ญี่ปุ่นในมุมมืด ตอนที่ 43 : กลับบ้าน…ผมจำได้แม่นคนนำทางไปส่งที่ท่าเรือก่อนเรือออกหนึ่งวัน ผมเดินไปที่สะพานที่จะข้ามขึ้นเรือเป็นเวลาตอนกลางคืน ก่อนที่จะเดินไปถึงสะพานต้องเดินผ่านประตูเหล็กคล้ายลูกกรง มีกุญแจล็อคหนาแน่นเพื่อป้องกันไม่ให้ผู้ที่ไม่ใช่เจ้าหน้าที่ของเรือเข้าไปในบริเวณที่เป็นที่จอด
ภาพโดย : อ.วิโรจน์ สายดนตรี
พี่หงษ์ส่งข่าวให้ผมเตรียมตัวเตรียมพร้อมเพื่อจะต้องเดินทางกลับให้พร้อมตลอดเวลา แล้วแกจะเป็นคนเดินเรื่องทั้งหมดให้
เรื่องการเดินทางกลับพี่หงษ์ได้มีการติดต่อผ่านยากูซ่าคนหนึ่งซึ่งเคยมีความสัมพันธ์กับอาเทียร เรื่องนี้ไดน่าเป็นคนมาเล่าให้ผมฟังเมื่อครั้งที่ไดน่ามาหาผมครั้งล่าสุด อาเทียรน่าจะรู้ข่าวการจะกลับเมืองไทยของผมจากไดน่า และได้มีการประสานงานเพื่อช่วยผมด้วยเพราะการออกจากญี่ปุ่นต้องใช้เครือข่าย และอิทธิพลของยากูซ่า หลายคนได้ให้การช่วยเหลือผม
เมื่ออีกสองวันรู้ว่าจะต้องเดินทางได้มีคนพาผมเดินทางไปที่ท่าเรือแห่งหนึ่งเป็นท่าเรือ ขนาดใหญ่ ผมขอไม่เอ่ยชื่อของท่าเรือและเมืองที่ผมออกเดินทางกลับ เป็นเรื่องที่ตื่นเต้นมากครับมีคนมารับผมด้วยรถมอเตอร์ไซค์ ผมมีของเพียงกระเป๋าเป้หนึ่งใบเท่านั้น กางเกงยีน รองเท้าผ้าใบใส่หมว เสื้อยืดสีขาว
ผมจำได้แม่นคนนำทางไปส่งที่ท่าเรือก่อนเรือออกหนึ่งวัน ผมเดินไปที่สะพานที่จะข้ามขึ้นเรือเป็นเวลาตอนกลางคืน ก่อนที่จะเดินไปถึงสะพานต้องเดินผ่านประตูเหล็กคล้ายลูกกรง มีกุญแจล็อคหนาแน่นเพื่อป้องกันไม่ให้ผู้ที่ไม่ใช่เจ้าหน้าที่ของเรือเข้าไป ในบริเวณที่เป็นที่จอดของเรือ
พอถึงประตูคนที่พาผมไปจะคุยเป็นภาษาญี่ปุ่นแล้วจะมีเจ้าหน้าที่เปิดล็อคให้ ผมก็จะเดินผ่านเข้าไป คนที่มาส่งผม ส่งผมแค่นั้น ผมผ่านประตูแรกไปคนที่เฝ้าประตูแรกเป็นคนพาผมเดินต่อไป เจอประตูที่สองก็ทำเหมือนเดิม แล้วผมก็ได้ขึ้นไปบนเรือแล้วคนที่พาผมไป พาผมไปส่งห้องด้านล่างของเรือ เป็นห้องพักมีคนนั่งอยู่หนึ่งคนไม่ใช่คนไทย เป็นคนผิวสี คนที่พามาสั่งว่าห้ามออกเดินไปจากห้องนี้ จนกว่าเขาจะเดินกลับมา ผมนอนหลับอยู่ในห้องนั้นวันกว่าๆ จนเรือออกเดินทาง มีการนำบัตรเป็นเจ้าหน้าที่ของเรือมาให้ผมกับคนที่อยู่ในห้องนั้นรวมแล้วมี ประมาณห้าถึงหกคน
เรือที่เดินทางเป็นเรือขนสินค้า ใช้ระยะเวลาการเดินทางหลายวันมากครับกว่าผมจะเดินทางกลับถึงเมืองไทย การเดินทางกลับเมืองไทยของผม ผมเล่ารายละเอียดการเดินทางได้เพียงแค่นี้ เป็นการเดินทางที่แสนยาวนานในความรู้สึก แต่ก็เต็มไปด้วยความหวังที่จะได้กลับเมืองไทย ได้เห็นหน้าทุกๆ คนที่ผมจากไปเป็นเวลาเก้าเดือนกว่า
ประสบการณ์การไปใช้ชีวิตในประเทศญี่ปุ่น เป็นประสบการณ์ที่หาไม่ได้อีกแล้วถือว่าผมทำได้ดีเกินคาด ฝ่าฟันอุปสรรคที่แสนยาก แล้วก็ผ่านมาจนได้ ความทรงจำเกือบปี เล่าเมื่อไหร่ก็เหมือนเดิม เงินที่เป็นเป้าหมายแรกของผม ผมก็สามารถหาได้มากกว่าที่คิดไว้
ได้รู้จักผู้คนมากมายอยู่ในความทรงจำทั้งหมด แต่ไม่รู้ว่าจะมีโอกาสได้เจอแต่ละคนอีกหรือไม่ ไม่มีอะไรแน่นอน ถึงวันนี้ผมกลับมาอยู่เมืองไทยสิบห้าปีแล้ว นับจากวันที่กลับมา ไม่มีโอกาสได้กลับไปเที่ยวที่นั่นอีกถึงแม้จะมีเงิน
สุดท้ายขอขอบคุณเจ้าเว็บไซต์มารุมุระ ที่ให้โอกาสจนนาทีสุดท้าย ขอบคุณผู้อ่านทุกท่านที่ติดตามตามเรื่องราวของผม ผมของย้ำอีกทีว่าให้เลือกจำแต่สิ่งดีๆ แล้วคงมีโอกาสได้เขียนงานถ่ายทอดประการณ์ชีวิตแบบนี้อีก
โชคดีทุกคนครับ
อ่านญี่ปุ่นในมุมมืดทั้งหมด คลิ๊ก >>> ญี่ปุ่นในมุมมืด
ภาพโดย : อ.วิโรจน์ สายดนตรี
#ญี่ปุ่นในมุมมืด