โอซาก้าเมืองเก่าที่ข้าพเจ้าคิดถึง
ไปงาน International Day ที่ Hyogo High School (2)
เปิดอกพูด
หลังจากกินข้าวกลางวันเรียบร้อยแล้ว กิจกรรมช่วงบ่ายจะเป็นการแยกเป็นกลุ่มๆ กลุ่มละเจ็ดแปดคน เดินเข้าไปตามห้องเรียนต่างๆ เริ่มจากชั้น ม.4 ก่อน (คนญี่ปุ่นเขาเรียกว่ามัธยมปลายปีหนึ่ง แต่ผมขอเรียกแบบไทยๆ ละกันนะครับ) ผมได้ไปห้อง ม.4/4 เขาจะจัดกลุ่มนักเรียนเป็นโต๊ะๆ แล้วเราก็ไปนั่งตามโต๊ะที่เขากำหนด
น้องๆ ห้อง ม. 4/4 รอได้สนทนากับนักเรียนต่างชาติครับ
น้องๆ ห้อง ม. 4/4 กลุ่มที่ผมไปนั่งคุยด้วยนี่ มีทั้งชายหญิง อัธยาศัยดีครับ อุตส่าห์เขียนสคริปต์คำถามมาเป็นภาษาอังกฤษ แต่ผมชิงพูดภาษาญี่ปุ่นเสียนี่ พอหมดคำถามตามสคริปต์ก็เลยเฮฮากันไป น้องๆ ตกใจกันมากว่าที่เมืองไทยเด็กไทยนี่รู้จักการ์ตูนญี่ปุ่นที่ว่าดังๆ กันหมด ตามอ่านกันมาอัพเดทกันจนถึงปี 2003 โดราเอมอน ดราก้อนบอล ฮิคารุเซียนโกะ โจโจ้ล่าข้ามศตวรรษ ชาแมนคิง One Piece GTO แล้วผมก็พูดเรื่องที่ญี่ปุ่นของกินแพง ซึ่งน้องๆ ก็เห็นด้วยว่ามันแพงจริงๆ
หมดเวลาแล้ว คิวต่อไปคือห้อง ม. 5/4 ซึ่งไม่ได้ถ่ายรูปไว้ เพราะแบตหมด (กล้องดิจิตอลสมัยก่อนแบตหมดไวโดยเฉพาะในอากาศหนาว) คราวนี้แก๊งเด็กผู้ชายล้วนๆ หน้าตานี่ตัวจี๊ดตัวแสบแน่นอน ทีแรกพวกนี้พยายามพูดอังกฤษนะ แต่ดูท่าจะไปไม่รอดเลยเปลี่ยนเป็นภาษาญี่ปุ่นกัน ต่อไปนี้เป็นบางส่วนของบทสนทนาแสบๆ
“เดี๋ยวเล่นมายากลให้ดู” ไอ้หนุ่มมายากลพูด แล้วก็ทำโชว์สะบัดไพ่แล้วไพ่หาย
“ซ่อนในแขนเสื้อรึเปล่า” ผมถาม
“ไม่มีๆ” พวกช่วยกันถกแขนเสื้อโชว์
“แอบหนีบไพ่ที่ซอกนิ้วด้านหลังมือนี่หว่า” ผมบอก
เป็นอันว่ากลแตก
“เนี่ยไอ้หมอนี่ (หนุ่มผมตั้ง) ไปชอบผู้หญิงแหละ” ไอ้โต๋ No.1 พูด
ผมบอกไอ้หนุ่มผมตั้ง “พยายามเข้านะเฟ้ย”
ไอ้โต๋คนเดิมก็สาธยายว่า สูตรสำเร็จของการจีบหญิงนั้นคือ โค่ยสุรุ 恋する (เลิฟ)-โอคาสุ 侵す(ซิ่ง)-นิเงะรุ 逃げる(ชิ่ง)
ผมเลยบอกว่าแบบนี้ ที่เมืองไทยเขาเรียกว่า รักจริงต้องหวังฟัน รักนิรันตร์ฟันแล้วทิ้งนะ แล้วมีอีกคนถามว่าเด็กผู้หญิงไทยเป็นไง (อยากจีบ) ผมก็บอกว่าถ้าหน้าหมวยๆ ก็คล้ายๆ เด็กญี่ปุ่นนั่นหละ
