Hiroshima ในช่วงฤดูร้อนนั้น… ต้อนรับเราด้วยแสงแดดที่แผดจ้ากันเลยทีเดียว ลุยกันต่อเลยสิคะ รออะไร ไปเที่ยวเกาะกระต่ายและทุ่งดอกทานตะวันกันจ้า 😉
ฮิโรชิม่าในช่วงฤดูร้อนนั้น… ช่วงเช้าก็ต้อนรับเราด้วยแสงแดดที่แผดจ้ากันเลยทีเดียว ดังนั้นเราจึงไปเที่ยวกันในที่ที่มีแต่ดวงอาทิตย์!! ลุยกันต่อเลยสิคะ รออะไร 😉
ช่วงเช้าเราออกจากเมือง Hiroshima ไปยังเมือง Sera แถวนี้เขาทำเกษตรกรรมกันเป็นส่วนใหญ่ ไร่นาดูสวยงาม เป็นระเบียบทีเดียว แต่ครั้งนี้เราจะไปเยือนทุ่งดอกทานตะวันกันที่ Sera Kogen Farm ถือว่าเป็นฟาร์มที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งในญี่ปุ่นเลยทีเดียว ฟาร์มนี้อยู่ห่างจากสนามบิน Hiroshima ไปประมาณ 40 นาที เดินทางมาได้ด้วยรถไฟ แล้วต่อแท็กซี่ ใครเช่ารถขับมาก็สะดวกดีนะ ที่จอดรถกว้างขวาง คนญี่ปุ่นขับมาจอดกันเนืองแน่น
ตอนแรก ก็ไม่ได้ตื่นเต้นอะไรมาก เพราะทุ่งทานตะวันที่เมืองไทยเราก็มีให้เห็นอยู่บ้าง สวนดอกไม้ในญี่ปุ่นก็เคยไปมาหลายครั้ง แต่พอก้าวแรกที่ผ่านประตูเข้าไปเท่านั้นแหล่ะ ‘ว้าว!’ อลังการสุดลูกหูลูกตาสองฟากฝั่งตลอดทางเดินเลยจ้า พอเดินไปสุดทางก็มีหอคอยชมวิว เป็นรูปกังหันลมเหมือนของฮอลแลนด์ พอขึ้นบันไดไป แล้วมองต่อไปข้างหน้า ‘เฮ้ย!!’ ยังมีอีกจ้า ทุ่งทานตะวันอยู่ในหุบเขาข้างล่าง OMG! เต็มหุบเขาเลย ลงจากหอคอยชมวิว เดินตามทางเดินเบี่ยงออกไปอีกนิด มีอีกจุดชมวิว ที่ใช้ไม้สร้างยื่นออกไปจากชะง่อนผา … อ่ะ ก็ลองเดินไปดูซะหน่อย ‘บ้าไปแล้ว!!!” มีอีกหุบเขานึง ทั้งหมดนี้ เป็นทุ่งดอกทานตะวันทั้งหมด โห… ไม่อยากจะคิดเลยว่าดอกไม้ของฤดูอื่น ที่กำลังเพาะเลี้ยงอยู่เพื่อให้บานสะพรั่งในฤดูถัดๆ ไปนั้น เขาจะไปปลูกกันตรงไหน เป็นฟาร์มดอกไม้ที่กว้างใหญ่จริงๆ และดอกทานตะวันที่เราเห็นกันอยู่ทั่วทั้งฟาร์มก็ไม่ใช่สายพันธุ์เดียวกันนะ มีหลายสายพันธุ์เลย แล้วก็มีแปลงที่รวมหลายๆ สายพันธุ์ไว้ด้วยกัน ปลูกเรียงกันเป็นแนว สีแปลกๆ ขาวบ้าง ม่วงบ้าง ก็มี เตี้ยสุดๆ ก็มี สูงอย่างกับต้นปาล์มก็มี บอกเลยว่า… อยากจะเดินดูให้ทั่วๆ อยากจะอยู่ที่นี่นานๆ จำไว้เลยจ้า ชื่อนี้ Sera Kogen Farm มันไม่ใช่แค่ “ทานตะวัน” แต่เป็นทุ่งดอกไม้ ที่สะท้อนความคิดของคนปลูก คนออกแบบ คนสร้างสรรค์ รู้สึกเหมือนเราเป็นนักท่องเที่ยว ที่ผู้ให้บริการ ตามใจเรา เอาใจใส่เรา สปอยเราแบบสุดๆ รู้สึกได้เลยว่า คนที่สร้างสวนดอกไม้แบบนี้ขึ้นมา เขาคงคิดแล้วว่าอยากได้ยินคำว่า “สุโก้ยๆๆๆๆ” แบบรัวไม่ยั้ง จากผู้มาเยือน แล้วพวกเขาก็ไม่ผิดหวังด้วย ตลอดเวลาที่เราอยู่ในฟาร์มดอกไม้แห่งนี้ เราได้ยินคำที่สื่อถึงคำว่า “สุดยอด” มากมายจริงๆ ยกนิ้วให้เลย!! ที่สำคัญ เขาไม่ได้มีแต่ทุ่งทานตะวัน ในฤดูอื่นๆ ก็ยังมีดอกไม้อื่นๆ ไว้คอยตอนรับนักท่องเที่ยว (ยกเว้นฤดูหนาว) ไม่ว่าจะเป็นทุ่งทิวลิป ทุ่งคอสมอส ทุ่งมอสพิงก์ ฯลฯ ภายในยังมี Café ร้านอาหาร ร้านขายของที่ระลึกอีก ครบครันมาก คุ้มค่ากับราคา 800 เยน แบบสุดๆ ไปเลย อ้อ! ที่นี่เขาเปิดให้บริการตั้งแต่เวลา 09.00 – 17.00 น. นะจ้ะ
