Back บรรณาธิการผู้โฆษณา Attack on Titan
ภาพประกอบโดย WALK on CLOUD
บทความนี้แปลจาก บทสัมภาษณ์บรรณาธิการมังงะเรื่อง Attack on titan ที่อัพบนเวบไซต์ Toyokeizai เมื่อเดือนเมษายน ปี 2021
+++
ฤดูร้อนปี 2006 คนวาดมังงะเรื่อง Attack on Titan คุณ อิซะยะมะ ฮะจิเมะ (諫山創) โทรหาสำนักพิมพ์โคดันฉะเพื่อจะนำเสนอมังงะของตัวเอง ณ ตอนนั้น คุณ อิซะยะมะ ได้ลองโทรหาสำนักพิมพ์อื่นๆ ดูแล้ว แต่ไม่มีใครเอาด้วย
คุณคะวะคุโบะ ชินทาโร่ (川窪慎太郎) ผู้เพิ่งเริ่มทำงานกับสำนักพิมพ์ เขามองเห็น “ศักยภาพ” ในมังงะที่อิซะยะมะพยายามจะนำเสนอ
“ปรกติหากใครเป็นคนรับสายโทรศัพท์ที่มาเสนอผลงาน คนรับสายนั้นจะต้องเป็นคนดู เมื่อผมเห็นผลงาน(ของคุณอิซะยะมะ) แล้ว ผมรู้สึกถึงพลังอันแรงกล้า สัมผัสได้ในสิ่งที่ไม่ธรรมดา เลยบอกไปว่าหากวาดผลงานต่อไปได้แล้วให้ติดต่อมา เรามาสร้างสรรค์ผลงานด้วยกัน”
ที่โคดันฉะมีการจัดประกวดมังงะสำหรับนักวาดหน้าใหม่ หากใครชนะเลิศรางวัลจะได้รับการพิจารณาให้วาดลงรายสัปดาห์ ซึ่งคุณอิซะยะมะชนะรางวัลเลยทำให้คุณคะวะคุโบะกับคุณอิซะยะมะได้ทำงานร่วมกันยาวนาน 10 ปีกว่า
“เมื่อผมถามหนึ่งคำถาม ผมจะได้คำตอบกลับมาทั้งหมด แม้นยังไม่ได้วาดมันออกมา แต่คุณอิซะยะมะบอกได้ว่าโลกในมังงะที่ว่านี้เป็นโลกแบบไหน ตัวละครมีคาแรคเตอร์แบบใด มีรายละเอียดบอกว่าตัวละครเหล่านี้มีวางบทบาทไว้ดังนี้ และภายนอกกำแพงนั้นจะมีการเดินเรื่องดังนี้ ผมทึ่งกับการที่เขาคิดไอเดียได้ขนาดนี้”
เสน่ห์ของ “Attack on Titan” คือโลกอันโหดร้าย สถานการณ์อันสิ้นหวัง และการเดินเรื่องที่ยากจะคาดเดา ตอนต้นเรื่องจะทิ้งปริศนาไว้หลายที่ พอรู้ความจริงแล้วย้อนกลับมาอ่านอีกทีจะต้องประหลาดใจพอได้ค้นพบการแสดงออก, สายตา, และพฤติกรรมแปลกๆของตัวละคร
อิซะยะมะต้องการจะบอกอะไรจากการวาดมังงะที่คำนวณทุกอย่างมาเรียบร้อย
“คุณอิซะยะมะได้ให้สัมภาษณ์ครั้งหนึ่งว่า อยากจะสร้างความรู้สึกช็อคที่ตัวเองสัมผัสได้ในสมัยวัยรุ่นจากการอ่านมังงะ เกม นวนิยาย และ ภาพยนตร์ คราวนี้เป็นทีของตนที่จะอยู่ฝั่งที่ทำให้คนอื่นได้รู้สึกแบบนี้บ้าง”
มังงะเรื่อง Attack on Titan วางขายได้เกิน 1 ล้านฉบับ ณ ตอนเล่มที่สามวางขายเมื่อเดือนธันวาคมปี 2010 แต่สำหรับบรรณาธิการมือใหม่อย่าง คุณคะวะคุโบะต้องเผชิญคือ “จะต้องโฆษณายังไงดี”
ซึ่งนี่ถือว่าเป็นประสบการณ์อันล้ำค่าของคุณคะวะคุโบะ
