เรายังสามารถซื้อฉบับถูกลิขสิทธิ์มาเก็บไว้ได้ สนับสนุนสินค้าถูกลิขสิทธิ์ได้ไม่ว่าทางใดก็ทางหนึ่ง ตัวนักเขียนหรือคนสร้างผลงานเองคงจะไม่ค่อยยินดีเท่าไหร่ หากเห็นงานของตัวเองมีชื่อเสียงโด่งดัง แต่แทบทั้งหมดเกิดจากการ์ตูนผิดลิขสิทธิ์ที่เขาเองไม่ได้อะไรกลับไปเลย
[ad id=”14011″]
เมื่อคืนวันศุกร์ที่ผ่านมาผมมีโอกาสไปร่วมงานที่สถานทูตญี่ปุ่นเกี่ยวกับความร่วมมือในการพัฒนาตลาดการ์ตูนญี่ปุ่น โดยมีแขกรับเชิญของทางหน่วยงานรัฐทั้งจากไทยและญี่ปุ่น ตลอดจนนักธุรกิจ
สำนักพิมพ์จากทั้งสองประเทศมาแลกเปลี่ยนข้อมูล พูดคุยถึงแนวทางในการพัฒนาวงการให้เติบโตยิ่งขึ้นไปครับ ผมเองถือว่าปีนี้วงการหนังสือมีการจัดงานเพื่อสร้างความเป็นกลุ่มก้อนบ่อยครั้งขึ้น ส่วนหนึ่งอาจเพราะตลาดหนังสือการ์ตูน (และอาจรวมถึงหนังสือประเภทอื่นๆ) มีความเปลี่ยนแปลงค่อนข้างสูง และไม่อาจไม่สามารถอยู่รอดได้หากทุกฝ่ายไม่ร่วมมือร่วมใจกันพัฒนาครับ
ในงานดังกล่าวนี้เอง ผมได้ทราบถึงปัญหาที่ทำให้การเติบโตของวงการชะลอตัว ซึ่งหากพูดกันตามตรงมันก็เกี่ยวข้องกับผู้บริโภคเป็นหลักนั่นล่ะครับ สังคมในวงการการ์ตูนปัจจุบันเติบโตขึ้นมาก แต่เติบโตในแง่ของฐานแฟนๆ อย่างไรก็ตาม ความเป็นธุรกิจไม่ได้เติบโตขึ้นตามไปด้วย ในที่นี้ผมขอแยกประเด็นสำคัญๆ ออกมาเพื่อง่ายต่อความเข้าใจนะครับ
1. ปัญหาการละเมิดลิขสิทธิ์
แน่นอนครับว่านี่คือหนึ่งในสาเหตุสำคัญของโลกในทุกๆ วงการ ไม่เว้นแม้แต่ในประเทศญี่ปุ่นเองที่ก็เริ่มมีให้เห็นอย่างแพร่หลายแล้ว ปัญหาการละเมิดลิขสิทธิ์นี้หากเราหาถึงข้อดี เราก็จะพบว่าแฟนการ์ตูนส่วนใหญ่จะให้เหตุผลในเรื่องของความรวดเร็ว ซึ่งแตกต่างจากฉบับถูกลิขสิทธิ์ราวฟ้ากับเหว รวมไปถึงในเรื่องของการแปล การเซ็นเซอร์ที่คนมองว่าการ์ตูนแบบผิดลิขสิทธิ์ไม่จำเป็นต้องมานั่งแคร์ระบบการตรวจสอบ อย่างใช้คำแบบไหนก็ใช้ ทำให้สามารถอ่านการ์ตูนได้อย่างถึงใจ ถึงอารมณ์มากกว่า
อย่างไรก็ตามแม้เหตุผลดังกล่าวจะมีน้ำหนักและน่านำไปครุ่นคิดถึง แต่สุดท้าย สิ่งที่วงการหนังสือถูกลิขสิทธิ์ทำก็ไม่ใช่สิ่งที่ผิด เพราะแน่นอนว่ากระบวนการตามครรลองของมันย่อมต้องใช้เวลา แต่ทุกครั้งที่หนังสือออกมาเราจะมั่นใจได้เลยว่าทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องกับการ์ตูนนี้จะได้รับผลประโยชน์สูงที่สุด ทั้งทางนักเขียน ทางสำนักพิมพ์เอง (แม้อาจจะขัดใจแฟนๆ เป็นบางครั้ง) ปัจจุบันในยุคออนไลน์แบบนี้ก็คงปฏิเสธไม่ได้ล่ะครับว่าคนหันไปหาการ์ตูนในอินเตอร์เน็ทกันหมดแล้ว แต่สิ่งที่เราทำได้อย่างนึงคือเรายังสามารถซื้อฉบับถูกลิขสิทธิ์มาเก็บไว้ได้ สามารถสนับสนุนสินค้าถูกลิขสิทธิ์ได้ไม่ว่าทางใดก็ทางหนึ่ง ตัวนักเขียนหรือคนสร้างผลงานเองคงจะไม่ค่อยยินดีเท่าไหร่หากเห็นงานของตัวเองมีชื่อเสียงโด่งดังแต่แทบทั้งหมดเกิดจากการ์ตูนผิดลิขสิทธิ์ที่เขาเองไม่ได้อะไรกลับไปเลย
