หนังญี่ปุ่นที่สร้างความประทับใจ… ในการให้หนทางอันบริสุทธิ์แก่การแก้ปัญหาหัวใจอันฝังลึกได้อย่างซาบซึ้งและเต็มไปด้วยความหมายของความหวัง
“คนเราทุกคนล้วนแล้วแต่มีความหลังฝังใจ… มีที่ทางแห่งหัวใจที่ชีวิตได้เคยผูกพัน… ได้รักได้สัมผัสกับใครสักคนหนึ่งที่เป็นความหมายของชีวิต… ต่อเมื่อเวลาล่วงผ่านไป ชีวิตของใครบางคนอาจกลับฝังจำอยู่กับเงื่อนงำของอดีต เป็นบาดแผลแห่งความโศกเศร้าที่ไม่อาจลืมเลือนและเยียวยา”

นัยเบื้องต้นเป็นความหมายแห่งหัวใจของผู้ที่เคยอกหักที่ไม่สามารถแก้ไขอะไร ได้… ไม่สามารถปลดเปลื้อง… ไม่สามารถสลัดพ้น… ปลอบประโลมอย่างไรก็ไม่หาย… อาจกล่าวได้ว่ารสชาติของความอกหักมักเกิดแก่ความเป็นชีวิตของเราได้เสมอ และดูเหมือนเราจะกล้ากลืนกินมันเอาไว้อย่างเนิ่นนาน แม้ว่ามันจะขมปร่าและบาดลึกต่อความรู้สึกอันอ่อนล้าของตนสักเพียงใดก็ตาม
“Bandage Club” (Hotai Club) แก็งค์ผ้าพันแผล… หนังญี่ปุ่นที่สร้างความประทับใจ… ในการให้หนทางอันบริสุทธิ์แก่การแก้ปัญหาหัวใจอันฝังลึกได้อย่างซาบซึ้งและ เต็มไปด้วยความหมายของความหวัง โดยฝีมือการกำกับการแสดงของ “ยูริโกะ ซึซึมิ” ซึ่งถือเป็นผู้กำกับแนวหน้าคนสำคัญของญี่ปุ่นในเวลานี้จากผลงานที่เคยสร้าง ชื่อมาก่อนหน้านี้อย่าง “College of our Lives” หรือ “Memories of Tomorrow”
หนังถูกสร้างจากนวนิยายของนักเขียนยอดนิยมของวัยรุ่น ญี่ปุ่น รวมทั้งกลุ่มหนุ่มสาวในวัยเริ่มทำงาน “อารตะ เทนโด” ซึ่งเป็นเรื่องของเด็กวัยรุ่นหนุ่มสาวสองคน “ไอเดโน ดีโน ทัตสึยะ” ที่แสดงโดย “ยางิระ ยูยะ” นักแสดงหนุ่มน้อยผู้สร้างชื่ออย่างโด่งดังจากการคว้ารางวัลนักแสดงยอดเยี่ยม จากหนัง “Nobody Knows” ในเทศกาลหนังเมือง “คานส์”… ของฝรั่งเศสเมื่อปี 2004 และยังมีหนังยอดนิยมที่เรารู้จักกันดีอย่าง “Sugar and Spice” หรือ “Little boy and Little Randy” ที่แสนจะประทับใจ
เขาได้พบกับ “เอมิโกะ วาระ กิบะ” โดยบังเอิญที่โรงพยาบาลขณะที่เธอประสบอุบัติเหตุ… บทของ “วาระ” แสดงโดย “ซาโตมิ อิชิฮาระ” ผู้เริ่มเล่นหนังใหญ่อย่างเป็นจริงเป็นจังเป็นครั้งแรกหลังจากเคยแสดงบท เล็กๆ ของหนัง “Year on in North” มาก่อนหน้านี้… เธอเป็นเด็กที่อยู่ในครอบครัวที่แตกแยกและเต็มไปด้วยปัญหา… พ่อหนีไปจากบ้าน ทิ้งให้แม่ต้องรับภาระเลี้ยงดูลูกโดยลำพัง… แต่แม่ก็ไม่สามารถดำรงตนเป็นแม่ที่ดีได้… ความเจ็บปวดจากการถูกทิ้งร้างทำให้เธอเลือกที่จะใช้ชีวิตอย่างไร้แก่นสาร ด้วยการดื่มเหล้า ปล่อยให้ชีวิตต้องจมปลักอยู่กับความเมามายที่เสียสติแทนการลุกขึ้นมาต่อสู้ เพื่อลูกและความเป็นครอบครัว
เหตุนี้เด็กสาว “วาระ” จึงตกอยู่กับความโดดเดี่ยวและเหงาเศร้าอยู่ตลอดเวลา… เธอไม่มีใจที่จะร่ำเรียน… หนีเรียนอยู่เป็นประจำ จนนำไปสู่การประสบอุบัติเหตุต้องเข้ารักษาในโรงพยาบาลอันเป็นที่มาให้เธอได้ มีโอกาสพบกับ “ดีโน”… หรือนี่คือชะตากรรมที่เกิดขึ้นเพื่อเขาทั้งสองคน ที่ล้วนต่างมีความเจ็บปวดจากรอยแผลที่จมลึกของชีวิต…
