Yagisawa Shoten Co., Ltd … “ผมเชื่อมั่นอย่างยิ่งว่า เราจะกลับมาทำธุรกิจได้อีกครั้ง บริษัทเราผลิตซีอิ๊วมาตั้งแต่สมัยเอโดะ เราเป็นหนี้ลูกค้า ทำให้เราต้องพยายามกลับมาดำเนินการให้ได้เร็วที่สุด”
บริษัทผลิตซีอิ๊ว Yagisawa Shoten ที่ตั้งอยู่ที่เมือง Rikuzen Takata จังหวัดอิวาเตะ เป็นหนึ่งในบริษัทที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์สึนามิในปี 2011 คลื่นยักษ์สูงกว่า 17 เมตร ได้พัดพาทั้งตึกออฟฟิศ โรงงานและโกดังเก็บสินค้า รวมทั้งตึกเก่าแก่ของบริษัทที่มีอุปกรณ์การผลิตซีอิ๊วมาตั้งแต่สมัยโบราณไปกับกระแสน้ำด้วย ความเสียหายที่เกิดขึ้นสูงถึงราว 220 ล้านเยน ในตอนนั้นพนักงานทุกคนล้วนคิดว่าธุรกิจผลิตซีอิ๊วรสชาติดั้งเดิมที่เป็นเอกลักษณ์มาตั้งแต่ปี 1807 มาถึงกาลอวสานแล้ว มีเพียง Michihiro Kono ทายาทรุ่นที่ 9 ของตระกูลที่เพิ่งขึ้นมาเป็นผู้นำบริษัทในต้นเดือนก่อนเกิดสึนามิเป็นเพียงคนเดียวที่ยังมีความหวัง
ในตอนที่สึนามิพัดเข้ามา Kono และ พนักงานหลายคนได้พากันวิ่งขึ้นไปหลบภัยหลังศาลเจ้าบนภูเขา ทุกคนปลอดภัยดียกเว้นหัวหน้าฝ่ายขายคนหนึ่งที่จมน้ำเสียชีวิตระหว่างการทำงานอาสาสมัครเพื่อช่วยปิดประตูกั้นน้ำ แต่ก็มีพนักงาน 6 คนที่สูญเสียสมาชิกในครอบครัว และอีก 25 คนที่สูญเสียบ้านเรือนทำให้ต้องอาศัยในที่พักชั่วคราว
ถึงแม้ว่า Kono จะนั่งมองโรงงานซีอิ๊วที่พังเหลือแต่ซากและไม่มีแม้แต่สินค้าจะขาย แต่สิ่งแรกที่ Kono ทำหลังจากเหตุการณ์ก็คือ ประกาศต่อหน้าพนักงานทั้ง 38 คนว่าบริษัทจะยังคงจ้างทุกคนทำงานต่อไป เขายังคงมอบซองเงินเดือนให้พนักงานทุกๆคนด้วยมือของตัวเองเหมือนเช่นเคย เขาย้อนระลึกสิ่งที่ทำในตอนนั้นว่า เขาไม่ได้คิดถึงอนาคตใดๆเลยคิดแค่เพียงว่า พนักงานทุกคนกำลังลำบากเพราะหลายๆ คนสูญเสียที่อยู่อาศัยและญาติพี่น้อง และการบอกให้ทราบว่าเขายังมีงานทำ จะทำให้พนักงานทั้งหลายรู้สึกมีกำลังใจในการมีชีวิตอยู่ต่อไป
เมื่อไม่มีสินค้าจะขาย Kono จึงจ้างพนักงานโดยการให้ออกช่วยทีมอาสาสมัครในการแจกจ่ายอาหารและเสื้อผ้าไปยังผู้ประสบภัยคนอื่นๆ เพราะ Kono เชื่อว่า คนที่ไม่ทำงานจะสูญเสียกำลังใจที่เข้มแข็งที่จะมีชีวิตอยู่ต่อไป คุณ Kiyoko Araki พนักงานคนหนึ่งของ Kono ได้กล่าวว่า การทำงานอาสาสมัครในตอนนั้นทำให้เธอยุ่งจนลืมคิดไปว่าเธอเพิ่งสูญเสียพี่สาวและต้องอาศัยอยู่บ้านพักชั่วคราวเหมือนพนักงานคนอื่นๆอีก 6 คน