2. คุณภาพการพิมพ์
นี่คือเรื่องหนึ่งที่ต้องพูดถึงครับ เกี่ยวเนื่องมาจากข้อที่แล้ว ทางฝั่งของผู้สร้างงานเองก็ไม่ได้นิ่งนอนใจ เพราะเมื่อเราทราบแล้วว่ายังไงเราก็คงห้ามไม่ให้คนอ่านการ์ตูนจากอินเตอร์เน็ทได้ และดูเหมือนสิ่งนี้มันจะกระจายขึ้นไปเรื่อยๆ ด้วย ดังนั้นสิ่งที่เขามองออกมาคือเรื่องของการพัฒนาการพิมพ์ เพื่อที่อย่างน้อยแฟนการ์ตูนจะสามารถเก็บสะสมหนังสือเหล่านั้นเป็นชุดๆ ได้ ปัจจุบันต้องยอมรับว่าสำนักพิมพ์หลายๆ แห่งยังพิมพ์การ์ตูนด้วยกระดาษหรือหมึกพิมพ์ที่ไม่ค่อยน่าเก็บสะสมเท่าไหร่นัก ตรงนี้แฟนๆ หลายคนก็เรียกร้องนะครับ ผมบอกให้สบายใจตรงนี้ได้เลยว่าทุกๆ เจ้ากำลังหันมาปรับปรุงพัฒนาตรงนี้ เพื่อที่อย่างน้อยแม้คุณจะรู้เรื่องในหนังสือมาก่อนแล้ว แต่คุณก็ปฏิเสธที่จะซื้อหนังสือเหล่านี้ไม่ได้เพราะมันน่าสะสมและมีคุณค่าทางจิตใจต่อผู้ซื้อที่เป็นแฟนการ์ตูนจริงๆ
3. E-Book
ในขณะที่วงการหนังสือทั่วโลกนั้น E-Book กำลังลดความนิยมลง แต่สิ่งที่สวนกระแสขึ้นมาอย่างไม่น่าเชื่อคือการอ่านการ์ตูนในรูปแบบของ E-Book ครับ ตรงนี้ผมมองว่าส่วนหนึ่งเป็นเรื่องของความต้องการในการร่นระยะเวลา เพราะเมื่อทุกอย่างถูกวางไว้บนโลกออนไลน์ ก็ไม่ต้องมาเสียเวลานั่งพิมพ์ตัวเล่ม นอกจากนี้ยังสามารถกระจายสู่คนหมู่มากได้ในเวลาอันรวดเร็วกว่าด้วย เมื่อมองลงไปถึงสาเหตุว่าทำไมตลาด E-book ของการ์ตูนจึงเติบโตขึ้น สิ่งสำคัญที่สุดเลยที่ทางหน่วยงานรัฐญี่ปุ่นหยิบยกขึ้นมานั่นก็คือเรื่องของผังเมืองครับ พื้นที่ของญี่ปุ่นนั้นจากเดิมที่วางให้เป็นที่โล่งกลับถูกใช้สร้างตึก สร้างบ้านมากขึ้น จนทำให้ญี่ปุ่นอยู่ในภาวะของการ “ไม่เหลือพื้นที่” (no land)
ดังนั้นหนังสือการ์ตูนที่กินพื้นที่บ้านอย่างมากจึงไม่สามารถอยู่รอดได้หากไม่ปรับตัว ปัจจุบันนี้เราจะเห็นร้านรับซื้อหนังสือเกิดขึ้นมากในญี่ปุ่นครับ ตรงนี้เองคือสิ่งที่เข้ามารองรับการเปลี่ยนแปลงของโครงสร้างเมืองที่คนไม่สามารถเก็บหนังสือจำนวนมากไว้ในบ้านได้อีกต่อไปแล้ว คนญี่ปุ่นที่ชอบอ่านการ์ตูน ก็กลายเป็นคนที่ “แค่อยากรู้ว่าเรื่องจะเป็นยังไง” มากกว่าจะเก็บสะสมมันเอาไว้ในบ้านเสียแล้ว เด็กรุ่นใหม่เริ่มมีแนวคิดว่าหากเอาการ์ตูนเป็นร้อยๆ พันๆ ตอนใส่ไว้ในแท็บเลทอันเดียว มันสะดวกกว่าเป็นไหนๆ ตรงนี้เองที่ทำให้ตลาด E-book เติบโตขึ้นมาครับ
4. การกระจายประเภทของธุรกิจ
