ ก็ยังดีกว่าความว่างเปล่า นับวันมีผู้ใช้บริการมากขึ้นเรื่อยๆ จนเป็นงานพิเศษที่ได้รับความนิยม ทั้งมีหลายรายที่เกิดความรัก ความไว้วางใจ แม้ว่าจะไม่ใช่ลูกจริง แต่ลูกเทียมก็สามารถช่วยให้พ่อแม่ได้คลายความว้าเหว่ลงไปได้มาก คนแก่มีความหวัง มีวันหยุดสุดสัปดาห์ให้รอคอยการกลับมาบ้านของลูก ถือว่าเป็นความสุขในช่วงสุดท้ายของชีวิต
นักจิตวิทยาบางท่านวิเคราะห์ว่า การกระทำดังกล่าวทำให้ผู้สูงอายุที่บุตรหลานทอดทิ้ง มีเหตุผลที่จะดำรงชีวิตอยู่ต่อไป อันมีรากมาจากภาษาฝรั่งเศสว่า raison d’etre หรือ reason for living
บ้านเราเองก็เถอะ พวกลูกๆ เอาแต่ทำงานหรือหลงแสงสีเมืองกรุง ที่ทิ้งพ่อแก่แม่เฒ่า กลับมาเยี่ยมบ้านปีละครั้งตอนปีใหม่หรือสงกรานต์ ชอบอ้างว่างานยุ่ง น่าจะสำนึกไว้บ้างว่า วันหนึ่งตัวเองก็จะหนีไม่พ้นต้องเผชิญภาวะ แก่-เหงา-เศร้า เช่นเดียวกัน

เมื่อปีก่อน (2012) มีเรื่องที่ช็อคสังคมญี่ปุ่นกล่าวคือ เจ้าหน้าที่สวัสดิการสังคมของโตเกียวตั้งข้อสงสัยพฤติกรรมของสมาชิกในครอบครัวหนึ่ง ครอบครัวนั้นแจ้งว่ามีคุณปู่อายุ 111 ปีชื่อ โชเก็น คาโตะ อาศัยอยู่นับว่าท่านเป็นบุรุษที่มีอายุมากที่สุดที่อาศัยอยู่ในโตเกียว ไม่ว่าเจ้าหน้าที่สวัสดิการสังคมจะพูดอย่างไรคนในบ้านก็ไม่ยอมให้เจ้าหน้าที่ได้เข้าเยี่ยมเห็นตัวเป็นๆ ของคุณปู่
ในบ้านหลังดังกล่าวมีบุตรสาวและบุตรเขยที่อายุเกิน 80 ปี รวมทั้งหลานในวัยเกิน 50 ปีอาศัยอยู่ด้วย
มีกฎหมายระบุไว้ชัดเจนว่าใครที่เกิดก่อนวันที่ 1 เมษายน ค.ศ. 1911 มีสิทธิ์ยื่นขอรับเงินเบี้ยเลี้ยงได้จนกว่าจะสิ้นชีวิต คุณปู่โชเก็น คาโตะก็เป็นหนึ่งในนั้น
สำนักงานสวัสดิการสังคมฯ ได้แจ้งตำรวจให้ขอหมายศาลเข้าค้นบ้านหลังดังกล่าว ผลปรากฏว่าเจ้าหน้าที่ถึงกับตกตะลึงเมื่อพบศพที่น่าจะเป็นใครไม่ได้นอกจากคุณปู่ ร่างนั้นแห้งเหลือเพียงโครงกระดูก มีหลักฐานที่พบได้แก่หนังสือพิมพ์เก่าๆ ที่ฉบับล่าสุดนานกว่า 30 ปี
บรรดาลูกหลานต่างให้การตรงกันว่าคุณปู่อยากเป็นพระพุทธเจ้า ท่านจึงได้ขังตัวเองไว้ในห้องนอนโดยไม่กินข้าวกินปลา ท่านขังตัวเองอยู่ในห้องลูกหลานก็ไม่ได้ไปยุ่งกับท่าน ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา
ทั้งบ้านไม่มีใครไปแจ้งตาย หรือขอลบชื่อคุณปู่ออกจากทะเบียนบ้าน พวกเขายังรับเบี้ยเลี้ยงคนชราตามปรกติ ยิ่งกว่านั้นในวันผู้สูงอายุจะมีจดหมายและของขวัญส่งตรงจากนายกรัฐมนตรีมายังผู้ที่มีอายุครบ 100 ปีคนที่บ้านก็รับของขวัญและแสดงความขอบคุณเจ้าหน้าที่เสียอีก