”สิ่งดีๆ ที่ได้จากการเป็นบรรณาธิการเรื่อง Attack on Titan คือสำหรับเราที่ยังเป็นมือใหม่อยู่ มันทำให้เราได้รู้ว่าลำพังเพียงคนเดียวทำอะไรไม่ได้มาก เมื่ออาศัยความร่วมมือของทุกคนจะทำให้งานเดินหน้าเกินกว่าจินตนาการได้
อย่างเช่นการจะโฆษณา ลำพังความคิดของเราเพียงคนเดียวนั้นมีข้อจำกัด การอาศัยไอเดียของคนนอกบริษัทจะได้ของที่เจ๋งกว่า มีใครสักคนที่ช่วยปั้นไอเดียของเราจนเป็นรูปเป็นร่าง การอาศัยแรงผู้อื่นจะช่วยให้สิ่งต่างๆเดินไปข้างหน้า ซึ่งการจะได้แรงของคนอื่นมาช่วยโดยราบรื่นนั้น อย่างแรกเลยคือเราต้องช่วยผู้อื่นก่อน”
มังงะเรื่อง Attack on Titan ได้รับรางวัลว่า “มังงะเรื่องนี้สุโก้ยมาก” (ฝั่งมังงะผู้ชาย) ในปี 2011 ถูกพูดถึงตามหน้าสื่อ และถูกทำเป็นอนิเมชั่นออกฉายในปี 2013 กลายเป็นปรากฎการณ์ทางสังคม
นับแต่ช่วงนั้นมีเมลจากบริษัทต่างๆ วันละร้อยฉบับมาถึงคุณคะวะคุโบะ แม้นปัจจุบัน (ตอนปี 2021 ของบทความ) เมลก็ยังมาอยู่ไม่ขาดสาย แต่คุณคะวะคุโบะยังคงอ่านเมลทุกฉบับแล้วตอบกลับ เพราะทราบดีถึงการอาศัยความร่วมมือของผู้อื่น
“ถ้าเราเห็นแคมเปญไหนดูไม่ใช่ Attack on Titan ก็จะไม่ให้ผ่าน ซึ่งจะดูทีละเมลแล้วตอบกลับไป หากดูดีไซน์หรือวิดีโอ บางทีก็ต้องดูวิดีโอยาวถึง 20 นาทีถึงจะได้ตอบกลับไปซึ่งมันเหนื่อยนะ แต่ผมตั้งใจไว้แล้วว่าจะต้องตอบ ถ้าวันใดพอมีเวลาผมจะคอมเมนต์เพิ่ม
ตัวอย่างเช่น มีเมลให้เช็คดีไซน์ของ Attack on Titan ฉบับภาษาไทย เลขเขียนเมลตอบไปว่า หิวเลยเพราะชวนนึกถึงบะหมี่ต้มยำกุ้ง (หัวเราะ) ด้วยการโต้ตอบแต่ละครั้งทำให้รู้สึกถึงการทำงานเป็นทีม
Attack on Titan มีการ collaboration กับหลายๆบริษัท อย่างเช่น มีเครื่องเล่นที่ USJ, จัดโหวตตัวละครคนไหนอยากให้ลงแข่งม้าของ JRA (สมาคมแข่งม้าญี่ปุ่น), Wrapping บนรถเบนซ์, เกมบนสมาร์ทโฟน และประชาสัมพันธ์กิจกรรมต่างๆ ผ่านโซเชี่ยลเนตเวิร์ค
เพื่อทึ่จะให้มังงะเรื่อง Attack on Titan ขายให้ได้มากขึ้น จึงปล่อยลิขสิทธ์ของเล่มที่ 1 ออกเพื่อให้ผู้อ่านนำไปสร้าง Promotion Video มีแคมเปญ “หนังสือมังงะเรื่อง Attack on Titan ขนาดสำหรับ Titan อ่าน” “Comic ที่ออกท่องเที่ยว“ “ประกวดสโลแกนโฆษณา” เรียกได้ว่ามังงะเรื่อง Attack on Titan เป็นอันดับหนึ่งในการท้าทายทำแคมเปญโฆษณา คุณคะวะคุโบะได้เล่าถึงแคมเปญที่เขามีความทรงจำเป็นพิเศษ