เราได้พูดคุยกับถึงนโยบาย Cool Japan ของรัฐบาลญี่ปุ่น ตรงนี้คือการนำเสนอในสื่อสำคัญของญี่ปุ่นออกไปสู่สายตานานาประเทศไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการ์ตูน อนิเมชัน หนังสือ เพลง ฯลฯ เป็นการเผยแพร่วัฒนธรรมด้วยรูปแบบหนึ่งที่ทางญี่ปุ่นมองว่าได้ประโยชน์เป็นอย่างมาก ทีนี้เราก็เข้ามาเจาะถึงการตลาดของสิ่งเหล่านี้ ปัจจุบันเขาพยายามแยกประเภทของงานออกมาให้ง่ายต่อการติดต่อและเพื่อร่นระยะเวลา อย่างเช่น บางบริษัทก็จะดูในเรื่องของการนำภาพคาแรกเตอร์การ์ตูนไปทำธุรกิจโฆษณา บางบริษัทก็จะดูเรื่องการเอาคาแรกเตอร์การ์ตูนไปประกอบในงานอีเวนท์ ฯลฯ คือแยกส่วนกันไปเลย ไม่ให้สิ่งเหล่านี้กระจุกอยู่ในบริษัทเดียว เพื่อลดขั้นตอนและเพื่อให้แยกเป็นสัดส่วน ตรงนี้ทำให้ธุรกิจเติบโตได้ง่ายขึ้นนะครับ คนที่ชำนาญหรือต้องการเรื่องอะไรก็ได้จับกลุ่มจับก้อนกัน เป็นการสร้างคอนเนคชั่นใหม่ๆ (กล่าวก่อนว่าสมัยก่อนนี้ทั้งเอเชียและยุโรป เวลาจะซื้อลิขสิทธิ์พวกนี้แกมักจะขายเป็นก้อนครับ คือต้องซื้อเป็นก้อนหมด ทำให้บางคนที่อยากได้แค่อย่างสองอย่าง ไม่มีโอกาสได้ใช้งาน ตรงนี้ที่ทางญี่ปุ่นมองว่าต้องเปลี่ยนแปลงหากอยากให้สิ่งที่เขาต้องาการนำเสนอมีช่องทางขยับขยายออกไปมากกว่านี้) ถือว่านี่เป็นวิสัยทัศน์ที่ดีครับ
5. หน่วยงานรัฐของไทยเองก็จะสนับสนุนการ์ตูน
ขออภัยที่ผมเองก็จำชื่อของท่านนั้นไม่ได้ ต้องขออภัยด้วยนะครับ แต่สิ่งที่ท่านพูดบนเวทีนั้นน่าสนใจมาก โดยพูดถึงเรื่องของการเป็นเด็กที่เติบโตมาจากความชอบในการ์ตูนโดเรม่อน และมีไจแอนท์เป็นไอดอล (เพราะชอบร้องเพลงเหมือนกันแต่ร้องได้ไม่เก่ง ไจแอนท์ทำให้มีกำลังใจ) ตรงนี้เองทำให้มองว่าความร่วมมือกับรัฐบาลญี่ปุ่นจะส่งผลดีต่อเยาวชนไทยด้วย เพราะตัวอย่างที่เห็นจากญี่ปุ่นนั้นชัดเจนมากกว่าการ์ตูนสามารถเป็นความหวังและกำลังใจให้กับประชาชนในประเทศได้อย่างแท้จริง ตรงนี้ท่านอยากให้เกิดขึ้นกับประเทศไทยบ้าง โดยในอนาคตจะมีโครงการเกี่ยวกับการ์ตูนในเมืองไทยเกิดมากขึ้น ซึ่งอยากให้คนไทยจับตามองให้ดีๆ ครับ
…ตรงนี้ผมเองไม่ทราบว่าเป็นอย่างไร แต่ในภาพรวมนั้นผมมองว่าก็เป็นสิ่งที่ดีครับ เพราะที่ผ่านมาหน่วยงานหลายๆอย่างของรัฐมักจะมองการ์ตูนเป็นเหยื่อของสถานการณ์ที่พอเกิดอะไรผิดพลาดขึ้นก็จะใช้สิ่งนี้เป็นข้ออ้าง เป็นเหตุผลเสมอ เราอยากให้สิ่งเหล่านี้หายไปครับ…
จงอย่าลืมว่าการ์ตูนสำหรับญี่ปุ่นนั้นคือสิ่งที่บอกพวกเขาว่า “ความฝันของคนไปไกลได้แค่ไหน” ดังนั้นในไทย เราอย่าให้การ์ตูนจบลงเพียงแค่ว่า “มันคือสิ่งที่ทำลายความเป็นคนของเรา” เลยนะครับ ทุกอย่างอยู่ที่มุมมองว่าเราจะปรับใช้ยังไง และผมเชื่อว่าการ์ตูนไม่เคยทำร้ายใคร มีแต่เราที่ทำร้ายคนอื่นโดยอ้างการ์ตูน
พบกันใหม่สัปดาห์หน้าหรือทางทวิตเตอร์ @pumiiiiiiiiii (ไอสิบตัว) ครับ ^^
เรื่องแนะนำ :
– คาแรคเตอร์แปลกๆ ในวงการมวยปล้ำญี่ปุ่น
– เพราะหนังสือญี่ปุ่นไม่มีวันตาย!
– มองวงการหนังสือญี่ปุ่น
– สถานการณ์ของวงการหนังสือญี่ปุ่นในปัจจุบัน
– ฮารูกิ มูราคามิ และภาพสะท้อนของวงการหนังสือญี่ปุ่น