คนญี่ปุ่นผู้แคร์สายตาคนรอบข้างอย่างมาก กลัวเหลือเกินว่าจะโดนคนอื่นมองไม่ดี จึงมักไม่พูดหรือทำสิ่งทิ่คิดในใจตรง ๆ ดิฉันคิดว่าการคำนึงถึงคนอื่นนั้นก็เป็นเรื่องดีถ้าหากว่าไม่มากจนเกินความจำเป็น ตัวอย่างที่ดิฉันเห็นถึงลักษณะดังกล่าวของคนญี่ปุ่นได้แก่
ดิฉันเคยเขียนเล่าไปในตอนก่อนหน้าว่าโดยปรกติคนญี่ปุ่นจะได้รับการปลูกฝังสั่งสอนจากพ่อแม่และครูว่า “อย่าทำให้คนอื่นเดือดร้อน หรือรู้สึกไม่ดี” นั่นเป็นเพราะสภาพภูมิประเทศของญี่ปุ่นที่เป็นเกาะและมีภัยธรรมชาติรอบด้าน ความสมานสามัคคีกลมเกลียวกันในสังคมจึงเป็นสิ่งสำคัญ
และการยึดถือหลักนี้เองทำให้คนญี่ปุ่นแคร์สายตาคนรอบข้างอย่างมาก กลัวเหลือเกินว่าจะโดนคนอื่นมองไม่ดี ในทางกลับกันก็คิดมากอยู่ตลอดเวลาว่าการกระทำของตัวเองจะไปรบกวนคนอื่นหรือเปล่า ดังนั้นจึงมักไม่พูดหรือทำสิ่งทิ่คิดในใจตรง ๆ และจะทำการ “อ่านบรรยากาศ” ก่อนตลอดเวลา ซึ่งสำหรับดิฉันคิดว่าการคำนึงถึงคนอื่นนั้นก็เป็นเรื่องดีถ้าหากว่าไม่มากจนเกินความจำเป็น ตัวอย่างที่ดิฉันเห็นถึงลักษณะดังกล่าวของคนญี่ปุ่นได้แก่
• ปกปิดของที่ซื้อด้วยกระดาษสีน้ำตาล
หากเคยสังเกตเวลาคนญี่ปุ่นอ่านหนังสือบนรถ หนังสือบ้านเค้าจะไม่ได้ห่อปกใสเหมือนบ้านเราแต่จะห่อปกสีน้ำตาลตุ่นๆของร้านหนังสือ พอสอบถามคนญี่ปุ่นจะบอกว่าเพราะคนส่วนใหญ่ไม่อยากให้คนอื่นรู้ว่า อ่านหนังสืออะไรอยู่ กลัวว่าคนอื่นจะคิดว่าเราเป็นคนยังไงเมื่อเห็นหนังสือที่เราอ่าน มาลองคิดดูก็พอเข้าใจได้นะคะ เราคงไม่อยากให้ใครรู้ว่าเรากำลังอ่านหนังสืออย่าง “ลดน้ำหนักให้ได้ใน 7 วัน” “ทำอย่างไรให้เขาตกหลุมรัก” “จันดารา” เป็นต้น ฮ่าๆๆ เวลาสาวๆซื้อของที่ไม่อยากให้ใครรู้เช่น ผ้าอนามัย พนักงานก็จะรู้ว่าต้องห่อถุงสีน้ำตาลให้เพื่อปกปิดของนั้นต่อสายตาคนทั่วไป ไม่เหมือนที่ไทยที่ใส่ถุงใสโปร่งมองเห็นข้างในชัดเจน
• ไม่เดินกิน