“ตรงพื้นที่โฆษณานอกอาคารย่านชิบูย่า พวกเราแปะมังงะทุกหน้าตั้งแต่ตอนแรกจนถึงเล่มที่ 28 กว้าง 20 เมตรได้ ผมถึงกับคิดว่าพวกเราเล่นอะไรแผลงๆ แล้วล่ะ (หัวเราะ) อีกโปรเจคนึงเป็นการฉาย projection mapping ภาพสามมิติที่มีขนาดความสูงถึง 60 เมตรลงบนอาคารตึกในเมืองคาวาซากิ
ช่วงจังหวะไคลแมกซ์ กำแพงจะพังทลายลงแล้ว Titan มหึมาโผล่ออกมา นั่นเป็นความทรงจำสุดๆเลยนะครับ การจะฉายภาพสูงถึง 60 เมตรนั้นต้องฉายข้ามถนน ต้องขออนุญาตใช้ถนน และต้องขอให้ตำรวจมาคอยกำกับดูแลความเรียบร้อยอีก คงจะมีแค่เรื่อง Attack on Titan เรื่องเดียวละมั้งที่มีการฉาย Projection mapping ระดับสูง 60 เมตร”
แต่มีบางโปรเจคที่อยากจะทำแต่ไม่ได้ทำ
“ผมต้องการจะทำฉากจำลองสามมิติไดโอรามาขนาดสเกล 1/1 (เท่าของจริง) อดีตเราเคยจัดงานอีเวนท์ที่พิพิธภัณฑ์ Mori Art museum ในอุเอะโนะ ตอนนั้นเราอยากจะสร้างฉากจำลองสามมิติบ้านเกิดของตัวละครเอก “สิ่งก่อสร้างที่ถูก Titan เหยียบแบนจนพังพินาศไป” หรือ “Titan เอาหน้ามองลงมาจากหลังคา” “ ผมอยากจะทำของแบบนั้น แต่สิ่งที่อยากทำมากที่สุดกลับไม่ได้ทำ”
คุณคะวะคุโบะใช้ Twitter account “back บรรณาธิการ Attack on Titan” ที่มีผู้ติดตามกว่า 1แสน5หมื่นคน ซึ่งกว่า 70% เป็นคนต่างชาติ มังงะเรื่องAttack on Titan ตีพิมพ์ใน 22 ประเทศ มียอดขายอยู่ที่ 12 ล้านเล่ม มีคนแต่งคอสเพลย์อยู่ทั่วโลก และมีแผนการสร้างภาพยนตร์ฮอลลีวูดโดยใช้คนแสดง หากมีการแพร่ภาพอนิเมชั่นลงบน youtube คนตอบคอมเมนต์ส่วนใหญ่มักเป็นชาวต่างชาติ
มี episode ที่ทำให้คุณคะวะคุโบะรู้สึกได้ว่าผลงานมังงะเรื่องนี้ไปไกลถึงทั่วโลก
“เมื่อมีการจัดอีเวนท์ที่ซาอุดีอาระเบีย เราได้รับ request ขอจัดเวทีของ Attack on Titan พอมีคนขึ้นมาบนเวที ซึ่งน่าจะเป็นคนซาอุดีอาระเบียแหละ พวกเขาร้องประสานเสียงเพลงอนิเมะของ Attack on Titan กัน ผมเลยรู้สึกว่าแม้แต่คนซาอุดีอาระเบียมันก็ยังไปถึง”
จากกระแสที่มี ทำให้มีการแพร่ภาพอนิเมชั่นเรื่อง Attack on Titan The Final Season มียอดการชมสูงสุดในโลก และบริการ Streaming อย่าง Netflix ช่วยส่งแรงกระเพื่อม
หนึ่งในวัฒนธรรมญี่ปุ่นอย่างมังงะบุกเบิกเปิดตลาดต่างประเทศ คุณคะวะคุโบะรู้ซึ้งถึงความยากลำบากของมัน และตอนนี้เขาเตรียมเริ่มต้นก้าวใหม่
“มังงะถือว่าเป็นวัฒนธรรมเฉพาะของญี่ปุ่น ทั้งการแบ่งช่องและการวางแผงรายสัปดาห์ถือว่าเป็นของแปลก การนำเอามังงะไปนำเสนอกับโลกในรูปแบบนั้นเป็นเรื่องยาก จึงนำเสนอในรูปแบบอนิเมชั่นแทน ซึ่งอนิเมชั่นเป็นสิ่งสามัญกันทั่วโลก ผมคิดว่าควรที่จะนำเสนอโลกในรูปแบบ ภาพเคลื่อนไหว ของที่ระลึก งานอีเวนต์ หรือ การสร้างประสบการณ์ ให้มากยิ่งขึ้น