แต่ถ้าจะมาชมในช่วงฤดูร้อน ก็ทุ่งทานตะวันนี่แหล่ะ ราวปลายเดือนกรกฎาคมถึงกลางเดือนสิงหาคม อย่างเช่นปีนี้ (2018) ช่วง Himawari Festa (เทศกาลทุ่งดอกทานตะวัน) ของที่นี่เริ่มตั้งแต่ 28 กรกฎาคมถึง 19 สิงหาคม
SERA KOGEN FARM
ที่ตั้ง : 1124-11 Bessako, Sera-cho, Sera-gun, Hiroshima 729-3305
เวลาทำการ : ทุ่งดอกทานตะวัน ปลายเดือนกรกฎาคม – ปลายเดือนสิงหาคม เปิดเวลา 09.00 – 17.00 น. (นอกจากนี้ยังมีดอกไม้ในฤดูกาลอื่นๆ อาทิ ทิวลิป, Dahlia, และกุหลาบ เป็นต้น)
ค่าเข้าชม : ผู้ใหญ่ 800 เยน เด็ก 400 เยน
การเดินทาง : ในช่วงเทศกาลดอกไม้จะมี Sera Kogen Flower Touring Bus ให้บริการ แต่ก็สามารถนั่ง Taxi หรือ Shuttle bus ในช่วงเวลาอื่น จากสถานีรถไฟมาได้โดยใช้เวลาประมาณ 15 – 20 นาที
เว็บไซต์ : http://sera.ne.jp
ใกล้ๆ เที่ยง เราออกเดินทางสู่เกาะกระต่าย Okunoshima กัน โดยไปลงเรือที่ท่าเรือ Tadanoumi แล้วนั่ง Ferry ราคาไป-กลับ 620 เยน ไปประมาณ 15 นาที เผื่อเวลากันนิดนึงนะ เพราะเกาะนี้ได้รับความนิยมจากชาวญี่ปุ่นมาก แม้เรือ Ferry จะมาเรื่อยๆ แต่ก็มีสิทธิ์ไม่ได้ขึ้นเรือ หรือขึ้นไปก็ไม่ได้นั่งนะจ้ะ ยืนรับลม หรือยืนตากแอร์กันไปจ้า
เกาะ Okunoshima เป็นเกาะขนาดไม่ใหญ่มาก เดินจากท่าเรือไปยังอีกฟากของเกาะ ได้โดยใช้เวลาประมาณ 10 นาที อย่างไรก็ตามภายในเกาะมีบริการ Free Shuttle Bus แต่ซึ่งจะใช้เวลาเดินทางไม่ถึง 5 นาที ถ้ามาในช่วงฤดูร้อน อาจจะต้องมารอคิวล่วงหน้านานหน่อย เพราะถ้าขึ้นรถไม่ได้ ก็ต้องเดินตากแดดกลับมายังท่าเรือ (ถ้าไม่อยากพลาดเรือในแต่ละเที่ยวน่ะนะ เพราะพลาดแล้ว ก็อาจจะต้องทนยืนเข้าคิวกลางแดดเพื่อรอเรือเที่ยวต่อไปอีก) สำหรับเกาะกระต่ายแห่งนี้ ถ้ามาในช่วงฤดูอื่นๆ น้องกระต่าย จะออกมาต้อนรับ ออกมาเล่นด้วยอยู่เต็มไปหมด แต่ถ้ามาตอนฤดูร้อน น้องๆ เขาจะอยู่ในโพรง ใต้สุมทุมพุ่มไม้ เพราะเขาจะร้อนมาก ไม่กิน ไม่เล่น เขาจะตอนตาแป๋ว มองดูเหล่านักท่องเที่ยวเดินไปเดินมาอยู่ใกล้ๆ โพรงของเขา ถ้าอยากเห็นพวกเขา เราก็ต้องออกล่ากระต่ายนิดนึง ก้มไปมองหาตามใต้พุ่มไม้ต่างๆ เหมือนเล่นเกมตามหากระต่ายกัน ก็สนุกไปอีกแบบ
OKUNOSHIMA
ที่ตั้ง : เกาะ Okunoshima, Takehara, Hiroshima
การเดินทาง : เดินทางจากท่าเรือ Tadanoumi โดยเฟอรี่ ใช้เวลาประมาณ 15 นาที (มีเรือให้บริการตั้งแต่เวลา 07.30 – 19.10 น.)
