ย่านโอสึ (Osu) ซึ่งมีร้านค้ากว่า 1,200 ร้าน จึงเหมือนการผจญภัยที่สนุกสนาน มีแผนที่ที่กำหนดถนนแต่ละเส้นด้วยสีเพื่อให้สะดวกต่อการเดิน ว่ากันว่าในย่านโอสึนั้น มีนักช็อปมาเยือนกว่า 80,000 คนต่อวันในวันเสาร์-อาทิตย์
สวัสดีค่ะคุณผู้อ่าน วันก่อนดิฉันได้ดูรายการ “ดูให้รู้” และก็ประทับใจตอนหนึ่งมาก เลยอยากจะเล่าสู่กันฟังค่ะ เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับย่านโอสึ (Osu) เมืองนาโกย่า จังหวัดไอจิ ประเทศญี่ปุ่น
ย่านโอสึถือได้ว่าเป็นย่านการค้าที่เคยโด่งดังในอดีตตั้งแต่สมัยเอโดะ (ค.ศ.1603-1868) และอยู่มายาวนานกว่า 400 ปี ตลาดเคยเผชิญสภาวะเกือบเจ๊งเพราะร้านค้าขายของโบราณล้าสมัยเพราะเจ้าของส่วนใหญ่เป็นคนแก่ที่ไม่อยากจะเปลี่ยนแปลงอะไร
เมื่อสินค้าโบร่ำโบราณไม่เป็นที่นิยมอีกต่อไปทำให้ร้านต่างๆ ต้องทยอยปิดตัวลงทำให้ย่านดังกล่าวซบเซาอย่างมาก สมาคมการค้าย่านโอสึต้องการพลิกฟื้นตลาดให้กลับมาโด่งดังอีกครั้ง โดยดำเนินวิธีการทางการตลาดและบริหารจัดการมากมายดังต่อไปนี้ค่ะ
1. ปรับปรุงตลาดให้ดูทันสมัย
สิ่งแรกที่ผู้บริหารสมาคมการค้าโอสึทำคือลดราคาค่าเช่าลง และชักชวนร้านค้าที่ขายสินค้าที่กำลังได้รับความนิยมให้เข้ามาเปิดร้านในย่านโอสึเพื่อเติมเต็มร้านที่ปล่อยทิ้งร้างอยู่ ซึ่งเมื่อมีร้านค้าสมัยใหม่มาเปิดมากขึ้น นักท่องเที่ยวที่มีอายุน้อยก็เริ่มมาเดินมากขึ้น
2. ผสมผสานระหว่างเก่าและใหม่
ย่านโอสึเป็นย่านที่ได้รับความนิยมจากผู้สูงอายุแต่ไหนแต่ไรมาแล้ว เพราะมีร้านค้าขายข้าวของเครื่องใช้โบราณ แต่พอมีร้านค้าสมัยใหม่มาเปิดมากขึ้น นักท่องเที่ยวที่เข้ามาจึงมีความหลากหลายมากขึ้นด้วย ผู้บริหารจึงให้ความสำคัญกับความสมดุลระหว่างร้านค้าเก่าและใหม่ รวมถึงประเภทสินค้าเพื่อให้ลูกค้าทุกกลุ่มสามารถซื้อหาสินค้าที่ต้องการได้ โดยในปัจจุบันสัดส่วนร้านค้าย่านโอสึประกอบด้วยร้านค้ารุ่นเก่า 60% และ ร้านค้ารุ่นใหม่ 40%
3. สร้างการมีส่วนร่วมกับชุมชนผ่านกิจกรรมต่างๆ
ผู้บริหารสมาคมฯ ได้ร่วมกับชุมชนเพื่อจัดกิจกรรมภายในย่านการค้าตามเทศกาลต่างๆ เช่น ขบวนแห่ การแสดงดนตรี ตลก เต้น มายากล พาเหรด ฯลฯ เพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยว เมื่อนักท่องเที่ยงมาดูการแสดงก็มักจะเดินเที่ยวตลาดไปด้วยในตัวค่ะ
4. อำนวยความสะดวกแก่ผู้มาเยือน
การเดินเที่ยวตลาดนั้นจะว่าไปก็สนุกกว่าการเดินห้างสรรพสินค้าเป็นไหนๆ เพราะหากเดินห้างเราจะพบสินค้าต่างๆ อยู่แยกกัน เช่น ชั้นหนึ่งเป็นเครื่องสำอาง ชั้นสองเป็นเสื้อผ้าผู้ชาย ชั้นสองเป็นเสื้อผ้าผู้หญิง เป็นต้น แต่หากเดินตลาดจะสามารถพบสินค้าหลากหลายประเภทวางอยู่ใกล้ๆ กัน
การเดินเที่ยวย่านโอสึซึ่งมีร้านค้ากว่า 1,200 ร้านจึงเหมือนการผจญภัยที่สนุกสนาน ผู้บริหารยังจัดทำแผนที่ที่กำหนดถนนแต่ละเส้นด้วยสีเพื่อให้สะดวกต่อการเดิน ว่ากันว่าในย่านโอสึนั้น มีนักช็อปมาเยือนกว่า 80,000 คนต่อวันในวันเสาร์-อาทิตย์ และ 30,000 คนต่อวันในวันจันทร์ถึงศุกร์
5. ใช้จุดเด่นของชุมชนดึงดูดนักท่องเที่ยว
ย่านโอสึอยู่ใกล้วัดโบราณสวยงามที่มีชื่อเสียง และยังมีโรงละครเก่าแก่ซึ่งกล่าวกันว่าเป็นเพียงแห่งเดียวที่ยังหลงเหลืออยู่ ชุมชนจึงร่วมมือกับวัด โดยการจัดตลาดขายของวินเทจทุกวันที่ 18 ของเดือน เพื่อให้นักท่องเที่ยวได้เดินชมวัดไปด้วย และจัดให้มีการแสดงในโรงละครเพื่อต้อนรับนักชมละครวัยเก๋าและคนรุ่นใหม่ที่สนใจการแสดงโบราณ
และนี่ก็คือเคล็ดลับการสร้างตลาดให้ขายดีแบบญี่ปุ่น ที่ไม่เพียงแต่ใช้ความพยายามตามแบบฉบับคนญี่ปุ่นเท่านั้น แต่ยังใช้แรงกายแรงใจของคนในชุมชนจนพลิกวิกฤตให้เป็นโอกาสได้ค่ะ
ติดตามอ่านเรื่องราวการทำธุรกิจด้วยใจรักจนประสบความสำเร็จได้ในหนังสือ “Japan Success ธุรกิจสำเร็จได้ด้วยใจรัก” และ หนังสือจิตวิทยาความรักความสัมพันธ์ “เมื่อจิตวิทยา ทำให้คนรักกัน” สามารถพูดคุยสื่อสารกับพิชชารัศมิ์ได้ที่ FB: Life Inspired by พิชชารัศมิ์
เรื่องแนะนำ :
– Kurasushi ร้านซูชิไฮเทค ที่ต้องการให้ทุกคนได้กินซูชิราคาประหยัด
– ผู้หญิงญี่ปุ่นในที่ทำงาน
– กฎแห่งกระจก
– สาเหตุการฆ่าตัวตายของคนญี่ปุ่น
– เหตุใดวัยรุ่นญี่ปุ่นถึงไม่มีความสุข
– Kongo Gumi บริษัทเก่าแก่ที่สุดของญี่ปุ่นที่ดำเนินกิจการได้นานถึง 1,428 ปี
ที่มา รายการ ดูให้รู้