คนญี่ปุ่นไม่นิยมเดินไปกินไปเพราะเป็นมารยาทที่ไม่ดี และคนญี่ปุ่นเกรงว่าจะทำให้เศษอาหารหล่นตามพื้นทำให้คนอื่นเดือดร้อนหรืออาจเดินชนคนอื่น (ลองนึกภาพเดินถือไอติมแล้วเดินไปชนซาลารี่แมนใส่สูทดูนะคะ คงจะดูไม่จืดทีเดียว ฮ่าๆๆ) ที่สำคัญหากนั่งกินเป็นที่เป็นทางจะได้รับรสชาติที่ดีกว่า คนญี่ปุ่นจึงนิยมนั่งกินเป็นที่หรือถ้าไม่มีที่นั่งก็จะยืนกินแถวหน้าร้านให้เสร็จแล้วค่อยเดินค่ะ
• ไม่แซงคิว
เพื่อนญี่ปุ่นของดิฉันเล่าว่าคนญี่ปุ่นเข้าแถวกันเป็นปรกติ และหากมีใครสักคนแซงคิว คน ๆ นั้นจะถูกมองด้วยความรู้สึกเหยียดหยามและรังเกียจจากคนอื่นๆที่กำลังต่อคิวอยู่ ดิฉันเลยถามกลับไปตรงๆว่าที่ไม่แซงคิวกันเพราะว่าต้องการทำตามระเบียบวินัย หรือเป็นเพราะกลัวคนอื่นจะมองไม่ดี เพื่อนดิฉันตอบว่า เป็นอย่างหลังมากกว่าค่ะ ฮ่าๆๆ
• ไม่กล้าเลิกงานตรงเวลา
ดิฉันคิดว่าพนักงานบริษัทญี่ปุ่นหลายคนที่ทำงานกลับบ้านดึกดื่นจริงๆไม่ได้เป็นเพราะงานไม่เสร็จหรือเป็นเพราะตั้งใจทำงานมาก แต่เพราะไม่กล้ากลับก่อนเจ้านายหรือเพื่อนร่วมงานคนอื่นๆค่ะ เขาเหล่านั้นกลัวว่าคนอื่นจะมองว่าตนไม่ตั้งใจทำงาน ทิ้งเพื่อนร่วมงาน หรือเกรงว่าเจ้านายจะคิดว่าตนไม่ทุ่มเททำงานเพื่อบริษัท ดิฉันเคยถามเพื่อนระดับผู้บริหารคนหนึ่งว่าทำไมกลับบ้านดึกทุกวัน คำตอบของเขายิ่งทำให้ดิฉันอึ้งมากคือ “หากกลับบ้านเร็ว ภรรยาจะคิดว่าเขาว่างงานหรือไม่ตั้งใจทำงาน” คิดมากจริงๆค่ะ ฮ่าๆๆ
• กลัวการกินข้าวคนเดียว
หลายปีก่อนมีข่าวใหญ่ว่านักศึกษาญี่ปุ่นมหาวิทยาลัยดังต้องแอบกินข้าวกลางวันในห้องน้ำ เพราะกลัวคนอื่นจะมองว่าไม่มีเพื่อนกินข้าวด้วย ประเทศญี่ปุ่นเป็นสังคมแบบกลุ่มดังนั้นหากใครไม่สามารถรวมกลุ่มกับคนอื่นได้ก็จะเหมือนเป็นผู้แพ้และจะถูกมองว่าไม่มีใครคบซึ่งสร้างความรู้สึกโดดเดี่ยวให้กับคนๆนั้นอย่างมาก คนญี่ปุ่นจึงมักกลัวว่าจะมีคนรู้จักผ่านมาเห็นตอนกำลังนั่งกินข้าวคนเดียวในร้าน ตอนเรียนอยู่ญี่ปุ่นเวลาดิฉันนั่งกินโซบะคนเดียวในร้านบนสถานีรถไฟแบบที่ไม่มีผู้หญิงญี่ปุ่นคนไหนเค้าทำกันก็จะถูกมองด้วยสายตาแปลกๆ แต่ดิฉันไม่สนค่ะ ถ้าหิวก็ต้องกินสิคะ ฮ่าๆๆ แต่คนญี่ปุ่นรุ่นใหม่ก็มีความเป็นเอกเทศมากขึ้น เราเลยเห็นคนกินข้าวคนเดียวมากขึ้นค่ะ
