The Face Thailand ซีซั่นนี้มีเมนเทอร์ 3 คน คือ คุณคริส หอวัง คุณลูกเกด เมทินี และคุณบี น้ำทิพย์ หากมอง 3 ท่านนี้เป็นเจ้านายในบริษัทหรือโค้ชญี่ปุ่น เมนเทอร์ที่ดิฉันคิดว่ามีสไตล์การสอนแบบคนญี่ปุ่นมากที่สุด คือ …..
ปกติดิฉันเป็นคนไม่ค่อยดูรายการโทรทัศน์เท่าไร แต่ปีนี้ ดิฉันติดรายการ TV ถึง 2 รายการ … หนึ่งในนั้นคือ The Face Thailand … รายการเรียลลิตี้ค้นหานักแสดงและนางแบบหน้าใหม่ของวงการ (ส่วนอีกรายการ คือ ละครเรื่องฮอร์โมน…ส่วน The Voice ดูบ้างแต่เวลาไม่อำนวยเลยไม่ได้ติดตามตลอด)
รายการ The Face นี่ ดิฉันติดตามแบบดูสดตลอด ถ้าสัปดาห์ไหนดูไม่ได้จริงๆ ก็จะไม่อ่าน Facebook ไปเลยจนกว่าจะดูคลิปนั้นเสร็จ … คือ กลัวเพื่อนในเฟสสปอยล์เนื้อหาในรายการ ไม่อยากรู้ก่อนว่าทีมไหนชนะ เดี๋ยวตอนดูคลิปแล้วจะไม่ลุ้น (จริงจังค่ะ จริงจัง)

คนจริงจังอย่างดิฉัน … เวลาดูรายการไป ก็จะนั่งคิดวิเคราะห์เปรียบเทียบกับความเป็นญี่ปุ่นไป (อย่างจริงจัง) เช่น ….
1. ประโยคที่คนญี่ปุ่นไม่พูดแน่เลย
หากมีรายการ The Face Japan ดิฉันคิดว่าคงไม่มีประโยคเหล่านี้หลุดจากปากผู้สมัคร เช่น
• “หนูพยายามที่สุดแล้ว/หนูทำเต็มที่แล้ว”