ในประเทศญี่ปุ่นมีผู้ที่มีอายุเกิน 100 ปีอยู่กว่า 40,000 คน ตั้งแต่ปี ค.ศ. 1966 รัฐบาลญี่ปุ่นได้กำหนดให้วันที่ 15 กันยายนเป็นวันผู้สูงอายุเป็นวันหยุดราชการ ต่อมาในปี 2003 จึงได้เปลี่ยนให้วันจันทร์ที่สามของเดือนกันยายนเป็นวันผู้สูงอายุ ลูกหลานจะได้หยุดควบเพิ่มวันจันทร์ Golden Monday เป็นหยุด 3 วันในสัปดาห์นั้น เปิดโอกาสให้กลับบ้านไปเยี่ยมเยียนบุพการี
ในรายคุณปู่โชเก็นยังมีเรื่องที่สมาชิกในครอบครัวแจ้งว่าภรรยาของคุณปู่เพิ่งเสียชีวิตไปเมื่อปี 2004 ขณะที่มีอายุ 101 ปี และมีการโอนเงินบำเหน็จของคุณย่าจำนวนกว่า 10 ล้านเยนเข้าบัญชีของคุณปู่ในฐานะคู่สมรส ทั้งยังมีการเบิกเงินออกไปจากบัญชีเมื่อไม่กี่เดือนก่อนเจ้าหน้าที่เข้าตรวจค้น
ตำรวจพยายามสอบสวนว่าคุณย่านั้นเสียชีวิตไปตั้งแต่เมื่อไหร่ และขณะที่มีชีวิตอยู่นั้นได้รับการดูแลจากลูกหลานหรือไม่อย่าไร แต่จนแล้วจนรอดลูกหลานก็ยังพูดจาวกวน คำก็บอกว่าคุณปู่อยากเป็นพระพุทธเจ้า สองคำก็บอกว่าคุณปู่อยากเป็นพระพุทธเจ้า
กรณีของคุณปู่โชเก็นทำให้เกิดความตื่นตัวในการตรวจสอบค้นหาสถานภาพของผู้สูงอายุ ไม่นานก็พบว่ามีคนแก่มากมาย ทั้งที่มีชื่ออยู่ตามสำมะโนครัว แต่หายตัวไปเฉยๆ มักจะอ้างกันเรื่อยเปื่อยว่า
“สงสัยว่า ท่านจะอยู่กับลูกชายหรือลูกสาวอีกคน”
“นานแล้วไม่ได้ไปเยี่ยมเยียน แต่ก็ได้ข่าวว่าท่านอยู่สุขสบายดี จึงไม่เป็นห่วง”
“ท่านอยู่โรงพยาบาล อยู่ในวอรด์คนชราไปหาก็พูดกันไม่รู้เรื่อง”
“ไม่ได้ข่าวนานแล้ว”

มีกรณีหนึ่งเป็นสตรีวัย 113 ปีชื่อคุณย่าฟุสะ ฟุรุยะ ตามทะเบียนถือว่าท่านเป็นสตรีที่วัยสูงที่สุดของโตเกียว แต่ปรากฏว่าหาตัวท่านไม่พบ ถามลูกสาวคนโตก็บอกว่าคงอาศัยอยู่กับลูกชายคนรอง ถามลูกชายคนรองกลับบอกว่าไม่เคยเห็นหน้าแม่มานานกว่า 20 ปี ถามลูกสาวคนสุดท้องยิ่งไปกันใหญ่ บอกว่าไม่เคยติดต่อกับแม่มากว่า 50 ปีและไม่อยากจะยุ่งเกี่ยวกับเรื่องนี้
นับเป็นเรื่องเศร้าอย่างยิ่ง มีลูก 3 คนทั้งหญิงทั้งชาย แต่กลายเป็นบุคคลที่หายสาบสูญ โดยไม่มีลูกคนไหนคิดจะติดตามถามหา

หรือตลาดแรงงานของประเทศญี่ปุ่นกำลังหาคนทำงานพิเศษในจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ เพียงเพื่อเคาะประตูบ้าน กล่าวทักคนชราแปลกหน้าว่า
“สวัสดีครับคุณพ่อ” หรือ “สวัสดีค่ะคุณแม่”
นึกไม่ออกว่าจะดีใจหรือเสียใจ หากวันหนึ่งเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นในบ้านเรา
ขอบคุณรูปภาพ :
http://www.reuters.com/article/2010/08/23/us-japan-elderly-idUSTRE67M0BZ20100823
http://www.news.com.au
http://japan.happy-australia.com/japan/
http://allpopasia.com