“ยางามิ ไลท์” ชายหนุ่มธรรมดาคนหนึ่ง ผู้มีจิตใจโอบอ้อมอารี และฝันอยากให้โลกมีความสงบสุข วันหนึ่งเขาได้พบกับเรื่องราวประหลาด ที่มาทำให้ชีวิตเขาเปลี่ยนไป วันที่ได้รับสมุดบันทึกสีดำ มีตัวอักษรเขียนที่หน้าปกว่า “Death Note”

“Death Note” มังงะและภาพยนตร์ชื่อดังจากญี่ปุ่น ได้ถูกนำมารีเมคใหม่อีกครั้งในรูปแบบ “ละคร” ประจำ Summer Season ฉายทุกวันอาทิตย์ เวลาสี่ทุ่มครึ่ง ทางช่อง NTV ของญี่ปุ่น พร้อมการตีความใหม่เพิ่มเติมจากเดิมด้วย รับประกันได้เลยว่า แม้จะเอามารีเมค แต่ก็ไม่ซ้ำซากจำเจ วันนี้เลยจะมาเล่าให้ฟังกันค่ะว่า “Death Note” เวอร์ชั่นละครจะเป็นยังไง แตกต่างจากเดิมไหม และจะสนุก น่าติดตามขนาดไหน ตามมาดูกันเลยค่ะ
ปล. เพื่อไม่ให้เกิดความสับสน บทความรีวิวนี้ขอเปรียบเทียบแค่ “Death Note” ในเวอร์ชั่นละครและภาพยนตร์เท่านั้นนะคะ (^_^)
“คนที่ถูกเขียนชื่อลงในบันทึกเล่มนี้จะต้องตาย ต้องเขียนสาเหตุการตายให้เสร็จภายใน 40 วินาที
ไม่เช่นนั้น คนพวกนั้นจะต้องตายเพราะหัวใจล้มเหลวทั้งหมด”
“ยางามิ ไลท์” ชาย หนุ่มธรรมดาคนหนึ่ง ผู้มีจิตใจโอบอ้อมอารี มีความใฝ่ฝันที่อยากให้โลกมีความสงบสุข อยู่มาวันหนึ่ง เขาก็ได้พบกับเรื่องราวประหลาด ที่มาทำให้ชีวิตเขาเปลี่ยนไปจากเดิม วันหนึ่งเขาได้รับสมุดบันทึกสีดำ มีตัวอักษรเขียนที่หน้าปกว่า “Death Note” เมื่อเปิดสมุดนั้นก็พบกับข้อความที่ระบุวิธีการใช้งานว่า… “คน ที่ถูกเขียนชื่อลงในบันทึกเล่มนี้จะต้องตาย ต้องเขียนสาเหตุการตายให้เสร็จภายใน 40 วินาที ไม่เช่นนั้น คนพวกนั้นจะต้องตายเพราะหัวใจล้มเหลวทั้งหมด” ในช่วงแวบแรกที่เขา เห็นสมุดเล่มนี้ ก็แทบไม่อยากเชื่อว่ามันจะฆ่าคนได้จริงๆ เขาเลยลองเขียนชื่ออัธพาลคนหนึ่งลงไป และปรากฏว่า…คนคนนั้นตายเพราะสมุดมรณะนั้นจริงๆ… ต่อจากนั้นเขาจึงใช้สมุดบันทึกเล่มนี้ในการกวาดล้างอาชญากรที่ยังลอยนวล และยังไม่ถูกกฎหมายลงทัณฑ์!!