ค่าเรือเฟอรี่ : ผู้ใหญ่ 310 เยน เด็ก 160 เยน
เว็บไซต์ : http://www.city.takehara.lg.jp , http://rabbit-island.info/en/
กลับออกมาจากเกาะกระต่ายในช่วงบ่ายแก่ๆ เราก็ไปเที่ยวกันต่อที่เมือง Onomichi ที่นี่มีชื่อเสียงเรื่องศาสนสถานเก่าแก่ และศักดิ์สิทธิ์มาก จนติดอันดับ ‘Power Spot’ ของญี่ปุ่นด้วย การเดินทางมารับพลัง (ขอพร) จากที่นี่ ผู้เขียนยินดีมากๆ เลยล่ะ เพราะเคยไป Power Spot ของญี่ปุ่นมาหลายแห่งแล้ว รู้สึกดีมากๆ เลย (ไม่เชื่อ อย่าลบหลู่ หุ หุ) และทุกที่ที่ไปก็ดูดี ดูมีเรื่องเล่า ตำนาน ความเชื่อ รวมถึงสถาปัตยกรรมที่เก่าแก่และงดงาม รวมไปถึงที่วัด Senkoji หนึ่งในวัดดังของเมืองนี้ด้วย อาจจะต้องเดินขึ้นเขา ผ่านเนินบ้าง แต่วิวทิวทัศน์ที่เห็น หลายๆ จุดก็ทำให้เราหยุดหายใจได้ ครั้งหน้าถ้ามีโอกาสได้มาเมือง Onomichi อีก และมีเวลามากๆ ก็อยากจะเดินชมไปขอพรพระโพธิสัตว์ทั้ง 7 ของเมืองนี้เลย (คงจะได้ทั้งเดิน ทั้งใช้บริการรถเมล์ อย่างแน่นอน และอันที่จริงแล้วที่ Onomichi มีวัดมากมาย ถ้าจะจัด Onomichi Temple Walk จริงๆ ละก็ ต้องเรียกทั้งพลังกาย และพลังศรัทธา อย่างแรงกล้ากันก่อนมา ฮึบ!!)