ผมคิดว่าตลาดยังมี เพียงแต่ต้องคัดกรองดีๆ
มีการจัดแคมเปญบนอินเตอร์เนต “เคาท์ดาวน์ตอนสุดท้าย Attack on Titan วันที่ 9 เมษายน บทสรุปจะเป็นอย่างไร” ซึ่งมีการนำเสนอ Content พิเศษทุกวันจนถึงวันวางแผงตอนสุดท้าย วันที่ 30 มีนาคมซึ่งเป็นวันเกิดของเอเรน ตัวเอกของมังงะ, คุณคะวะคุโบะส่งต้นฉบับสุดท้ายที่ได้รับจากคุณอิซะยะมะไปยังโรงพิมพ์ แล้วโพสต์บน Twitter ว่า “ขอบคุณสำหรับ 11 ปี 7 เดือนที่ผ่านมา”
มังงะจบลงแล้ว เขาคิดว่าจะเป็นตอนจบของบทหนึ่งในชีวิต แต่งานของคุณคะวะคุโบะที่เกี่ยวข้องกับ Attack on Titan ยังคงดำเนินต่อ
“เมื่อวานผมยังได้รับการเสนอแคมเปญไทอินที่กำหนดจัดในสักเดือนนึงของปี 2022, ขนาดปี 2022 ผมยังคงทำงานเกี่ยวกับ Attack on Titan เป็นปรกติ (หัวเราะ) ใจจริงผมอยากจะกู่ร้องว่า “จบสะทีโว้ย” แล้วล้มตัวลงนอน อยากจะมีความรู้สึกว่าวัยฝันของฉันสิ้นสุดลงแล้ว
แต่พอคิดถึงความสามารถที่มีของคุณอิซะยะมะแล้ว ผมรู้สึกว่ามันยังถูกอ่านน้อยนัก คิดว่ายังมีอะไรต้องทำอีก”
สิ้นสุดการสัมภาษณ์ สิ่งที่ออกมาจากปากของคุณคะวะคุโบะนั้นคือ แม้นยุคสมัยจะเปลี่ยนไปแต่สิ่งที่ไม่เคยสั่นคลอนคือ “ความภาคภูมิใจ” ของบรรณาธิการ
“สำหรับผมแล้วจุดเริ่มต้นคือคำถามว่าการวาดมังงะนั้นเพื่ออะไร การวาดมังงะที่จะทำให้คนวาดได้สร้างตัวตนขึ้นมา ผมคิดว่าบรรณาธิการคือคนที่จะเป็นเพื่อนคู่คิดเพื่อทำให้มันออกมาได้ แม้นยุคสมัยจะเปลี่ยนไปมันก็ไม่เปลี่ยน และนี่คือจุดยืนของผม”
เฉกเช่นเดียวกับการแสดงออกถึง “ความรัก” ที่ไม่ยอมเปลี่ยนแปลงต่อ “Attack on Titan”
“ผมสามารถนำเอาเรื่อง Attack on Titan มาแทนเรื่องราวของผม เป็นเรื่องที่วาดถึงความหวังและความสิ้นหวังของโลกใบนี้ เชื่อผมเถอะ แม้ใครที่ปรกติไม่ได้อ่านมังงะ ผมก็อยากให้คุณลองอ่านดูสักครั้งครับ”
คุณคะวะคุโบะกล่าวทิ้งไว้แล้วกลับไปโต๊ะทำงานของตนเอง
ภาพประกอบ WALK on CLOUD
เรื่องแนะนำ :
– อาชีพที่สองหลังซูโม่
– ดูคอนเสิร์ต คนญี่ปุ่นเงียบไหม
– ญี่ปุ่น ความพ่ายแพ้ในเอเซี่ยนคัพ
– คนต่างชาติหางานในญี่ปุ่น
– คนต่างชาติซื้ออสังหาริมทรัพย์ที่ญี่ปุ่นได้ไหม
แปลจาก
https://toyokeizai.net/articles/-/421653
#Back บรรณาธิการผู้โฆษณา Attack on Titan