หลังจากนั้นได้เกิดเหตุฆาตกรรมต่อเนื่องปริศนาขึ้น พบผู้เสียชีวิตเป็นจำนวนมาก และผู้ตายทุกคนเสียชีวิตด้วยสาเหตุเดียวกันนั่นหมด นั่นก็คือ “หัวใจล้มเหลว” สิ่งที่น่าสังเกตอีกอย่างหนึ่งก็คือ ผู้ตายทุกคนล้วนแต่เป็นคนที่เคยเปิดเผย “ใบหน้า” และ “ชื่อ” ของตนเองออกสู่สาธารณะ…นั่นหมายความว่า “คิระ” (นามแฝง ที่มาจากคำว่า Killer แปลว่านักฆ่า) สามารถลงมือได้ด้วยเพียงรู้แค่ชื่อและใบหน้าของเหยื่อเท่านั้น นอกจากนี้ เขายังได้เปิดเว็บไซต์ให้ผู้คนในสังคมมาพูดคุย ขอความช่วยเหลือจากคิระให้ลงมือฆ่าคนชั่วให้สิ้นซาก แต่จะลงมือฆ่าด้วยวิธีไหนนั้น…ช่างเป็นเรื่องที่ยากจะคาดเดาและยากที่จะ เชื่อได้
แต่ถึงอย่างนั้น นี่ก็เป็นเหตุอาชญากรรมอย่างหนึ่ง ด้วยคดีอันสะเทือนขวัญนี้ จึงต้องให้นักสืบผู้ลึกลับมากฝีมืออย่าง “แอล” ยอดอัจฉริยะเข้ามาจัดการ!
ความน่าสนใจของ Death Note เวอร์ชั่นละคร
1. ตัวละครที่เปลี่ยนแปลงไป
ใครเคยติดภาพ “ไลท์” กับ “แอล” ในเวอร์ชั่นภาพยนตร์ต้องลบทิ้งไปได้เลยค่ะ เพราะในเวอร์ชั่นละครนี้ตัวละครจะมีความแตกต่างออกไป
– ไลท์ ชายหนุ่มคนธรรมดาที่อยากทำให้โลกสงบสุข

แม้ “ไลท์” ทั้งสองเวอร์ชั่นจะมีอุดมการณ์อย่างเดียวกันก็คือ อยากให้โลกสงบสุข ปราศจากอาชญากร แต่ตัวตนของทั้งสองเวอร์ชั่นนี้มีความต่างกันอยู่ค่ะ
“ไลท์” ในเวอร์ชันละครนี้ จะไม่ใช่พวกอัจฉริยะค่ะ แต่เป็นเด็กผู้ชายธรรมดาๆ คนหนึ่ง ที่ไม่ได้ฉลาดมาก หรือหัวไว แถมเป็นคนที่ค่อนข้างขี้กลัวนิดๆ ไม่ค่อยมีความมั่นใจมากนัก มีความรู้สึกผิดชอบชั่วดีสูง ซึ่งต่างจากไลท์ในภาพยนตร์ที่ค่อนข้าง เป็นยอดอัจฉริยะ หัวไว วางแผนต่างๆ ได้รวดเร็วทันใจ เวลาที่เขาจะฆ่าใครก็จะฆ่าได้อย่างไม่ลังเลใจ ในขณะที่ “ไลท์” ในละคร แม้จะต้องฆ่าคนชั่ว แต่ช่วงแรกๆ ก็รู้สึกผิด มือสั่น เวลาเขียนชื่อคน
แถมตอนแรกพบสบตากับยมทูตลุค ไลท์ก็ตกใจกลัวเอามากๆ
แหกปากดังลั่น น่าจะได้ยินไปหลายบ้านค่ะ
ถึงขั้นไปหลบใต้โต๊ะ ตัวสั่นระริกๆ คงจะกลัวมากจริงๆ ค่ะ
ไลท์เวอร์ชันนี้มีความสมจริงมาก เพราะถ้าเป็นดิฉันเองก็คงกลัวเหมือนกัน
ถ้าเจอแบบนี้ หลังจากแหกปากลั่นบ้าน คงเป็นลมต่อ
ตอนแรกๆ ก็สะดุ้งนิดหน่อยพอเป็นพิธี หลังจากนั้นก็แสยะยิ้มใส่ยมทูตซะอย่างนั้น
