สาเหตุหลักๆ ที่คนไทยลาออกจากบริษัทญี่ปุ่นก็เพราะ “เจ้านายค่ะ” คนเหล่านั้นบอกว่า เจ้านายงี่เง่า ชอบใส่อารมณ์ ใช้ถ้อยคำรุนแรง ชอบบังคับ คุยกันไม่รู้เรื่อง ฯลฯ วันนี้ดิฉันมีเทคนิคในการทำงานกับเจ้านายญี่ปุ่นให้ประสบความสำเร็จมาฝาก
สวัสดีค่ะคุณผู้อ่าน เพื่อนดิฉันที่ทำงานอยู่ที่บริษัทจัดหางานชื่อดังแห่งหนึ่งเล่าว่า สาเหตุหลักๆ ที่คนไทยลาออกจากบริษัทญี่ปุ่นก็เพราะ “เจ้านายค่ะ” คนเหล่านั้นบอกว่า เจ้านายงี่เง่า ชอบใส่อารมณ์ ใช้ถ้อยคำรุนแรง ชอบบังคับ คุยกันไม่รู้เรื่อง ฯลฯ
ดิฉันทำงานในบริษัทญี่ปุ่น (และบริษัทสัญชาติอื่น) มาเป็นเวลากว่า 10 ปี และได้ทำงานกับเจ้านายชาวญี่ปุ่นหลายท่าน ซึ่งดิฉันมักจะได้รับความเมตตาจากเจ้านายและได้รับโอกาสในการทำงานดีๆ อย่างคาดไม่ถึง เทคนิคที่ดิฉันใช้ซึ่งมีความสอดคล้องกับผู้บริหารองค์กรญี่ปุ่นหลายท่านที่ประสบความสำเร็จได้แก่
• รู้ว่าเจ้านายต้องการแบบไหน
จากที่ได้สัมผัสกับบรรดาเจ้านายญี่ปุ่นมาหลายท่าน จะแบ่งออกเป็นลักษณะใหญ่ๆ 2 แบบ แบบแรกคือ เป็นเจ้านายที่คอยติดตามการทำงานอย่างใกล้ชิด และต้องการรู้ความคืบหน้าของงานอยู่เสมอ เจ้านายแบบนี้อาจหมั่นถามว่าเมื่อไรจะได้ผลของงานที่สั่งไป หรือว่าเรียกไปคุยงานบ่อยๆ บางทียังคอยควบคุมวิธีการทำงานเพื่อให้มั่นใจว่าทำทุกอย่างถูกต้องตามขั้นตอน
เจ้านายแบบนี้อาจจะฟังดูน่าอึดอัดอยู่สักหน่อยแต่หากสามารถทำให้เขามั่นใจได้ว่าเราเชื่อใจได้ เขาก็จะยืดหยุ่นและปล่อยให้เราทำงานเองมากขึ้นค่ะ ยังมีเจ้านายอีกแบบที่จะไม่ค่อยควบคุมการทำงานของลูกน้อง แต่จะคอยดูและให้คำปรึกษาอยู่อย่างห่างๆ หากเราสามารถรายงานผลการทำงานตามที่ได้ตกลงไว้ก็จะไม่มีปัญหาใดๆ ค่ะ แต่หากเจอเจ้านายที่ชอบใช้ถ้อยคำรุนแรงเกินไป ด่าทอหยาบคาย หรือลงไม้ลงมือแล้วละก็ อย่ามัวรีรอแจ้งฝ่ายบุคคลหรือระดับใหญ่กว่าได้เลยค่ะ เพราะคงไม่มีประโยชน์ที่จะทนค่ะ
• เตรียมข้อมูลและคำตอบล่วงหน้า
คนไทยอาจมองว่าคนญี่ปุ่นละเอียดเรื่องมาก ทำให้คนไทยรู้สึกไม่ชอบหรือรำคาญ เช่น เวลาขอข้อมูลการประชุมต่างๆ จากคนไทย คนญี่ปุ่นต้องการตัวเลขที่ชัดเจนและละเอียดมากที่สุด บางครั้งเมื่อเกิดภาวะวิกฤตขึ้น เช่น เสื้อแดงประท้วง เสื้อเหลืองปิดสนามบิน น้ำท่วม ฯลฯ คนญี่ปุ่นมีมาตรการให้ทำรายงานสถานการณ์ความคืบหน้าเป็นรายวันเพื่อป้องกันปัญหาที่อาจเกิดขึ้น แต่คนไทยจะไม่ค่อยชอบเพราะเป็นการเพิ่มความผิดชอบ
นอกจากนี้บางครั้งหากเจ้านายญี่ปุ่นให้ศึกษาความเป็นไปได้บางโครงการ ก็ขอให้เตรียมข้อมูลมาให้ครบถ้วนถึงแม้บางตัวเลือกอาจจะดูเหมือนไม่มีความเป็นไปได้เลย ทำไปก็เสียเวลาเปล่า แต่เจ้านายญี่ปุ่นมักจะขอดูข้อมูลเพื่อเปรียบเทียบ บางครั้งเวลาเกิดปัญหาในการทำงานและต้องการไปปรึกษาเจ้านาย ก็ขอให้เราเตรียมความคิดเห็นหรือทางออกของปัญหาของเราไว้ด้วยไม่ใช่รอถามเจ้านายอย่างเดียว
