ความผิดหวังก็มาเยือน เมื่อญี่ปุ่นจำเป็นต้องตัดสินใจอย่างเจ็บปวด ยกเลิก Tokyo Marathon (ถึงจริงๆ จะบอกว่าไม่ยกเลิก แต่คือตัดผู้เข้าแข่งขันจาก 38,000 คนเหลือเพียงไม่ถึง 200 คน)
“วินคุง… เธอรู้ไหม ชีวิตของคนเรากับการวิ่งมาราธอน… มันคล้ายๆ กันนะ” เธอถามผม
“บอกผมหน่อย…” ผมถามเธอกลับ ในค่ำคืน หลังโตเกียวมาราธอนปิดฉากปี 2010
“ที่เส้นชัย ผู้คนจะเห็นทั้งเหรียญรางวัล ความยินดี คราบน้ำตา แต่คนที่วิ่งถึงเส้นชัยเท่านั้น เขาจะเห็นในสิ่งที่คนอื่นไม่เห็น
มันคืออะไรเหรอ A ซัง?”
เธอตอบว่า…
“ถ้าวินอยากรู้ ว่ามันคืออะไร… เธอต้องมาวิ่งเอง!”
ขอโทษที่บทความนี้อาจจะเป็นเรื่องส่วนตัวนิดนึง แต่ผู้เขียนคงต้องเก็บบันทึกความรู้สึกที่ปะปนหลายอารมณ์นี้ไว้
ลองมองชีวิตประจำวันของพวกเราสิ
เช้าที่เบียดเสียดตัวเข้าไปในพาหนะกล่องเหล็ก เพื่อไปถึงที่ทำงาน และอีกเกือบสิบชั่วโมง ที่อยู่หน้าคอม หน้าเอกสาร เบียดกันไปกินข้าวกลางวัน อยู่ห้องประชุม พรีเซนต์ และก็ทำงานจนถึงเย็น
หากชีวิตของเราคือการเดินออกจากบ้านไปทำงานเพื่อได้เงิน ให้ตัวเองและครอบครัว ผมว่าเรากำลังมีชีวิตที่มีปัญหา
แน่นอนผมไม่ได้บอกว่า ถ้าคุณแค่เดินไปออกกำลังกาย หรือไปเที่ยวทะเล แล้วชีวิตของคุณจะไม่มีปัญหา…
สำหรับผมแล้ว นอกจากชีวิตทำงาน คำพูดของ A ซังในวันนั้นทำให้ผมคาใจ… ค้างคา… และมีปัญหาติดในใจเรื่อยมา
คำพูดของ A ซังเข้ามาในวันที่เหมาะเจาะ ผมมีปัญหาที่เลิกกับแฟน ผมไปทำงานโดยขาดทั้งจิตและวิญญาณ ผมเริ่มหันมาดูแลร่างกายตัวเอง การวิ่งเป็นกิจกรรมที่ทำได้ง่าย ยิ่งตอนอยู่ญี่ปุ่น ภูมิประเทศและอากาศนั้นเหมาะเหม็งมาก แค่คุณเปิดประตูออกมา หน้าบ้านของคุณก็คือสนามวิ่งแล้ว
จากทุกวันที่ด้านหน้าของผม มีแค่โน้ตบุ้ค กับอาหารหรือที่ช้อปปิ้ง ภาพเบื้องหน้าของผมเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง
ผมเห็นท้องฟ้าสีคราม… สัมผัสลมเย็นตอนหกโมง ผมได้เห็นสะพานดิสนีย์รีสอร์ท มากกว่านั้นขาสองข้างพาผมไปข้ามสะพานแม่น้ำเจ้าพระยา วิ่งในเชียงราย ลุยเขาใหญ่ โอซาก้า ภูเก็ต Regent’s Park ในลอนดอน โอกินาว่า และอีกหลายที่หลายทาง ที่ทำให้ผมได้เข้าใจจริงๆ ว่าโลกใบนี้ กว้างใหญ่กว่าที่เรารู้จักหรือเห็นแค่บน google map
แต่ไม่ว่าจะวิ่งมากี่พันกิโล… คำถามที่ว่า “อะไรที่มีแต่คนวิ่งเข้าเส้นชัยจะเห็นเท่านั้น กลับไม่โผล่ออกมา”
ผมผ่านมาราธอนมาก็แล้ว… แต่เมื่อถึงเส้นชัยผมกลับไม่พบสิ่งนั้น ไม่ว่าจะวิ่งกี่สนาม ผมก็ไม่เจอ
ผมสรุปเอาเองว่า คำตอบของผมจะอยู่ที่ “เส้นชัยของโตเกียวมาราธอน”
และปี 2020 สิ้นเดือนกุมภาพันธ์นี้ ผมก็นึกว่าตัวเองจะไปอยู่ที่โตเกียว เพื่อไปวิ่ง… วิ่งเพื่อแก้ปัญหาที่ค้างคาใจมาถึงสิบปี !!