แล้วเริ่มทำความรู้จักกับยมทูตทันที
ที่เวอร์ชันละครเลือกที่จะเปลี่ยนไลท์ให้เป็นคนแบบนั้น ก็เพื่อให้เกิดความแตกต่าง มีมิติขึ้น และความเป็น “ละคร” นี่เองค่ะ ที่มีช่วงเวลายาวกว่าภาพยนตร์ เลยทำให้มีเวลามากพอที่จะเซ็ตให้ “ไลท์” ไม่ใช่คนหัวไว แต่ก็ไม่ถึงกับเป็นคนโง่ ฉลาดเหมือนกัน แต่ต้องใช้เวลาในการคิดสักหน่อย หรือแม้แต่การสร้างให้ไลท์เป็นคนดีมากๆ แล้วมาฆ่าคนทีหลัง ก็ย่อมทำได้เนียนๆ เพราะละครมีเวลาในการเล่าพื้นเพของลักษณะนิสัย เลยสามารถเล่าถึงที่มาที่ไป แล้วการค่อยๆ เปลี่ยนจากคนจิตใจอ่อนโยนมาสู่คนที่มีจิตใจเหี้ยมโหดได้ ในขณะที่เวอร์ชั่นภาพยนตร์ เวลามีจำกัด การที่ไลท์ฉลาด หัวไว มันก็เหมาะกับรูปแบบภาพยนตร์ด้วยเช่นกันค่ะ
– แอลสุดเนี้ยบ ผู้รักความสะอาด
ส่วน “แอล” ในเวอร์ชันละครก็เปลี่ยนแปลงไปจนน่าใจหายค่ะ แอลเป็นคนที่เนี้ยบขึ้น เป๊ะขึ้น สะอาดสะอ้านมากขึ้น ของหวานก็กินนะคะ แต่น้อยลง เน้นกินเยลลี่เพื่อสุขภาพแทนค่ะ
จากแอลคนเดิมที่ชอบนั่งชันเข่า เอาเท้าเหยียบบนเก้าอี้ ผมยุ่งๆ ห้องรกๆ ของหวานเต็มโต๊ะ
อยู่ในรัศมีที่มือเอื้อมถึง ก็กลายมาเป็นแบบนี้…

โต๊ะทำงานก็สะอาดสะอ้าน จิบไวน์ไปพลางๆ ในระหว่างทำงาน ส่วนขนมหวานแบบกระจัดกระจายที่อยู่ในรัศมีที่มือเอื้อมถึงไม่มีอีกแล้ว แต่จะถูกเสิร์ฟมาทีละชิ้นสองชิ้นจากวาตาริ แถมเสื้อผ้าถูกรีดอย่างเรียบ ผมเพ้าถูกเซ็ทอย่างดี ดิฉันไม่ชินเลยจริงๆ ค่ะ
และก็ไม่ได้มีท่านั่งประจำแบบนั่งชันเข่า เอาขาสองข้างเหยียบบนเก้าอี้แล้วนะคะ แต่จะเป็นท่านี้แทนค่ะ…

แอล ในละครจะเป็นคนลึกลับที่มีบุคลิกภาพดี ต่างกับแอลคนเดิมที่บุคลิกจะดูแปลกๆ มีความเป็นมนุษย์ Introvert มากไปนิด แต่ส่วนตัวแล้ว ชอบแอลในภาพยนตร์มากกว่าค่ะ แลดูลึกลับ น่าค้นหากว่าอย่างบอกไม่ถูก ยิ่งตอนโต๊ะรกๆ กินขนมหวานเยอะๆ นี่จะชอบเป็นพิเศษ…
– มิสะมิสะ

ก็มีความแตกต่างจากเดิมบ้างค่ะ ในเวอร์ชั่นนี้ก็จะถูกสร้างให้เป็นผู้หญิงธรรมดา ไม่สวยมาก แต่มีเสน่ห์ มีการเล่าถึงความเป็นมาของชีวิตเธอที่ละเอียดขึ้นค่ะ
– การปรากฏตัวของ “เนียร์”
เวอร์ชั่นละครมีตัวละคร “เนียร์” ด้วยค่ะ แต่เป็นผู้หญิง ในบทละครเขียนไว้ประมาณว่า เป็นผู้หญิงที่มีรูปร่าง หน้าตาสวยงาม แต่แฝงไปด้วยความชั่วร้าย…