Kono พยายามกลับมาทำธุรกิจอีกครั้ง โดยเล่าถึงความมุ่งมั่นในตอนนั้นว่า “ผมเชื่อมั่นอย่างยิ่งว่า เราจะกลับมาทำธุรกิจได้อีกครั้ง บริษัทเราผลิตซีอิ๊วมาตั้งแต่สมัยเอโดะ เราเป็นหนี้ลูกค้า ทำให้เราต้องพยายามกลับมาดำเนินการให้ได้เร็วที่สุด” เขาเล่าว่า ในตอนนั้นบริษัทได้รับจดหมายให้กำลังใจจากลูกค้ามากมายว่าให้กลับมาผลิตสินค้าให้ได้เร็วๆ รวมถึงมีลูกค้าคนหนึ่งส่งออร์เดอร์พร้อมแนบเงินหนึ่งหมื่นเยนมาให้ และมีข้อความเขียนว่า “ผมต้องการซื้อซีอิ๊วเพียงขวดเดียว ส่วนเงินที่เหลือให้นำไปสมทบทุนสร้างโรงงานใหม่ครับ”
กำลังใจล้นหลามจากลูกค้าทำให้ Kono เกิดแรงฮึดสู้ เขาต้องการทุนในการก่อสร้างโรงผลิต ซื้ออุปกรณ์การผลิต รวมถึงทุนในการซื้อวัตถุดิบสำหรับหนึ่งปี จึงดำเนินการทุกๆอย่างเพื่อสมัครรับเงินช่วยเหลือจากกลุ่มต่างๆ หน่วยงานรัฐบาล และได้รับการแนะนำจากกลุ่มนักธุรกิจท้องถิ่นให้รู้จักกับ Ando Brewery และ Nichinan Brewery โรงงานผลิตซีอิ๊วในจังหวัดอะคิตะซึ่งจะว่าไปก็คือบริษัทคู่แข่งของ Yagisawa นั่นเอง แต่ Kono ได้ไปคุยจนทั้งสองบริษัทจนตกลงรับผลิตซีอิ๊วและมิโสะตามสูตรของ Yagisawa โดยเป็นการรับจ้างผลิต (OEM) ทั้งสองโรงงานเห็นว่าสูตรซีอิ๊วดั้งเดิมของ Yagisawa Shoten มีกลิ่นหอมที่เป็นเอกลักษณ์และมีกลุ่มลูกค้าอยู่แล้วจึงรับผลิตให้ หลังเหตุการณ์สึนามิเพียงหนึ่งเดือน Kono ขึ้นมารับตำแหน่งเป็นประธานบริษัท และได้เปลี่ยนโรงแรมเก่าๆแห่งหนึ่งให้เป็นออฟฟิศ เพียงสองเดือนถัดมา Yagisawa Shoten ได้เริ่มขายซีอิ๊วอีกครั้งโดยการจ้างโรงงานคู่แข่งผลิต
ในตอนแรก Kono คิดว่าหัวเชื้อจุลินทรีย์ที่ใช้ในการหมักซีอิ๊วที่สืบทอดกันมารุ่นสู่รุ่นหายไปกับคลื่นยักษ์แล้ว แต่ดูราวกับบุญกุศลที่ทำไว้ส่งผลเมื่อ Kono ได้รับแจ้งจากนักวิจัยว่า พบถังเชื้อจุลินทรีย์สำหรับทำซีอิ๊วที่เขาเคยบริจาคให้กับมหาวิทยาลัย โดยหวังว่าจะช่วยในการทำวิจัยเกี่ยวกับโรคมะเร็ง หัวเชื้อที่เขาพบทำให้ Kono สามารถคงสูตรซีอิ๊วเดิมที่ทำกันมากว่าสองร้อยปีไว้ได้ เขายังได้พบซีอิ๊วที่หมักมาสองปีช่วงก่อนสึนามิ จึงนำซีอิ๊วนี้ออกขายและตั้งชื่อว่า “ซีอิ๊วมหัศจรรย์”