“เอ้ยไอ้หมอนี่มันตั้งเลย” ไอ้โต๋ No.1 ชี้ไปที่ไอ้หนุ่มมายากล
“วันหลังก็ลองไปเมืองไทยดิ” ผมบอก
“หน้าอย่างมันเนี่ยนะ” ไอ้โต๋ท้วง
“เฮ้ยผมก็พูดรวมๆ” ผมบอก
“แล้วอย่างไอ้หมอเนี่ยล่ะ” ไอ้โต๋ชี้ไปที่หนุ่มแว่นผมกะลาครอบ
“ถ้าคนนี้ก็ยากหน่อย แต่ก็พยายามละกัน” ผมบอก พวกเฮกันตูม
ตอนท้ายไอ้โต๋ No.1 ระบายความในใจว่า สังคมญี่ปุ่นทุกวันนี้ยิ่งนานวันยิ่งอยู่ยาก แล้วยังบอกว่าโตเกียวเป็นเมืองสกปรก ผมถามว่าอะไรสกปรก อากาศ? ไอ้โต๋ก็บอกว่า ทุกอย่างแหละ ผมก็บอกว่าเมืองไทยก็ลำบาก ฟองสบู่แตก ไอ้โต๋ก็ว่าที่ญี่ปุ่นเหมือนกันแหละ
ผมเข้าใจความรู้สึกของเด็กญี่ปุ่นกลุ่มนี้นะ ก็คงจะเครียด มองไปอนาคตข้างหน้าแล้วก็คงเซ็ง ได้เห็นแล้วว่าบ้านเมืองที่เคยฟุ้งแล้วมันฟุบน่ะเป็นยังไง พูดไปก็น่าถอนใจ แล้วก็คุยกันเรื่องวิดีโอเกม อย่าง Bio Hazard, Metal Gear Solid แล้วก็หมดเวลา
พอเสร็จแล้วก็กลับมาที่ห้องคหกรรมห้องเดิม เขาให้กรอกใบสอบถามความคิดเห็น รับบัตรของขวัญสำหรับซื้อหนังสือมูลค่า 3,500 เยน (อยากได้เงินหรือคูปองกินข้าวภัตตาคารมากกว่า (ฮา))
เฟรดจะอยู่ร่วมพิธีชงชาต่อ แต่ผมขอบายก่อน เดินไปขึ้นรถไฟ ตอนเปลี่ยนสถานีก็แวะกินแมคโดนัลด์ประทังชีพ จำได้ว่ากิน “คาคุนิเปา” มันคือเอาแป้งซาลาเปาเอามาพับแสร้งว่าเป็นแซนวิช ใส่ไส้หมูสามชั้นคล้ายๆ หมูพะโล้ กินแล้ว เอิ่ม มันจุกอก หน้าตาประมาณนี้ครับ
คะคุนิเปา ภาพจาก https://www.mcd-holdings.co.jp (ยังจะอุตส่าห์ไปหามาอีก โปรโมชั่นปี 2003 เนี่ยนะ)
กินเสร็จแล้วก็นั่งรถไฟแล้วเดินกลับหอ นอนดีกว่าครับ
เรื่องแนะนำ :
– ไปงาน International Day ที่ Hyogo High School (1) นั่งรถไฟไปเฮียวโกะกัน
– คั่นรายการ : ไปเที่ยวนัมบะ กับนิปปอนบาชิก่อนไหม
– ฤดูใบไม้ร่วงปี 2003 กับการมาเมืองญี่ปุ่นครั้งแรกในชีวิต (4) ห้องเรียน อ.ชิมาโมโต้
– ฤดูใบไม้ร่วงปี 2003 กับการมาเมืองญี่ปุ่นครั้งแรกในชีวิต (3) ชีวิตในมหาลัย
– ฤดูใบไม้ร่วงปี 2003 กับการมาเมืองญี่ปุ่นครั้งแรกในชีวิต (2) ชีวิตในหอ
#ไปงาน International Day ที่ Hyogo High School (2) เปิดอกพูด