– ยมทูต “ลุค” กับ “เร็ม”
ดูเหมือนจะเป็นตัวละครที่เหมือนเดิมสุดค่ะ แต่ลุคเวอร์ชั่นนี้ดูท่าจะเพิ่มดีกรีความเกรียน ความฮาขึ้นเยอะ
2. ความสมจริงกับโลกปัจจุบันมากขึ้น
ความประทับใจใน Death Note เวอร์ชันละครสำหรับเราก็คือ…การสร้างตัวละครที่ใกล้เคียงกับมนุษย์จริงๆ มากขึ้น หรือแบบตัวละครกลมนั่นเอง ตอนแรกๆ อาจจะหงุดหงิดกับ “ไลท์” สักหน่อย แต่มองอีกมุมหนึ่งก็จะเห็นว่า คนแบบนั้นเป็นคนที่มีให้เห็นในสังคมตอนนี้จริงๆ ค่ะ มนุษย์ธรรมดาคนหนึ่ง ไม่ได้เก่งล้ำเลิศกว่าใคร หวั่นกลัวกับสิ่งรอบข้างบ้างอะไรบ้าง แต่นี่ก็คือสิ่งที่มนุษย์อย่างเราๆ สามารถเป็นกันได้จริงๆ รวมถึงฉากต่างๆ ก็ถูกปรับให้มีความทันสมัย มุมกล้องก็ดูเหมาะสม เข้ากับละครยุค 2015 มากขึ้นอีกด้วย
3. พล็อต ฉาก และการดำเนินเรื่องที่ไม่ได้เหมือนกับเวอร์ชั่นภาพยนตร์แบบเป๊ะๆ
แม้จะเป็นเวอร์ชั่นรีเมค แต่เรื่องของพล็อต ฉาก และการดำเนินเรื่องก็ไม่ได้เหมือนกันเป๊ะๆ ค่ะ แต่ถูกปรับให้เข้ากับเวอร์ชั่นแบบละครให้มากขึ้น
Death Note เวอร์ชั่นละคร การดำเนินเรื่องก็จะเป็นแบบเรื่องย่อที่เล่าไปเมื่อข้างต้นค่ะ ที่เริ่มเล่าจากชีวิตของ “ไลท์” ก่อน แล้วค่อยเข้าสู่เหตุอาชญากรรม แต่ในขณะที่ภาพยนตร์จะเล่าถึงเหตุอาชญากรรมสะเทือนขวัญรอบโลกก่อน แล้วเข้ามาเล่าถึงเรื่องราวของ “ไลท์” แล้วก็ยังเลือกที่จะพูดถึงตัวละครของเรื่องให้ครบภายในตอนสองตอนแรก ถ้าเราดูภาพยนตร์ ตัวละครแต่ละตัวจะค่อยๆ เผยออกมา อย่างเช่น มิสะ มิสะ เรารู้เรื่องราวของเธอในภาคที่ 2 แต่สำหรับละครจะถูกพูดถึงตั้งแต่ตอนแรก และผูกเรื่องราวชีวิตของมิสะเข้ากับเรื่องทันที

หรือฉากบางฉากในภาพยนตร์ก็ไม่เหมือนในละครค่ะ อย่างเช่น ฉากที่มีโจรจี้รสบัส ถ้าใครจำได้ในภาพยนตร์ โจรในรสบัสจะเห็นเจ้ายมทูตลุค และหนีเตลิด ถูกรถชนตาย แต่ในละครโจรไม่เห็นยมทูต และตายด้วยการยิงตัวตาย แถมเจ้าหน้าที่ FBI ที่เห็นในรถบัสก็ยังให้ชื่อปลอมกับไลท์อีก
หรือจะเป็นฉากที่มิสะมิสะถูกตามฆ่า คนที่ฆ่ามิสะมิสะก็ไม่ใช่ผู้ช่วยโปรดิวเซอร์ค่ะ ด้วยความแตกต่างในจุดต่างๆ เลยทำให้คาดเดาไม่ได้เลยค่ะว่า Death Note เวอร์ชั่นนี้จะเล่าเรื่องราวอย่างไรต่อไป และจะจบอย่างที่เคยเป็นหรือเปล่านะ!?
