ทราบหรือไม่คะว่าเสาโทริอิ (Torii) ที่พวกเราพบเห็นกันจนชินตานี้มีความหมายว่าอะไร และมีความสำคัญอย่างไรกับประเทศญี่ปุ่น
เสาโทริอิ (Torii) เป็นสิ่งที่พบเห็นได้ทั่วไปตามศาลเจ้าในประเทศญี่ปุ่น แทบจะเปรียบได้ว่าเสาโทริอินี้เป็นสัญลักษณ์แทนประเทศญี่ปุ่นรองลงมาจากภูเขาไฟฟูจิเลยก็ว่าได้
แต่ทราบกันหรือไม่คะว่าเสาโทริอิที่พวกเราพบเห็นกันจนชินตานี้มีความหมายว่าอะไร และมีความสำคัญอย่างไรกับประเทศญี่ปุ่น
ลัทธิชินโต
เสาโทริอิสีแดงนี้มีที่มาจากลัทธิชินโตที่มีความเชื่อในเรื่องของภูตผีและเทพเจ้า ซึ่งในสมัยก่อนชาวญี่ปุ่นส่วนใหญ่ล้วนนับถือศาสนาชินโตหรือลัทธิชินโต จนเรียกได้ว่าเป็นศาสนาประจำชาติของประเทศญี่ปุ่นกันเลยทีเดียว และหากเราจะเข้าใจที่มาของเสาโทริอิ เราควรจะทำความเข้าใจกับลัทธิและความเชื่อของคนญี่ปุ่นในสมัยโบราณกันเสียก่อนค่ะ
ลัทธิชินโต เป็นลัทธิตามความเชื่อดั้งเดิมของชาวญี่ปุ่น คำว่าชินโตเกิดขึ้นจากอักษรคันจิหรืออักษรภาษาจีน 2 คำรวมกันคือ “ชิน” (神 , shin ออกเสียงว่า “เสิน” ในภาษาจีน) ที่มีความหมายว่าเทพเจ้า และคำว่า “โต” (道 , to ออกเสียงว่า “เต๋า” ในภาษาจีน ) มีความหมายว่าวิถีทางหรือศาสตร์วิชา เมื่อนำมารวมกันจึงมีความหมายว่า ศาสตร์วิชาหรือวิถีทางแห่งเทพเจ้า
โดยลัทธิชินโตนั้นมีความเชื่อว่าเทพเจ้ามีอยู่มากมายจนไม่สามารถนับได้หมด ไม่ว่าจะในป่า ภูเขา ทะเล แม่น้ำ หรือท้องฟ้า ไม่เว้นแม้กระทั่งในบ้านเรือนและเรือกสวนไร่นา ก็ล้วนแล้วแต่มีเทพเจ้าสิงสถิตอยู่ทั้งนั้น จึงมีคำกล่าวที่ว่ายาโอะโยะโระสุ โนะ คามิ (Yaoyorozu no Kami) ที่หมายความว่าเทพแปดล้านองค์ เพื่อเป็นการเรียกเทพที่มีอยู่มากมายจนนับไม่ถ้วนนั้นเอง
ภายหลังสงครามโลกครั้งที่สอง ลัทธิชินโตได้ถูกยกเลิกจากการเป็นศาสนาประจำชาติของประเทศญี่ปุ่น ซึ่งในปัจจุบันลัทธิชินโตได้เริ่มเลือนหายไปจากวัฒนธรรมในประเทศญี่ปุ่น สิ่งที่ยังสามารถพบเห็นได้ทั่วไปก็คือโอมิคุจิ (おみくじ Omikuji) หรือฉลากเสี่ยงโชคในศาลเจ้าชินโต หรือพิธีกรรมในวันขึ้นปีใหม่ที่ศาลเจ้าชินโต และคงเหลือไว้แค่เพียงในกลุ่มคนที่ยังคงรักษาระเบียบปฏิบัติของพิธีกรรมต่าง ๆ ในอดีตเอาไว้เพียงเท่านั้นค่ะ