แต่ความผิดหวังก็มาเยือน เมื่อญี่ปุ่นจำเป็นต้องตัดสินใจอย่างเจ็บปวด ยกเลิกโตเกียวมาราธอน (ถึงจริงๆ จะบอกว่าไม่ยกเลิก แต่คือตัดผู้เข้าแข่งขันจาก 38,000 คนเหลือเพียงไม่ถึง 200 คน)
นี่คืองานวิ่งที่คนทั้งโลกรู้ว่า คืองานวิ่งที่เป็นสนามที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของเอเซีย และมีคนไทยมากมาย เฝ้ารอรายการนี้ รวมทั้งผู้เขียนด้วย
มีคนญี่ปุ่นเพื่อนผองรุ่นพี่นับสิบแสดงความเสียใจกับผม… กับรายการในฝันที่ยังไม่เป็นจริงสักที ราวกับเป็นโชคชะตาว่า… 42.195 กิโลของโตเกียว ยาวไกลและยาวนานกว่าที่ผู้เขียนจะคาดฝัน

สุดท้ายนี้ แน่นอนผู้เขียนไม่ได้อยากจะให้ทุกคนหันมาวิ่ง Marathon (เพราะมันเหนื่อยเกินไป ถ้าไม่ชอบมันคือ Thoraman)
แต่ผมเชื่อว่าทุกคน… มีปัญหาที่วางตัวในมุมสุดหัวใจของตัวเอง
ปัญหาที่ไม่ใช่เช้าพรุ่งนี้จะไปแก้งานอะไรที่ออฟฟิศ
ปัญหาที่ไม่ใช่เรื่องของแฟน พ่อแม่ พี่น้อง แต่คือปัญหาที่มีแต่คุณเท่านั้น ที่ต้องลุกขึ้นมาหาคำตอบ และคำตอบของแต่ละคนจะไม่เหมือนกันอีก !!
ผู้อ่านรู้อะไรไหม ยิ่งเราพยายามหาคำตอบอะไรบางอย่าง และยิ่งต้องใช้เวลามากเท่าไหร่ มันทำให้สิ่งนั้นๆ มีความหมายมากขึ้นเป็นอนันต์
เราวิ่งเพราะอะไร เราฝึกภาษาเพื่ออะไร เราสอนหนังสือเด็กๆ ที่แทบจะไม่ได้ค่าแรงเพื่ออะไร ถ่ายรูปมากมายเพราะอะไร เราใช้เวลาวันว่างฝึกทำอาหารชงกาแฟ เพื่ออะไร?
“ถ้าคุณต้องการคำตอบ.. คุณต้องทำมันเอง!!”
เรื่องแนะนำ :
– [ทดความคิด] ดราม่าโอลิมปิก – เป้าหมายคุณแน่แค่ไหน?
– อวสาน SUN BOOKS – Book off version Thai “เพราะโลกต้องหมุนไปและตะวันก็ต้องลับฟ้า”
– วินัยจะซื้อชัยชนะได้ไหม?
– [ทดความคิด] ธนาคารนอกคอก – เพราะเราเป็นได้มากกว่าที่เป็น
– [ทดความคิด] ซูริ กะคุ 数理学 กับโป้ง ก้อย อิ่ม