4. แก่นเรื่องและข้อคิดสำคัญที่คงเดิม
ยังคงแก่นเรื่องและข้อคิดสำคัญของเรื่องตามเดิมค่ะ เรื่องนี้แม้จะเป็นเรื่องราวความลึกลับของสมุดโน้ตมรณะ “Death Note” และเป็นการชิงไหวชิงพริบของคนสองคน แต่ข้อความแท้จริงที่ผู้แต่งอยากจะส่งต่อให้คนดูทุกคนได้รับรู้ เราคิดว่า…น่าจะเป็นเรื่องราวของความยุติธรรม และกฎหมายในโลกใบนี้
บ่อยครั้งที่เราอาจมองว่าโลกนี้ช่างไม่มีความยุติธรรมเอาซะเลย คนชั่วยังคงลอยนวลในสังคม ในบางทีกฎหมายก็ไม่สามารถเอาผิดได้ ด้วยเหตุนี้จึงทำให้เกิด “ศาลเตี้ย” ขึ้นมา ศาลเตี้ยในที่นี้ก็คือ “ไลท์” นั่นเอง ไลท์เลือกที่จะสร้างสังคมที่สงบสุข ปราศจากอาชญากรด้วยการฆ่าคนผ่านสมุด Death Note โดยถือคติว่า ถ้าอยากให้โลกสงบสุขก็ฆ่าคนชั่วไปซะ ซึ่งเรื่อง “Death Note” ทุกเวอร์ชั่นได้ทำให้เราเห็นว่า การกระทำแบบนี้ก็ไม่ถูกไม่ควรนัก และไม่ใช่วิธีที่ก่อให้เกิดความสงบสุขที่แท้จริง
“กฎหมายน่ะดี แต่มันไม่ครบทุกด้าน เหมือนกับมนุษย์เราที่บัญญัติมันขึ้นมานั่นแหละ”
และเพื่อไม่ให้เกิดศาลเตี้ย หรือคนแบบไลท์ ที่ออกมาฆ่าคนอื่นได้ตามอำเภอใจ หรือเพื่อให้สังคมสงบสุขกว่าเดิม สังคมเราอาจจะต้องคิดทำอะไรสักอย่าง เพื่อให้สังคมและโลกของเราน่าอยู่มากขึ้นค่ะ อาจเรียกได้ว่า… “Death Note” ที่เราเคยอ่าน เคยดูกันนั้น นอกจากความสนุกแล้ว ยังฝากข้อความบางอย่างเพื่อสังคมอีกทางหนึ่งด้วยค่ะ
นี่ก็คือเรื่องราวของ Death Note เวอร์ชันละครแบบคร่าวๆ ค่ะ ใครที่ติดตามเรื่อง Death Note อยู่แล้ว เวอร์ชันละครก็น่าสนใจเช่นกันค่ะ แม้จะเป็นการรีเมคใหม่ แต่รับรองว่าไม่เก่า แถมให้ความรู้สึกและอรรถรสใหม่ๆ เพิ่มเติมจากเดิม ที่เราอาจจะยังไม่เคยเห็นที่ไหนมาก่อน!
ตามติดบทความ ของ ChaMaNow ทั้งหมด คลิ๊ก >>> Sakura Dramas
ทักทายพูดคุยกับ ChaMaNow ได้ที่ >>> Facebook Sakura Dramas