ความหมายของเสาโทริอิ
โทริอิ (鳥居 Torii) มีความหมายว่าที่ของนก ซึ่งที่มาของชื่อนั้นเนื่องจากคนญี่ปุ่นมีความเชื่อว่านกเป็นสัตว์ที่สามารถสื่อสารหรือมีความเกี่ยวข้องกับชีวิตหลังความตาย โดยความเชื่อนี้มีที่มาจากพิธีศพของ ยะมะโตะ ทะเกะรุ ที่ถูกบันทึกเอาไว้ในบันทึกโบราณ โคะจิกิ และ นิฮงโชะกิ โดยกล่าวเอาไว้ว่าเมื่อทะเกะรุได้สิ้นชีพตักษัยแล้ว ได้ปรากฏร่างนกสีขาวขึ้นและบินไปเลือกสถานที่ฝังศพของตนเอง จึงทำให้สถานที่ฝังศพของเขาถูกเรียกว่า ชิระโทะริ มิซะซะงิ (白鳥陵) ที่มีความหมายว่า สุสานนกสีขาวนั้นเองค่ะ
ซึ่งเสาโทริอินี้คือซุ้มประตูแบบญี่ปุ่นที่ตั้งเอาไว้บอกว่าอาณาเขตพื้นที่หลังซุ้มประตูนี้คืออาณาเขตของเทพเจ้า เพื่อให้ผู้คนที่กำลังจะเดินผ่านเข้าไปได้เกิดความสำรวมและไม่แสดงพฤติกรรมใดใดที่เป็นการดูหมิ่นหรือลบหลู่เทพเจ้านั้นเอง
โดยเสาโทริอินั้นจะพบได้ทั่วไปตามทางเข้าศาลเจ้าในศาสนาชินโต อย่างในแผนที่ของประเทศญี่ปุ่นก็จะปรากฏรูปเสาโทริอิซึ่งใช้เป็นสัญลักษณ์แทนศาลเจ้าต่าง ๆ และนอกจากนี้เสาโทริอิยังสามารถพบเห็นได้ตามสถานที่ต่าง ๆ ที่เชื่อว่าเป็นเขตแดนของเทพเจ้าหรือเชื่อว่าบริเวณนั้นอาจจะมีเทพเจ้าหรือสิ่งศักดิ์ศิทธิ์สิงสถิตอยู่ ซึ่งบางครั้งเราอาจจะพบเห็นเสาโทริอิได้ตามภูเขาหรือในป่าลึกเป็นต้น
ส่วนประกอบของเสาโทริอิ
ในสมัยก่อนเสาโทริอิจะถูกสร้างขึ้นด้วยไม้หรือหิน แต่ในปัจจุบันเสาโทริอิจะถูกสร้างด้วยคอนกรีตเสริมเหล็กเพราะมีความทนทานมากกว่า โดยเสาโทริอินี้ส่วนมากจะถูกทาด้วยสีแดงอมส้ม และคานด้านบนสุดจะถูกทาทับด้วยสีดำ ซึ่งส่วนประกอบของเสาโทริอิถูกแบ่งย่อยได้ดังนี้ค่ะ
1. องค์ประกอบที่สำคัญที่สุดของโทริอิก็คือเสาฮะชิระ(柱 hashira) ทั้งสองข้าง
2. คานด้านบนที่วางทับระหว่างเสาฮะชิระทั้งสองเรียกว่าคาซากิ (kasagi 笠木)
3. มีคานไม้ที่เรียกว่านูกิ (nuki 貫) ทำหน้าที่ช่วยรักษาโครงสร้างไว้ด้วยกันทั้งหมดเอาไว้ด้วยกัน
ทั้งสามอย่างนี้คือส่วนประกอบพื้นฐานของการสร้างเสาโทริอิทั่วไปที่พบเห็นได้ในประเทศญี่ปุ่น ยกเว้นแค่โทริอิแบบชิเมะ (Shime Torii) ที่จะใช้เพียงแค่เสาฮะชิระแค่ 2 ต้น ส่วนคานด้านบนจะใช้เชือกที่ทำจากฟางข้าวที่เรียกว่าชิเมะนาวะ (Shimenawa) แทนคานไม้คาซากินั้นเองค่ะ โดยส่วนประกอบอื่นนอกจากนี้ก็จะมี