ประโยคนี้ได้ยินบ่อยมากเวลาน้องๆ ถูกส่งไปที่ห้องดำ (ห้องคัดคนออก)
คำว่า “ทำดีที่สุดแล้ว” หรือ “พยายามที่สุดแล้ว” ภาษาญี่ปุ่น คือ Gambatta (頑張った)เป็นคำที่เจ้านายหรือเพื่อนเราจะบอกเรา ไม่ใช่บอกตัวเอง เพราะ …. คนญี่ปุ่นเชื่อว่าความพยายามไม่มีข้อจำกัดค่ะ ไม่มีคำว่าพยายามพอแล้ว มีแต่การพยายามให้ดียิ่งขึ้น ยิ่งขึ้นขึ้นไปอีก
หากบอกตัวเองว่า “พยายามที่สุดแล้ว” แปลว่า เรายินดีที่จะหยุดความพยายามอยู่แค่นั้น ส่วนสาเหตุที่คนญี่ปุ่นคิดแบบนั้นจะกล่าวหัวข้อท้ายๆ ค่ะ
• ทีมอื่นสู้ทีมฉันไม่ได้แน่
การเป็นแฟนพันธุ์แท้รายการนี้ตั้งแต่ซีซั่นแรก ทำให้ดิฉันรู้ดีว่านี่มันคือการแข่งขันและผู้แข่งขันก็สามารถบลัฟกัน ข่มขู่เสียดสีกันไปมาได้ แต่คนญี่ปุ่นจะไม่อวยตัวเองก่อน พวกเขาจะมีวิธีพูดแบบนี้แทนค่ะ
“เราจะไม่ยอมแพ้ทีมนั้นเด็ดขาด”
ต่อให้คนญี่ปุ่นชาตินิยม องค์กรนิยม เทิดทูนบูชาบริษัทหรือประเทศเพียงใดก็ตาม การบอกว่าทีมอื่นสู้ทีมตัวเองไม่ได้ ทำให้คน (ญี่ปุ่น) คนอื่นมองว่าคนพูดเป็นคนเย่อหยิ่ง อีโก้สูง ดูน่าหมั่นไส้ อาจทำให้เกิดการโดนรุมแกล้งตามมาได้ เพื่อรักษาตัวรอดเป็นยอดดี คนญี่ปุ่นเลยพยายามไม่อวยตัวเอง
อย่าบอกดิฉันว่า “แหม..คุณเกตุวดี นี่มันรายการ The Face Thailand นะคะ รายการเรียลลิตี้ต้องสร้างกระแส ผู้เข้าแข่งขันก็ต้องพูดเว่อร์ๆ นิดหนึ่ง”
สมัยอยู่ญี่ปุ่น … ดิฉันติดรายการทีวีญี่ปุ่นมาก มีรายการเรียลลิตี้รายการหนึ่ง ชื่อ “Ainori” เขาจะคัดเลือกหนุ่มสาวขึ้นรถตู้แล้วตระเวนไปเที่ยวประเทศต่างๆ ทั่วโลกพร้อมกัน หนุ่มสาวคู่ไหนที่ปิ๊งกัน หากฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งบอกรัก และอีกฝ่ายโอเค ก็สามารถจูงมือกันบินกลับญี่ปุ่นได้ (แต่ถ้าอกหักก็ต้องลากกระเป๋ากลับคนเดียวเปล่าเปลี่ยวหัวใจนะจ๊ะ)
ถ้ามองดีๆ มันคือเกมรักที่มีเดิมพันเป็นการขึ้นหรือไม่ขึ้นคาน ขอบอกว่าดุเดือดไม่แพ้ The Face ทีนี้มันจะมีฉากที่สาวญี่ปุ่น 2 คนชอบผู้ชายคนเดียวกันอยู่ ทางรายการก็จะผลัดกันไปสัมภาษณ์เดี่ยวแต่ละคน แต่พวกนางไม่มีใครบลัฟใคร และไม่ self ด้วย นางจะเอียงหัวโนะเนะน่ารัก แล้วบอกว่า “ฉันว่า ….(ชื่อคู่แข่ง) ก็ดูน่ารักดี นางเป็นคู่แข่งที่น่ากลัวมากค่ะ” คือ ไม่มีการประกาศกร้าวว่า “ฉันถือไพ่เหนือกว่าแน่นอน” ไม่มี้ไม่มี (ต่อให้ในใจ นางจะคิดอย่างนั้นก็ตาม) คุณเธอต้องรักษาภาพลักษณ์ถ่อมตัว ตอบสวยๆ เข้าไว้ ผู้ชายจะหลงเอง
2. เมนเทอร์ที่ดูญี่ปุ่นที่สุด …
ซีซั่นนี้มีเมนเทอร์ 3 คน คือ คุณคริส หอวัง คุณลูกเกด เมทินี และคุณบี น้ำทิพย์ หากมอง 3 ท่านนี้เป็นเจ้านายในบริษัทหรือโค้ชญี่ปุ่น เมนเทอร์ที่ดิฉันคิดว่ามีสไตล์การสอนแบบคนญี่ปุ่นมากที่สุด คือ …..
เมนเทอร์ลูกเกดค่ะ

ขอบอกก่อนว่าเน้นที่ “วิธีสอน” ไม่ใช่พฤติกรรมในรายการ อันนี้ดิฉันตัดสินโดยไม่นับวิธีพูดถึงทีมอื่น หรือการเล่นนอกกฎกติกา
วิธีสอนของเมนเทอร์ลูกเกด เป็นวิธีสอนแบบอาจารย์หรือเจ้านายญี่ปุ่นเด๊ะ กล่าวคือ บอกตรงๆ ดุด่าว่ากล่าวกันตรงๆ ไม่โอ๋เด็กและแทบจะไม่ชม นอกจากนี้ลูกเกดยังพยายามกดดันให้เด็กๆ ในทีมสู้และพัฒนาตัวพวกเขาเอง จนเด็กๆ ในทีมลูกเกดจึงแข็งแกร่ง สู้ไม่ถอย และทีมเวิร์คดี
การที่เจ้านายคอยกดดันนี่แหละค่ะ ทำให้ลูกน้อง (ญี่ปุ่น) คิดว่าเราต้องพยายามมากขึ้นไปอีกๆ ทำให้ในข้อแรก ดิฉันบอกไว้เลยว่าคนญี่ปุ่นจะไม่พูดว่า “พยายามที่สุดแล้ว” เพราะเขาไม่เคยคิดว่าเขาพยายามพอ
ดิฉันจำได้ว่าในซีซั่นแรก มีแคมเปญหนึ่งให้ถ่ายภาพในแนว Sport สาวๆ ใส่ชุดกีฬา ถ่ายร่วมกับนายแบบชาย จำได้ว่าทีมลูกเกดได้รับคอมเม้นท์ว่าสาวๆ พลังเยอะมาก ขยับกรี๊ดกร๊าดเปลี่ยนท่ายิ่มร่าได้ตลอด ทีมเวิร์คดีมาก (…แต่กลายเป็นว่าคึกคักพลังเยอะเกิน กรรมการเลยเลือกทีมญาญ่าหญิงที่จะดูบาลานซ์ดีกว่า)
หรือในซีซั่นนี้ตอนล่าสุด (Episode 6) ที่ลูกเกดส่งลูกทีมเข้าไปในห้องดำสองคน และบอกว่าพวกเธอต้องรอดมาให้ได้ ลูกเกดบอกทีมงานว่า “Tough Love”