Yagisawa Shoten เป็นบริษัทแรกๆที่ได้รับอนุมัติเงินจากการระดมทุนสาธารณะเพื่อผู้ประสบภัย โดยได้รับเงินทั้งสิ้นกว่า 150 ล้านเยน และยังได้เงินช่วยเหลือบางส่วนจากหน่วยงานภาครัฐ Kono ได้ใช้เงินทุนดังกล่าวในการสร้างโรงงานใหม่ เพียงสองปีจากเหตุการณ์สึนามิ Yagisawa Shoten ก็เริ่มผลิตซีอิ๊วเองได้อีกครั้ง
Kono แสดงความคิดเห็นว่า ลูกค้ากว่า 70% ของบริษัทตายหรือสูญเสียบ้านเรือนในสึนามิ หากบริษัทต้องการจะขายเหมือนเดิมเหมือนที่เคยทำมา ยอดขายของเขาก็จะเป็นแค่หนึ่งส่วนของที่เคยขายได้ ดังนั้นเขาต้องปฏิรูป 180 องศา เพราะบริษัทนี้ทำธุรกิจมา 200 ปีแล้ว หากจะสามารถทำธุรกิจต่อไปอีก 200 ปี นี่คือจุดเปลี่ยนครั้งสำคัญ เขาเห็นว่าเขาจะต้องมองหาตลาดใหม่ๆเพื่อให้สอดคล้องกับความเปลี่ยนแปลง โดยเปลี่ยนจากการขายซัพพลายเออร์เป็นการขายตรงมากยิ่งขึ้น รวมทั้งหาตลาดต่างประเทศเช่น ภัตตาคารหรูๆในฝรั่งเศส เขายังได้เปิดคอฟฟี่ช็อปเล็กๆเพื่อขายเค้กซีอิ๊ว เสื้อเชิ้ต ซุป ซอส ชนิดต่างๆ รวมถึง “ซีอิ๊วมหัศจรรย์” ด้วย
ถึงแม้บริษัทของ Kono จะยังขาดทุนอยู่ แต่ยอดขายกลับมาได้ถึง 70% เมื่อเทียบกับช่วงก่อนสึนามิและมีแนวโน้มจะดีขึ้นเรื่อยๆ จะเห็นได้ว่า จิตวิญญาณนักสู้ของ Kono ทำให้โรงงานที่เหลือแต่ซากสามารถกลับมาผลิตได้อีกครั้ง และเป็นข้อพิสูจน์ว่า “ไม่มีอะไรที่เป็นไปไม่ได้ หากเราพยายามมากพอ” ความจริงใจต่อลูกค้ายังเป็นกำลังใจดีๆให้บริษัทสามารถ “ส่งต่อความขอบคุณผ่านอาหาร” ตามสโลแกนของบริษัทต่อไปได้ค่ะ Kono ทิ้งท้ายว่า “หากเราไม่ยอมแพ้ ไม่ว่าจะต้องเผชิญกับเรื่องเจ็บปวดสักแค่ไหน เราก็จะผ่านมันไปจนได้”
สามารถติดตามเรื่องราวแรงบันดาลใจในการทำธุรกิจด้วยความรักในหนังสือ “Japan Success ธุรกิจสำเร็จได้ด้วยใจรัก” ตามแผงหนังสือชั้นนำ และ สามารถพูดคุยสื่อสารกับพิชชารัศมิ์ได้ที่ FB: Life Inspired by พิชชารัศมิ์
เรื่องแนะนำ :
– 10 ข้อสังเกตว่าคนนี้เหมาะจะเป็นแม่บ้าน (แม่ของลูก) ฉบับชาวญี่ปุ่น
– หีบห่อของขวัญญี่ปุ่นที่มอบประสบการณ์ที่ดีแก่คนซื้อ
– บริษัทญี่ปุ่นที่สั่งให้พนักงานสื่อสารกันเป็นภาษาอังกฤษ
– Konosuke Matsushita ผู้ก่อตั้งบริษัทที่ควรมีอยู่เพื่อสังคม
– พนักงานบริษัทญี่ปุ่นรู้สึกผิดเมื่อลาพักร้อน และการใช้โดรนไล่พนักงานกลับบ้าน
– 4 ปัจจัยที่จะทำให้คุณมีความสุข
ขอบคุณข้อมูลและรูปภาพ :
http://www.yagisawa-s.co.jp/