ชีวิตของดีโนก็เต็มไปด้วยเรื่องราวที่แสนจะกดดันและขมขื่น… เพียงแต่ทัศนะคติในเชิงการมองโลกมองชีวิตของเขาดูเป็นแง่มุมในการคิดเชิง บวก… เป็นเหมือนอุดมคติที่ยากจะกระทำและบางทีอาจถูกมองเป็นสิ่งที่ดูไร้ค่าหรือ ไร้สาระ แต่เขาก็มีความเชื่ออันจริงจังและยิ่งใหญ่เฉพาะตัวว่า “การนำเอาผ้าพันแผลไปพันไว้ตามสถานที่ต่างๆ ที่เต็มไปด้วยเหตุแห่งความหลังฝังใจ”… ในลักษณะของการเป็น “หลุมศพแห่งความทรงจำ” ซึ่งนั่นเท่ากับเป็นการที่ได้รักษาเยียวยาแล้ว จึงไม่จำเป็นที่จะต้องหวนกลับไปคิดถึงความเจ็บปวดและโศกเศร้าที่เคยเกิดขึ้น ณ ที่ตรงนั้นอีก… มันจึงเป็นสิ่งที่จะช่วยบรรเทาให้ความรู้สึกที่หม่นมัวได้กลับไปสู่ความสุข สว่างของความหวังอีกครั้ง… ทำให้เราได้มีโอกาสตั้งสติและใคร่ครวญกับตัวตนของตัวเองจนทำให้สามารถค้นพบ หนทางแก้ปัญหาอันร้าวระบมของหัวใจได้… ถึงแม้ว่า… วิธีการรักษาดังกล่าวจะเป็นวิธีการรักษาที่หลอกใจ… เป็นวิธีการแบบปลอมๆ ในการตัดสินใจกระทำเพื่อโลกเฉพาะของตนเอง

“ดี โนกับวาระ” ต่างช่วยกันนำผ้าพันแผลไปผูกไว้ตามที่ทางต่างๆ ที่พวกเขาเคยมีความหลังที่เจ็บปวด… ที่แล้วที่เล่า… จนกระทั่งไม่นานนักวิธีการปลดเปลื้องทุกข์และเยียวยาชีวิตของพวกเขาก็กลับ ได้รับความนิยมเป็นที่กล่าวขวัญจนแพร่หลายเป็นกระแสของสังคมในหมู่วัยรุ่นไป ทั่วทั้งเมือง… กลุ่มวัยรุ่นมากมายต่างส่งอีเมลล์มาขอร่วมรักษาอาการอันพ่ายแพ้ผิดหวังของ ชีวิตด้วยวิธีนี้อย่างไม่ขาดสาย…
นี่คือบริบทแห่งสาระของหนังดีๆ เรื่องหนึ่งในฐานะของความเป็นหนังที่ไม่ได้ใช้ทุนสร้างที่มากมายและเป็น เพียงโปรดักชั่นเล็กๆ ของการทำงาน… แต่หนังกลับสื่อสารและให้สาระอันเป็นคุณประโยชน์ สาระที่ดีงามในความห่วงใยหัวใจของกันและกัน… เป็นหนังที่ให้อารมณ์สดๆ และสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายแห่งน้ำจิตน้ำใจอันบริสุทธิ์… บนเส้นทางของการช่วยชีวิตที่ระทมทุกข์ได้อย่างเปี่ยมพลังและชวนให้หลงรัก
ว่ากันว่า… เราทุกคนคงผ่านการอกหักกันมาแล้ว… ลบเลือนอย่างไรก็ไม่เคยจางหาย แก้ไขอย่างไรก็ไม่เคยจะได้…
“โรงหนัง ร้านเช่าหนังสือ คอฟฟี่ช๊อบ สถานีรถไฟฟ้า หรือแม้กระทั่งสะพานลอยข้ามถนน ณ ที่ใดที่หนึ่ง”… ล้วนอาจเคยเป็นที่ที่ความหลังอันเจ็บปวดของเราได้ถูกฝังเอาไว้อย่างเงียบๆ โดยลำพัง…
“Bandage Club” อาจทำให้เราได้หวนกลับไปคิดถึงที่ทางเหล่านั้นกันอีกครั้ง… ด้วยอารมณ์ความรู้สึกที่ท่วมท้นไปด้วยความซาบซึ้งและกินใจ เราอาจต้องเหลียวมองชีวิตอย่างพินิจพิเคราะห์… และค่อยๆ รำลึกถึงสีขาวของผ้าพันแผลที่บางทีเราอาจจะต้องนำออกมาใช้… เพื่อลบเลือนความทรงจำบางความทรงจำของเราออกไปเสียบ้าง…
พบกันใหม่สัปดาห์หน้าหรือทางทวิตเตอร์ @pumiiiiiiiiii ครับ !