คนญี่ปุ่นจะมีแนวคิดว่า รักวัวให้ผูก รักลูกให้ตี นายดุนายด่า แปลว่านายยังรักและเอ็นดูเรา เพราะการดุด่ามันใช้พลังงานเยอะมาก หากนายยังเตือน แปลว่านายหวังดีและยังอยากให้เราก้าวหน้า แต่ถ้าเมื่อไร นายไม่เตือน ไม่ว่าอะไร ปล่อยให้เราทำผิดๆ ไป มันก็เรื่องของเขา นั่นแปลว่านายญี่ปุ่นเห็นว่าลูกน้องคนนั้นไม่ได้เรื่อง ดุด่าไปก็เสียพลังงานตัวเองเปล่าๆ เลยนิ่งๆ เสีย
เพราะฉะนั้น หากนายญี่ปุ่นดุหรือเตือนเมื่อไร จงรีบดีใจค่ะว่าเขายังเห็นเรามีความสามารถ ☺
3. ลูกทีมที่ดูญี่ปุ่นที่สุด …
ขอยกตำแหน่งนี้ให้….คุณกวาง ทีมคริสค่ะ
ขณะที่ผู้เข้าแข่งขันส่วนใหญ่มักจะบ่นชุดบ้าง แคมเปญบ้าง บางทีก็บ่นเมนเทอร์บ้าง กวางจะนิ่งและดูเป็นผู้ใหญ่เสมอ เวลาทีมงานสัมภาษณ์ ก็แทบไม่เคยบ่นแคมเปญหรือบ่นเมนเทอร์ หรือกล่าวกระทบกระเทียบทีมอื่นเลย คอมเม้นท์เธอจะเป็นแง่บวกหรือไม่ก็กลางๆ เสมอ อันนี้ดูเป็นกุลสตรีญี่ปุ่นมากๆ คือ ไม่ชอบอะไรเก็บไว้ในใจ ไม่พูดอะไรในแง่ลบ ยิ้มหวานๆ สู้ตลอด

แถมเป็นคนที่ยอมรับผิดและกล้ายืดอกรับผิดชอบ อย่างตอนแคมเปญเดินแบบบนเรือสำราญ กวางก็ยอมรับว่าตัวเองสายตาวอกแวกเวลาเดิน และเป็นจุดอ่อนของทีมมากกว่าอีก 2 คนที่เหลือ เลยอาสาไปเข้าห้องดำเอง
เวลาคนญี่ปุ่นทำอะไรผิด พวกเขาจะไม่โทษคนอื่น แต่จะก้มหัวขอโทษยอมรับผิดและพยายามแสดงความรับผิดชอบ ที่เราเห็นกันบ่อยๆ คือ บริษัทญี่ปุ่นเวลาทำอะไรผิด ประธานบริษัทจะออกมารับผิดชอบด้วยการลาออกจากตำแหน่งเลย (บางคนถึงกับฆ่าตัวตาย)
ด้วยบุคลิก วิธีการพูด การวางตัว และการแสดงความรับผิดชอบอย่างยิ่งยวด ทำให้ดิฉันขอมอบตำแหน่งความเป็นญี่ปุ่นมากที่สุดให้แก่คุณกวางด้วยความเคารพ
+++++++++++++++++++
ว่าแล้วก็รอลุ้นสัปดาห์หน้ากันต่อไป …ใครจะเป็นผู้ชนะแคมเปญ และใครจะเป็น The Face Thailand
ทักทายพูดคุยกับเกตุวดี ได้ที่ >>> เกตุวดี Marumura
อ่าน Japan Gossip ทั้งหมด CLICK HERE
เรื่องแนะนำ :
– ทำไมคนญี่ปุ่นไม่ค่อยอัพรูปตัวเอง (+แฟน) ใน Facebook
– Exciting Thailand …ชีวิตน่าตื่นเต้นของคนญี่ปุ่นในไทย
– คนญี่ปุ่นกับอุณหภูมิกี่องศา
– หลีกหนีความวุ่นวาย ไปพิพิธภัณฑ์ Chihiro
– รู้ไว้ก่อนไปโตเกียว…10 ย่านเด่นในเมืองโตเกียว