• ตั้งใจทำงานและพยายามสุดความสามารถ
ดิฉันเชื่อว่างานที่เกิดจากการทำอย่างตั้งใจและไม่ตั้งใจจะมีคุณภาพต่างกันอย่างเห็นได้ชัด ดังนั้นดิฉันมักจะถือคติที่ว่า ตั้งใจทำงานที่ได้รับมอบหมายทุกๆ อย่างให้ดีที่สุดเท่าที่ดิฉันจะทำได้ ไม่ใช่ทำแค่พอผ่าน หากเราใส่ใจกับมันอย่างเต็มที่แล้ว คุณภาพของงานก็จะออกมาดีเองค่ะ อีกอย่างคือ ดิฉันจะคิดเสมอว่าหากดิฉันตัดสินใจลงมือทำอะไรไปสักอย่าง ถ้าเป็นบริษัทของดิฉันเอง ดิฉันจะตัดสินใจอย่างไร ทำให้เจ้านายเห็นว่าดิฉันมักจะช่วยปกป้องผลประโยชน์ของบริษัทอยู่เสมอ
• ความสัมพันธ์ที่ดีกับผู้อื่น
เพราะเราไม่สามารถทำงานคนเดียวได้ ดังนั้นการมีความสัมพันธ์ที่ดีกับเจ้านาย ลูกน้อง เพื่อนร่วมงาน ลูกค้า ซัพพลายเออร์ ฯลฯ เป็นสิ่งสำคัญ การมีความสัมพันธ์ที่ดีรวมถึง การคำนึงถึงผลประโยชน์ของทีมและของลูกค้ามากกว่าของตัวเอง
การคอยช่วยเหลือเพื่อนร่วมงาน ยอมรับฟังและเปิดโอกาสให้คนอื่นได้แสดงความคิดเห็น ทำให้มีแต่คนอยากให้ความร่วมมือและต้องการให้เป็นส่วนหนึ่งของทีม
• แสดงฝึมือให้เจ้านายเห็น
เคยสังเกตไหมคะว่า มีคนเก่งมากมายที่มีความสามารถแต่กลับไม่ประสบความสำเร็จเท่าที่ควร สัมภาษณ์งานไม่ผ่าน ไปขายสินค้าที่ไหนก็มักได้รับการปฏิเสธ ไม่มีพันธมิตรทางธุรกิจ เวลาพูดอะไรก็ไม่ค่อยมีใครฟัง ไม่เคยได้เลื่อนตำแหน่งเพราะเจ้านายไม่เคยเห็นความดีความชอบ ขณะเดียวกันบางคนอาจไม่ได้เก่งเท่าแต่กลับได้รับโอกาสดีๆ ในชีวิตอยู่เสมอๆ ทั้งนี้เพราะว่าบางคนเก่งก็จริง แต่ไม่รู้วิธีนำเสนอตัวเอง ดิฉันคิดว่าการทำงานให้ดีเป็นสิ่งสำคัญ แต่การแสดงความสามารถให้เจ้านายเห็นก็เป็นสิ่งสำคัญเช่นกัน เราจึงควรใกล้ชิดกับเจ้านายพอสมควร คอยรายงานความคืบหน้าของงานและแสดงความสามารถให้เห็น (อันนี้ไม่ได้หมายความว่าประจบเกินจริง) เพราะเจ้านายก็คงมองเห็นคนที่ใกล้ชิด หรือคอยมาคุยด้วยมากกว่าคนที่ไม่เคยเข้าหาเลยใช่ไหมคะ หากต้องการได้รับการโปรโมตก็จำเป็นที่จะต้องแสวงหาโอกาสในการแสดงฝืมือ เพราะหากทำงานเรื่อยๆ เฉื่อยๆ แบบไม่ท้าทายมากนัก ก็คงจะไม่มีใครเห็นความสามารถค่ะ
เราเลือกเจ้านายไม่ได้ ทำได้แค่เพียงปรับตัวให้เข้ากับเจ้านายแต่ละคนเท่านั้น แต่ถ้าทนไม่ได้จริงๆ ก็ขอให้คิดซะว่าคนญี่ปุ่นมีระบบหมุนเวียนเปลี่ยนงานในองค์กรทุกๆ 3 ปี (โดยประมาณ) อีกไม่นานก็จะมีคนใหม่มาแทนค่ะ ฮ่าๆๆ
เรื่องแนะนำ :
– บทเรียนจากมหาเศรษฐีอันดับ 1 ของญี่ปุ่น Tadashi Yanai เจ้าของ Uniqlo
– ผู้หญิง (หรือผู้ชาย) ก็สวยขึ้นได้ด้วยการแต่งหน้า
– คนญี่ปุ่นมีสองหน้า
– Horenso (報連相) การรายงานผลการทำงานแบบญี่ปุ่น
– Mari Tobita นักธุรกิจหญิงญี่ปุ่นเพื่อกิจการ Start Up
#เจ้านายญี่ปุ่น