• คานที่วางเอาไว้ใต้คานคาซากิ เรียกว่าชิมากิ (shimaki 島木)
• แหวนตกแต่งเสาด้านบนเรียกว่าไดวะ (daiwa 大輪)
• คุซาบิ (kusabi 楔) คือชิ้นไม้ประดับตกแต่งคานนูกิ
• ท่อนไม้กาคุซุกิ (gakuzuka 額束) เชื่อมต่อระหว่างคานไม้ด้านบนสุดคาซากิและคานไม้ยึดนูกิ โดยส่วนมากบริเวณนี้จะใช้เป็นที่ติดแผ่นป้ายชื่อศาลเจ้านั้นเอง
โดยลักษณะของเสาโทริอินั้นมีอยู่มากมายโดยสามารถแบ่งออกมาได้ถึง 20 ลักษณะด้วยกันแต่หลัก ๆ แล้วสามารถแยกได้สองประเภทคือ
เสาโทริอิแบบชินเมอิ (神明系 , Shinmei) ซึ่งสามารถสังเกตุได้ว่าคานด้านบนจะมีลักษณะเป็นเส้นตรง และ เสาโทริอิแบบเมียวจิน (明神系 , myojin) เสาด้านบนจะมีลักษณะโค้งเล็กน้อยนั้นเองค่ะ
เสาประตูโทริอิไม่เพียงแต่เป็นสิ่งที่สะท้อนถึงความเชื่อ ศิลปะวัฒนธรรมในสมัยก่อนแต่เสาโทริอิยังเป็นเหมือนเครื่องเตือนใจให้ผู้ที่กำลังจะผ่านเข้าไปยังสถานที่ศักดิ์สิทธิ์หรือสถานที่ ที่เต็มไปด้วยความศรัทธาได้เกิดความสำรวมทั้งกาย วาจา ใจ เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการรับพรและชำระล้างสิ่งที่ไม่ดีออกไปด้วยนั้นเองค่ะ
และหากได้มีโอกาสไปเยือนในสถานที่ ที่มีเสาโทริอิตั้งอยู่ นอกจากความสวยงามแล้วไอซึเชื่อว่าเพื่อน ๆ จะมีความรู้สึกต่อเสาโทริอิต้นนั้น ๆเปลี่ยนไปอย่างแน่นอนค่ะ
เรื่องแนะนำ :
– 7 ของฝากขึ้นชื่อของจังหวัดอาโอโมริ (Aomori)
– 7 เส้นทางชมธรรมชาติในคามาคุระ
– เอาใจสายสุขภาพกับข้าวกะหล่ำปลี (Cabbage rice) อาหารแปรรูปตัวใหม่จากประเทศญี่ปุ่น
– เหล่าสาวกเตรียมฟิน Let’s Go, Pikachu! Let’s Go, Eevee! Cafe เปิดแล้ว!!
– Adidas Originals by Dragon Ball Z คอลเลคชั่นระดับตำนานที่เหล่าสาวกไม่ควรพลาดด้วยประการทั้งปวง
ขอบคุณข้อมูลและรูปภาพจาก :
https://hubjapan.io/articles/the-torii-and-its-meaning-in-the-shinto-religion
https://en.wikipedia.org/wiki/Torii
https://en.wikipedia.org/wiki/Shinto
http://japantravelmate.com/wp-content/uploads/2014/04/01-Hakone_Shrine_East_Torii_HDR.jpg