• ไม่ค่อยอัพรูปตัวเองขึ้นเฟซบุ้ก
คนญี่ปุ่นส่วนใหญ่ไม่นิยมนำรูปตัวเองขึ้นเป็นโปรไฟล์ในเฟซบุ้กหรือไลน์ ทั้งนี้เพราะเขารู้สึกกระดากอายที่ต้องโชว์รูปตัวเอง แต่จะอัพรูปอย่างอื่นแทนเช่น สัตว์เลี้ยง ทีมฟุตบอล ห้องนั่งเล่น ดอกไม้ ฯลฯ นั่นเป็นเพราะเขากลัวว่าคนอื่นจะคิดว่าเขาเป็นพวกชอบขี้อวด ทำตัวเด่นหรือหลงตัวเองค่ะ
• ห้องน้ำมีซาวด์เอฟเฟค
หลายคนคงเคยพยายามกลบเสียงขณะกำลังทำธุระส่วนตั๊วส่วนตัวโดยการกดน้ำกลบเสียง เนื่องด้วยการเป็นห่วงความรู้สึกคนอื่นที่จะได้เสียงที่ไม่ควรได้ยิน คนญี่ปุ่นจึงนิยมทำห้องน้ำที่มีเสียงซาวด์เอฟเฟคกลบเสียงปู้ดป้าดขณะทำธุระค่ะ หรือแม้แต่น้ำชักโครกไหลอัตโนมัติที่ช่วยชำระล้างให้สะอาดได้แม้แต่คนลืมกดก็ตามค่ะ
ดิฉันคิดว่าความกังวลว่าคนอื่นจะคิดยังไงกับตัวเองมากไปอาจทำให้เกิดอาการคิดมาก ฟุ้งซ่าน และเก็บกดเพราะไม่สามารถแสดงอารมณ์อะไรตรง ๆ ได้ อย่างไรก็ตามคนญี่ปุ่นบางคนต้องระมัดระวังตัวเวลาจะทำอะไรเพราะเกรงคนชาติเดียวกันจะมองไม่ดี แต่พอมาประเทศอื่นเช่นที่ประเทศไทยก็จะเป็นตัวของตัวเองมากขึ้น
ดิฉันเคยเห็นผู้โดยสารรถไฟฟ้าชาวญี่ปุ่นหลายคนคุยกันเสียงดังรบกวนคนอื่นยิ่งนัก เปิดริงโทนดังลั่น หรือแม้แต่เลิกงานกลับบ้านเร็วทั้ง ๆ ที่เขาไม่ทำกันที่ประเทศตัวเองค่ะ
พิชชารัศมิ์ได้เพิ่มช่องทางการสื่อสารกับผู้อ่านทางเฟซบุ้กเพจ “Life Inspired by พิชชารัศมิ์” ฝากติดตามด้วยนะคะ
ทักทายพูดคุยกับพิชชารัศมิ์ ได้ที่ >>> Life Inspired by พิชชารัศมิ์
เรื่องแนะนำ :
– กล้าที่จะถูกเกลียด ชีวิตที่มีดวงดาวนำทางคือ “การช่วยเหลือคนอื่น”
– อาหารปลอมที่ดึงดูดให้สั่งอาหารจริง
– The birth of Sake “ความกลมเกลียวจึงจะบ่มสาเกที่ดีได้”
– ทำงานแบบมืออาชีพของญี่ปุ่น กับคำว่า “ไม่เป็นไร” ของคนไทย
– คนต่างชาติเมาท์อะไรเมื่อไปญี่ปุ่น
– ถึงจะแก่แต่ยังมีไฟในการทำงานอยู่
#คนญี่ปุ่น