*พระโพธิสัตว์ทั้ง 7 (Shichibutsu) ที่ชาวเมืองศรัทธาก็คือ…
1) Amidanyorai
2) Fudomyouoh
3) Yakushinyorai
4) Syakanyorai
5) Dainichinyorai
6) Jizobosatsu
7) Kannonbosatsu
ประกอบไปด้วย 7 วัดคือ
1) Jikoji
2) Tenneiji
3) Senkoji
4) Taisanji
5) Saikokuji
6) Jodoji
7) Kairyuji
เว็บไซต์ : http://www.shichibutsu.com
จากวัด Senkoji เราสามารถมองเห็นเส้นทาง Setouchi Shimanami Kaido ด้วย น่าเสียดายนิดหน่อย ที่มาถึงฮิโรชิม่า และพื้นที่แถบ Setouchi (พื้นที่จังหวัดที่อยู่ติดกับทะเลในเซโตะ) แล้วไม่ได้มีโอกาสได้ลองประสบการณ์ขี่จักรยานในเส้นทางจักรยานที่วิวสวยและโด่งดังที่สุดในญี่ปุ่น ‘Setouchi Shimanami Kaido’ แต่ช่วงที่มา ก็อากาศร้อนโหดเหี้ยมเกินไปกว่าที่สภาพของผู้เขียนจะปั่นไหวอยู่ รับรองว่า 10 นาทีก็มีจอด ไม่ต้องแจวแล้วล่ะ
(- -)”
ใกล้ๆ กับวัด Senkoji มีจุดชมวิว ที่คู่รักนิยมมากัน มีรูปปั้นแมวกวักคู่ ในกรอบรูปหัวใจ มีกิจกรรมการคล้องกุญแจคู่รักด้วย สำหรับคนมีคู่ ก็คล้องแขนมาเที่ยวกันที่นี่ได้นะ จะได้รักกันแน่นแฟ้น
โดยรวมบริเวณรอบๆ วัด Senkoji จะถูกเรียกว่า “Senkoji Park” หากใครจะมาเที่ยววัด Senkoji อย่างที่เรามากันในคราวนี้ หากต้องการเดินน้อยหน่อย (แต่ก็อาจพลาดจุดที่น่าชมใน Park เยอะหน่อย) ก็สามารถใช้บริการกระเช้าได้นะ บัตรไป-กลับ ราคาประมาณ 1,500 เยน หรือจะใช้บริการแค่ขาขึ้น ส่วนขาลงก็ใช้การเดินเอาก็ประหยัดแรงได้นิดนึง อย่างไรก็ตามถ้ามาในฤดูใบไม้ผลิ น่าจะคุ้มค่าต่อการเดินมากเลยล่ะ เพราะทั้ง Park มีต้นซากุระอยู่เต็มไปหมด
SENKOJI
ที่ตั้ง : 15-1 Higashitsuchido-cho, Onomichi-shi, Hiroshima
เวลาทำการ : เปิดตลอดปี
ค่าเข้าชม : ฟรี
การเดินทาง : จากสถานี JR Hiroshima นั่งรถไฟ Tokaido/Sanyo Shinkansen ไปลงสถานี Fukuyama ใช้เวลาประมาณ 23 นาที แล้วต่อสาย JR Sanyo Line ไปยังสถานี Onomichi อีก 19 นาที เราสามารถเดินเท้ายัง Senkoji Park โดยใช้เวลาประมาณ 15 นาที (อย่าลืม!! ว่าช่วงซากุระ เดินชมดอกไม้ ชมวิวสวยๆ จนลืมเหนื่อยได้เลยทีเดียว)
เว็บไซต์ : www.city.onoichi.hiroshima.jp , http://www.senkouji.jp/ , http://visithiroshima.net/things_to_do/attractions/shrines_and_temples/senkoji_temple.html
เป็นทริปสั้นๆ ที่ความสุขอัดแน่นจริงๆ ไม่น่าเชื่อว่าจะใช้เวลาเที่ยวไม่กี่วันเอง แถมไปวันละไม่กี่ที่ แต่สนุกจริงๆ ค่ะ ขากลับเราก็ยังคงได้รับความประทับใจจากการบริการของสายการบิน New Gen Airways เช่นเดียวกับในตอนขามา .. ก็แอบลุ้นให้เขาเปิดเส้นทางบินกรุงเทพฯ – ฮิโรชิม่า อย่างจริงๆ จังๆ ในเร็ววันนี้ เพราะส่วนตัวแล้วคิดว่า เป็นเส้นทางที่น่าสนใจทีเดียว แล้วก็.. หากไม่ได้บินตรงมาจากกรุงเทพฯ ก็อาจจะเที่ยวไม่สนุกขนาดนี้ เพราะคงต้องเหน็ดเหนื่อยจากการต่อเครื่องแน่ๆ หากจะมาเที่ยวแถบนี้ได้เต็มๆ ในเวลาที่จำกัด บอกตรงๆ ว่า… บินตรงสู่ฮิโรชิม่าเนี่ย มันก็ดีนะ 😉
แล้วพบกันใหม่ทริปนี้ สำหรับคราวนี้ ขอกล่าวคำว่า สวัสดีจ้าาาาาาา
เรื่องแนะนำ :
– เที่ยว Hiroshima … บินตรงสู่ฮิโรชิม่าด้วย New Gen Airways
– เที่ยว Hiroshima … เกาะมิยาจิม่า และ Peace Memorial Park
– 10 สิ่งที่คุณไม่ควรพลาดเมื่อไปไซตามะ (Saitama)
– เที่ยวญี่ปุ่นชิลๆ เส้นทางใหม่ Gunma – Niigata – Saitama ตอนที่ 1
– บีมเซนเซตะลุยเมือง Chichibu แหล่งธรรมชาติที่ใกล้โตเกียวมากที่สุด